tag:blogger.com,1999:blog-52944509980075892432024-03-13T17:46:54.187+07:00เตือนภัยพิบัติโลกเตือนภัยพิบัติ, เตือนภัยพิบัติโลก, เรื่องราวภัยพิบัติโลก, บทความภัยพิบัติโลก, คำทำนายภัยพิบัติโลก, วันสิ้นโลก, มหันตภัยโลก
"กมฺมุนา วตฺตตี โลโก สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม"Anonymoushttp://www.blogger.com/profile/09362385019399728087noreply@blogger.comBlogger88125tag:blogger.com,1999:blog-5294450998007589243.post-82257132232043366922014-08-28T15:25:00.001+07:002014-08-28T15:25:33.543+07:00เจ็ด เจ็ด สี่สิบเก้า วันที่ฟ้าดินมืดมิด (7 7 49)ข้อมูล เกี่ยวกับเรื่องที่จะได้นำมาให้อ่านต่อไปนี้ ได้มาจากหนังสือเรื่อง “
สิ่งศักดิ์สิทธิ์ได้เห็นวันโลกาวินาศ ” ซึ่งท่านผู้ใช้นามปากกาว่า
“ศุภนิมิต”ได้เรียบเรียงจากต้นฉบับที่เป็นภาษาจีนอีกทีหนึ่ง
สาระของเรื่องได้ถ่ายทอดจากการรับรู้ของเด็กหญิงผู้วิเศษชื่อ “เทียนไฉ”
ที่ประเทศมาเลเซีย<br />
โดยการประทับทรงสิ่งศักดิ์สิทธิ์ และจากการถอดจิตขึ้นไปสู่โลกเบื้องบนไปรู้ไปเห็นมาหลายครั้งหลายหนของเธอดังนี้<br />
<br />
<table align="center" cellpadding="0" cellspacing="0" class="tr-caption-container" style="margin-left: auto; margin-right: auto; text-align: center;"><tbody>
<tr><td style="text-align: center;"><img alt="Wallpapers Dark Knight Nature Sky X Dark ~ Dark Sky Wallpaper: Wallpapers Dark Art, Gothic Wallpaper, Sky, Dark Backgrounds, Knight, Dark Wallpapers Widescreen, Wallpapers, Wallpapers Dark Angels, Wallpapers Dark Hd, Evil Desktop, Dark, Wallpapers Dark Blue, Dark Sky Wallpaper, Nature, Cool Wallpapers, Black Wallpaper, Wallpapers Of Nature, Dark Sky Wallpaper, Dark Desktop Wallpaper, Dark Wallpapers For Windows 7, Wallpapers Black" src="http://www.lcaid.com/images/full/2012/11/06/wallpapers-dark-knight-nature-sky-x-dark_dark-knight-nature-sky-288922.jpg" height="636" style="margin-left: auto; margin-right: auto;" width="640" /></td></tr>
<tr><td class="tr-caption" style="text-align: center;">ขอคุณภาพจาก http://www.lcaid.com</td></tr>
</tbody></table>
<br />
<span style="color: red; font-size: medium;"><b>เจ็ดเจ็ดสี่สิบเก้า:</b></span> วันที่ฟ้าดินมืดมิด<br />
<br />
1. ก่อนหน้า “ เจ็ดเจ็ดสี่สิบเก้า ” วันฟ้าดินมืดมิดสองสามวัน
บรรยาการของโลกดูสงบเงียบไปทั่ว เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่ความเงียบสงัด<br />
ก่อนพายุฝนจะกระหน่ำมักเป็นความเงียบที่น่ากลัวเสมอ แล้วทันใดนั้นท้องฟ้าก็เปลี่ยนจากสีฟ้าสว่างเป็นแดงฉานและกลายเป็นสีเทาขาว<br />
จนกระทั่งมืดมิดลง ลมมหาประลัยทำลายสิ่งปลูกสร้าง คน และ สัตว์ทั้งหมดให้กลายเป็นจุณมหาจุณในพริบตา<br />
<br />
<a name='more'></a><br />
2. โลกทั้งโลกตกอยู่ในความมืดมิด จนมองไม่เห็นสิ่งใดเลย
ไม่มีแสงสว่างจากดวงไฟใดๆ ทั้งสิ้น
พลังงานไฟฟ้าจากเครื่องมือวิทยาศาสตร์ทุกอย่าง ใช้การไม่ได้ผล
ต่อจากนั้นก็เกิดพายุและลมฝน <br />
เสียงฟ้าร้องและสายฟ้าฟาดไม่ขาดสาย ห่าฝนเมฆสีแดงจะเทลงมาจากฟากฟ้า <br />
โลกจะตกอยู่ในความมืดมิดของรัตติกาล นานถึง <span style="color: red;"><u>49</u></span> วัน<br />
<br />
3. มีเพียงโคมไฟสามดวงในพุทธสถานเท่านั้นที่ให้แสงสว่างได้ รอบนอกสถานธรรม
ได้ถูกห่อหุ้มปกป้องด้วยรัศมีสีม่วงโดยทั่ว เมื่อนั้นคนที่บำเพ็ญโดยแท้จริง
และคนดีที่ยังไม่ได้รับการถ่ายทอดวิถีธรรม ก็จะได้รับการดลใจ
ชักนำให้เข้ามาหลบภัยในพุทธสถาน ในที่นั้น
หากมีธรรมอธิการผู้อาวุโส(เฉียนเหยิน) หรืออาจารย์ผู้ถ่ายทอดธรรมอยู่ด้วย
ก็อาจจะช่วยชี้ธรรมให้คนเหล่านั้น คนที่มีกุศลบารมีสูงก็จะรู้แจ้งในทันที
และนั่น
อาจจะเป็นแสงอาทิตย์ลำสุดท้ายที่จะโปรดสัตว์ในธรรมกาลยุคขาวก็ว่าได้
คนที่ไม่เคยร่วมบุญกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์องค์ใดมาก่อนเลย
เกรงว่าจะต้องตายด้วยภัยพิบัติทันทีเลยทีเดียว<br />
ถึงแม้จะรอดพ้นไปได้แต่วิถีอนุตตรธรรมก็สิ้นสุดวาระการถ่ายทอดเสียแล้ว<br />
<br />
4. ส่งเสริมให้ญาติธรรมทั้งหลาย สร้างพุทธสถานกันให้มาก ๆ
แม้จะมีไว้เพียงเพื่อตนเองจะได้กราบไหว้เช้าเย็นก็ยังดี
เพื่อให้ทุกบ้านเป็นสถานแห่งพุทธ<br />
สมดังพุทธปณิธานโดยเร็ว เมื่อถึง “วันสุดท้ายฯ”
พุทธสถานจะได้เป็นที่หลบภัยของสาธารณชนให้มาก ๆ เพราะพุทธสถานจะเป็นเสมือน
“เมืองในม่านเมฆ”<br />
สำหรับผู้ใฝ่ธรรม<br />
<br />
5. สภาพโลกภายนอกของพุทธสถาน คือ ภูเขาถล่ม แผ่นดินแยก
เจ้ากรรมนายเวรของคนทั้งหลายที่เป็นหนี้ติดค้างกันมาถึงหกหมื่นปีมาแล้ว
จะลุกฮือกัน<br />
ออกมาเอาชีวิต วิญญาณทวงหนี้กัน แม้ผู้คนจะพ้นจากมหันตภัย
แต่ก็อาจต้องตายด้วยเจ้ากรรมนายเวร สภาพนั้นจึงเป็นมหาโหด มหาวิปโยค
เสียงร่ำไห้กู่ร้อง<br />
ครวญคราง เสียงผีสาง เทพพรหม ระงมก้องไปทั่วเป็นที่น่าเวทนายิ่งนัก<br />
<br />
6. เหล่าภูตสางนางไม้ในป่าเขาในบาดาล
เหล่าพญามารอสูรทั้งหลายก็จะแปลงกายเป็นพระศรีอาริย์
เป็นพระอวโลกิเตศวรโพธิ์สัตว์กวนอิม เป็นพระอาจารย์จี้กง<br />
หรือพระอริยเจ้าสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย สำแดงอิทธิปาฎิหาริย์
เรียกลมเรียกฝนเสกหว่านเมล็ดถั่วให้กลายเป็นกองทัพ ฯลฯ
จะอวดอ้างศักดานุภาพว่าจะสามารถพา<br />
ผู้คนให้พ้นจากลมมหาประลัย มุ่งคืนไปยังสุทธาวาสเบื้องบนได้<br />
<br />
สิ่งเหล่านี้มีมาเพื่อหลอกล่อผู้ปฎิบัติธรรมโดยเฉพาะ เมื่อถึงเวลานั้น
ให้เราทั้งหลายจงตั้งมั่นอยู่ในศรัทธาจิตอย่างเช่นเดิม อย่าได้โลภ
หลงตามไปเป็นอันขาด<br />
พอขยับใจไขว้เขวแม้เพียงขณะจิตหลงติดตามไป บุญกุศลที่สร้างมาก็จะหมดไป
ดังคำที่ว่า “ ใกล้จะบรรลุธรรมยามเที่ยง
แต่มาเพลี่ยงพล้ำเสียก่อนเมื่อตอนสาย ”<br />
จะขึ้นหรือลงจึงอยู่ที่หัวเลี้ยวหัวต่อตรงนี้
ที่แอบอ้างว่าเป็นพระบรรพธรรมาจารย์ มาเก็บงานธรรมอยู่ในขณะนี้นั้น
เป็นเพียงมารเล็ก ๆ เท่านั้น ไม่น่าแปลก<br />
<br />
ต่อเมื่อวันที่มหันตภัยเกิดขึ้นแล้วนั่นแหละจะน่ากลัว
เพราะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่แท้จริงพระองค์ต่างมุ่งอยู่แต่งาน
ช่วยคนให้พ้นจากภัยพิบัติไม่มีเวลาจะมาแสดงอิทธิ<br />
ปาฎิหาริย์ล่อใจใครให้กราบไหว้ได้เช่นนั้น พระพุทธะตรัสไว้ว่า “
แรงแห่งมารหาญกล้ากว่าพุทธะ ” พระอาจารย์จี้กงก็กล่าวว่า “
พระอาจารย์ปลอมมีอิทธิปาฎิหาริย์<br />
แกร่งกล้ากว่า พระอาจารย์จริงเสียอีก
หวังว่าหญิงชายทั้งหลายจะได้ร่วมกันบำเพ็ญธรรม อย่าลืม อย่าลืม
คนที่บำเพ็ญด้วยความจริงใจ เมื่อถึงเวลานั้นหากจะสงบ<br />
ใจพิจารณาด้วยปัญญา ก็จะเห็นแจ้งว่าเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์จริงหรือปลอม”
จะเห็นใบหน้าสีเขียวเขี้ยวโง้งของปีศาจในร่างของพุทธะได้โดยไม่ต้องเทียบ
เคียง<br />
<br />
7. วันที่ทรมานที่สุด จะมีสองช่วงคือ ช่วงที่หนึ่ง วันที่ <span style="color: red;">24, 25, 26, ของช่วง “เจ็ดเจ็ดสี่สิบเก้า</span>วัน” เพราะช่วงนั้นอาหารที่สะสมไว้จะหมด คนที่กินเจจะยังอดทนต่อความหนาวเหน็บ ส่วนคนที่กินเนื้อสัตว์จะทรมานมาก <span style="color: red;">ช่วงที่สอง</span> ช่วงนี้จะอยู่<span style="color: red;">ระหว่างวันที่ 50 ถึง 70</span> เพราะสรรพสิ่งทั้งหลายจะถูกเคลือบด้วยพิษของกัมมันตภาพรังสี<br />
ซากศพเกลื่อนกลาด คนเคราะห์ดีที่ยังมีชีวิตอยู่จะยังต้องทำหน้าที่ฝังศพ
คนที่กินเจจะมีกำลังอยู่ได้ ส่วนคนที่กินเนื้อสัตว์จะมีชีวิตอยู่ได้อย่างไร
ดังนั้นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย
จึงได้ประทานพระโอวาทคำเตือนไว้นานมาแล้วว่า<i> <b>“</b></i><b> </b><i><b>หลังจากมหันตภัยกวาดล้างโลกนี้กลายสภาพเป็นตมไปแล้ว จะเหลือแต่พระอรหันต์เดินดินไม่กินเนื้อสัตว์ ”</b></i>เป็นคำเตือนที่ชัดเจนแน่นอนที่สุดทีเดียว<br />
<br />
8. หลังการกวาดล้างแล้ว ก็จะเป็นการสร้างบ้านเมืองใหม่
มนุษย์จะเริ่มเบิกดิถี ด้วยอารยธรรมใหม่
นั่นคือมีคุณธรรมและมีคุณสัมพันธ์ระหว่างกัน เพื่อจดจำบทเรียนที่ได้รับ<br />
จากภัยพิบัติ ปรัชญาความคิดของท่านบรมครูขงจื้อและเมิ่งจื้อ
จะเป็นที่เทิดทูนศรัทธาทั่วโลก ความจริงใจรักใคร่ช่วยเหลื่อซึ่งกันและกัน
จะเป็นปฎิญญาที่ทุกคนรักษาไว้ร่วมกัน<br />
<br />
9. พระศรีอาริยเมตไตรย จะเสด็จสู่โลกมนุษย์อีกครั้งหนึ่งในศุภวาระนี้
จะทรงเปิดเผยให้เห็นฉากสำคัญอันศักดิ์สิทธิ์
ของพระอรหันต์แห่งธรรมกาลยุคขาวนี้ จะทรงประทาน<br />
อริยฐานะตามลำดับมรรคผลบุญกุศล จากนี้โลกแห่งสันติสุขเยี่ยงสมัยพระเจ้า “เหย่าซุ่น” หรือโลกพระศรีอาริย์ก็ได้เบิกวิถี ณ บัดนี้<br />
<br />
<span style="color: red;">*สถานที่เกิดเหตุมหันตภัย*</span> วัน
ที่ 30 มกราคม เวลาเช้า 9.00 น. อันเป็นเวลาฝึกสมาธิ ดรุณีน้อยเอี้ยนอี๋
(เทียนไฉ) ก็ได้ถอดจิตติดตามพระอาจารย์จี้กง
ไปดูสถานที่เกิดเหตุมหันตภัยต่อไปดังนี้<br />
<br />
ขณะ นั้น ลมมหาประลัย โหมมาทั้งสี่ทิศพร้อมกันตึกใหญ่ ๆ
ที่ยังมิได้พังทลายทั้งหมด
ท่ามกลางแรงระเบิดและแสงไฟโชติช่วงได้พังคลืนลงมาทั้งหมด
เสียงดังสนั่นหวั่นไหว แม้แต่ต้นไม้<br />
ขนาดสิบคนโอบรอบ ก็ถอนรากถอนโคน ล้มระเนระนาด
ทุกอย่างที่ผ่านเข้ามาในสายตาล้วนเป็นสภาพที่น่าเวทนายิ่งนัก
แล้วเธอก็ได้เห็นหมู่บ้านใหม่แห่งหนึ่ง ตรงกลางเป็นพุทธสถาน<br />
บ้านเรือนที่อยู่ในรัศมีโดยรอบหลายร้อยเมตร
ถูกห่อหุ้มด้วยแสงสีม่วงเรืองรอง
ผู้คนที่อยู่ในพุทธสถานและภายใต้การห่อหุ้มของแสงสีม่วงพ้นภัยโดยทั่วกัน
ส่วนที่อยู่ห่างไกลออกไป<br />
แต่เป็นคนที่มีจิตใจดี ดูเหมือนสิ่งศักดิ์สิทธิ์จะดลใจให้เขาวิ่งเข้ามาหลบภัยในพุทธสถานด้วย<br />
<br />
โลกภายนอกมืดมิดไปทั่ว ไม่มีแสงสว่างจากไฟฟ้าหรือดวงไฟจากสิ่งใดเลย
สายฟ้าแลบพร้อมกับฟ้าคะนอง หยดน้ำสีแดง ๆ เหมือนสายฝน แต่มิใช่
โกรกลงมาจากฟ้าแต่ละหยดมีน้ำหนัก<br />
เหมือนเศษแก้ว กลิ่นเหม็นเอียนจัด เหมือนยาพิษร้ายแรง มันทะลุผ่านอิฐ หิน
ปูน เหล็กกล้าและทุกอย่างแต่ที่น่าอัศจรรย์คือ
เมื่อมันหยดลงมาบนรัศมีครอบที่เป็นสีม่วง มันจะสลายตัวหายไป<br />
จนหมดสิ้น ในตำหนักพระมีพระพุทธประทีป 3 ดวง บนแท่นบูชาสาดส่องประกายไฟอยู่สว่างไสว<br />
<br />
ไม่นานต่อมาเธอก็ได้เห็นพื้นดินแยกออกเป็นร่องลึกใหญ่ทั่วไป
ผีนรกทั้งหลายกรูกันออกมาจากรอยแยกเหล่านั้น ทุกคนดูกระหื่นกระหือรือ
พอเห็นศัตรูคู่อาฆาตลูกหนี้ในชาติก่อนของเขาก็<br />
ฉุดกระชากตัวลงไป ในร่องลึกใต้ดิน โดยทันทีโดยไม่มีการพูดจาต่อรองใด ๆ
เป็นภาวะที่ผีคร่ำครวญสิ่งศักดิ์สิทธิ์ร่ำร้องโดยแท้สยองขวัญยิ่งนัก
พระอาจารย์จี้กงบอกหนูเอี้ยนอี่ว่า นั่นคือการ<br />
หักล้างบัญชีครั้งใหญ่ ในรอบหกหมื่นปีที่ผ่านมา<br />
<br />
ทันใดนั้น เธอก็เห็นสถานที่แห่งหนึ่ง ถูกห่อหุ้มด้วยแสงสีม่วงเหมือนกัน
แผ่รัศมีรอบวงค่อนข้างมัวหมองเหมือนถ้ำ และเหมือนบ้านเก่า
ภายในบริเวณไม่มีแท่นที่บูชาพระ มุมหนึ่งในบริเวณนั้น<br />
มีไหวางเรียงอยู่หลายใบ
ไหทุกใบมีฟองเหมือนน้ำและเหมือนน้ำมันผุดขึ้นจนล้นออกมา
ฟองเหล่านั้นมีสีแดงเรื่อ ๆ ให้ความรู้สึกที่ไม่สบายใจเลย
บนผนังบ้านติดยันต์เต็มไปหมด<br />
ดูอึมครึมน่ากลัว พระอาจารย์จี้กงบอกว่า ที่นั่นเป็นเมืองในม่านเมฆจอมปลอม
เป็นถ้ำมารที่ปีศาจมารร้ายจำแลงไว้ล่อใจคนโลภหลงให้เข้าไปติดกับ
ไม่นานนักเธอก็เห็นพระศรีอาริย์ปลอม<br />
ลอยลงมาจากฟากฟ้า หัวเราะร่าร้องเรียกผู้บำเพ็ญอนุตตรธรรมและคนทั้งหลาย
ที่ยังไม่ทันได้ไปหลบภัยในพุทธสถานที่แท้จริงว่า ให้ติดตามเรามา
เจ้าจะหลบเลี่ยงภัยพิบัติได้<br />
อีกทั้งแสดงอิทธิปาฎิหาริย์ให้แสงสีม่วงห่อหุ้มพวกคน ให้พ้นจากการทำลายของฝนพิษได้<br />
<br />
เท่านั้นยังไม่พอ ยังมาตะโกนเรียกผู้บำเพ็ญธรรมที่หลบภัยอยู่ในตำหนักพระ
ภายใต้ครอบแสงสีม่วงให้ตามไป
จะได้ยกระดับและมอบหมายตำแหน่งงานธรรมชั้นสูงให้ ใครก็ตามที่หลงเชื่อ<br />
ตามไปในครั้งนี้ ก็จะไม่มีวันได้ผุดได้เกิดอีกต่อไป โดยแท้จริงแล้ว
คนที่เข้าพุทธสถานแล้ว ภัยพิบัติมิอาจเข้ามาทำลายได้เลย
เมื่อถึงเวลานั้นคนที่บำเพ็ญธรรมจงพึงระวังตัวให้รอบคอบทีเดียว<br />
<br />
<span style="color: red;">*เมื่อโลกถูกระเบิดนิวเคลียร์ทำลาย*</span><br />
ใน หนังสือ “ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ได้เห็นวันโลกาวินาส ”
ศุภนิมิตถอดความไว้ว่า:- เมื่อวันที่ 30 มกราคม พ.ศ. 2531 เวลา 17.10 น.
เด็กหญิง “เทียนไฉ” ถอดจิตออกจากร่างติดตาม<br />
พระอรหันต์จี้กงขึ้นไปเหนือเมฆ มองดูภัยพิบัติที่จะเกิดขึ้นในภายหน้าสภาพอันน่าเวทนาเมื่อเวลาระเบิดนิวเคลียร์ระเบิดขึ้น มีดังนี้<br />
<br />
ระเบิดนิวเคลียร์ลูกหนึ่ง ได้ยิงไปตกลงยังเมือง ๆ หนึ่ง
หัวระเบิดได้ระเบิดขึ้นกลางอากาศเกิดเปลวไฟและแสงสว่างอันแรงกล้า
แล้วทันใดนั้นมันก็ทำลายสิ่งปลูกสร้างที่มีอยู่ทั้งหมด<br />
ชั่วพริบตา พร้อมกับเสียงดังกัมปนาทและแรงสะเทือนอย่างรุนแรงจากระเบิด
ความกดอากาศเปลี่ยนแปลงทันที
คนและสัตว์ทั้งหลายบาดเจ็บและล้มตายลงนับจำนวนไม่ถ้วน<br />
ทุกหนทุกแห่งเห็นแต่ภาพน่าอนาถ กลุ่มควันที่เหมือนเมฆสีดำรูปดอกเห็ด
ขยายตัวขึ้นสู่ท้องฟ้าสีดำมืด และมีกลิ่นเหม็นอย่างร้ายกาจ
อากาศในขณะนั้นให้ความรู้สึกอึดอัด<br />
เหมือนกำลังจะขาดใจตาย บริเวณที่ได้รับความเสียหายกว้างไกลออกไปถึงร้อยกว่ากิโลเมตร<br />
<br />
ส่วนกัมมันตภาพรังสีนั้น ครอบคลุมไปไกลถึงหลายร้อยกิโลเมตร
คนที่ไม่ตายด้วยไฟและแสงหรือจากแรงระเบิด ก็วิ่งพล่านกระเจิดกระเจิงไป
เสียงเรียกพ่อ เรียกแม่ กรีดร้องก้องฟ้า<br />
เป็นที่น่าเวทนา หาที่เปรียบไม่ได้เลย
ทันใดนั้นเมฆบนท้องฟ้าก็เคลื่อนไหวม้วนตัวอย่างรวดเร็ว
ท้องฟ้าเปลี่ยนจากสีแดงเรื่อ ๆ เป็นสีแดงคล้ำแล้วกลับกลายเป็นสีเทาขาว
แล้วในทันใด<br />
ก็เปลี่ยนเป็นสีเทาดำ และดำมืด<br />
<br />
ถึงตอนนั้นแม้จะชูมือขึ้นตรงหน้า ก็มองไม่เห็นนิ้วมือทั้งห้าได้
คนที่ยืนอยู่ต่อหน้ากัน ก็มองไม่เห็นกัน พระอาจารย์จี้กงตรัสไว้ว่านั่นคือ <span style="color: red;">“ เจ็ดเจ็ดสี่สิบเก้าวัน ”</span> อันยาวนานที่รัตติกาลมาสู่โลก <br />
เวลาอันน่าสะพรึงกลัวกำลังเริ่มแล้ว ณ บัดนี้<br />
<br />
<span style="color: red;">*วันที่ 3 กุมภาพันธ์ เวลาบ่ายสองโมงโดยประมาณ*</span> พระ อาจารย์จี้กงพาหนูน้อยเอี้ยนอี๋ไปดูเหตุการณ์วันมหาวิปโยคต่อไป:-<br />
แม้จะผ่านช่วงสี่สิบเก้าวันอันยาวนานและน่าสะพรึงกลัวไปได้แล้วก็ตาม
แต่โลกก็ยังตกอยู่ในความมืดมิด ต่อมาจึงค่อย ๆสว่างขึ้นทีละน้อย
เห็นศพเกลื่อนกลาดกองพะเนิน มีแต่หัวขาด แขนขาด ขาขาด หรือตัวขาดเป็นท่อน
จนแทบไม่มีศพเต็มร่างเลยโลหิตสีดำคล้ำนองไหลมารวมกัน
จนเหมือนแม่น้ำเลือดกลิ่นเหม็นคาวคละคลุ้งไปทั่ว จนอยากอาเจียน
พูดได้ว่ามันคือนรกในเมืองมนุษย์จริง ๆ ไม่นานต่อมา
แสงสีม่วงที่ครอบพุทธสถานก็ค่อย ๆ จางไป
ญาติธรรมทั้งหลายพากันออกมาภายนอกได้แล้ว<br />
โลกทั้งโลกเงียบสงัด สัตว์ที่ยังหลงเหลืออยู่ได้มีเพียงประเภทเดียว
คือสัตว์ที่กินหญ้าหรือกินพืชผักเป็นอาหาร คือ กระต่าย แกะ วัว ควาย
และม้าเท่านั้น จากนี้คือความทุกข์ยากหลังจากวันเกิดมหันตภัย<br />
<br />
<span style="color: red;">*วันที่ห้าสิบถึงเจ็ดสิบ*</span><br />
<br />
คน ที่ไม่ได้ถือศีลกินเจมาก่อน ยากที่จะผ่านพ้นช่วงนี้ไปได้
เพราะทุกหนแห่งในโลกล้วนอาบไปด้วยพิษของกัมมันตภาพรังสี
พืชพันธุ์ธัญญาหารไม่มีอะไรเหลือเลย ผู้ที่ทนต่อความอดอยากไม่ได้<br />
ผู้ที่กินเจเฉพาะวันหรือไม่ได้กินเจ แต่โชคดีที่รอดพ้นสี่สิบเก้าคืนมาได้
ภายในร่างกายของเขายังมีสิ่งสกปรกหลงเหลืออยู่
อีกทั้งอารมณ์โหดจะเกิดขึ้น พวกคนเหล่านั้นจะฉีกเนื้อกระต่าย แกะ วัว<br />
ควาย หรือม้ากินดิบ ๆ ได้ แต่ไม่นานต่อมาเขาก็จะต้องตายเพราะสารพิษ
พระอาจารย์จี้กงได้โปรดเมตตาบอกว่า
มีแต่คนที่กินเจเท่านั้นที่จะอยู่รอดจากความอดอยาก
หลังจากภัยพิบัติใหญ่แล้วจริง ๆ<br />
<br />
<span style="color: red;"></span><br />
<span style="color: red;">*วันที่ 5 กุมภาพันธ์ เวลาเที่ยง พระอาจารย์จี้กงได้โปรดนำหนูเอี้ยนอี๋ไปดูเหตุการณ์วันมหาวิปโยคต่อไป*</span><br />
<br />
ขณะ นั้นท้องฟ้าสว่างแล้ว ทุกสิ่งบนพื้นโลกมีแต่ซากที่ถูกทำลายล้าง
แผ่นดินที่แยกออกปิดเข้าหากันแล้ว เหลือแต่รอยแยกเป็นทาง ๆ
แม่น้ำเลือดที่ไหลนองก็แห้งลงและซึมลงไปในดิน ทุกอย่าง<br />
ที่เห็นมีแต่สิ่งที่น่าสะอิดสะเอียน น่าสมเพชเวทนา และน่าอนาถใจ
คนถือศีลกินเจทั้งหลาย
เริ่มจะลงมือเก็บฝังหรือเผาซากศพกันอย่างเป็นงานเป็นการ
เมื่อหิวกระหายก็เพียงแต่ใช้นิ้วจุ่มน้ำทิพย์<br />
ที่บูชาแตะลงที่ปลายลิ้น
แล้วคนเหล่านั้นก็ประทังชีวิตอยู่กันต่อไปได้อย่างไม่เดือดร้อน
คนที่ยังไม่เคยกินเจตลอดเสมอมา
จะไม่กล้าเดินออกไปนอกตำหนักพระเลยแม้สักก้าวเดียว<br />
<br />
<span style="color: red;">*วันที่ 8 กุมภาพันธ์ เวลาเที่ยง หนูน้อยเอี้ยนอี๋ก็ติดตามพระอาจารย์จี้กงไปดูเหตุการณ์วันมหาวิปโยค ฉากสุดท้ายต่อไป*</span><br />
<br />
ขณะ นั้น ทั้งการเก็บฝังและเก็บเผาซากศพจะแล้วเสร็จไปส่วนเสียส่วนใหญ่
แสงสีม่วงนอกจากจะปกป้องรอบ ๆ อาณาบริเวณพุทธสถานแล้ว
ยังรวมทั้งต้นไม้ใบหญ้า และสิ่งปลูกสร้างในวงรอบ<br />
รัศมีอีกด้วย ส่วนรอบนอกนั้นราพณาสูรไม่เหลืออะไรเลย ความเจริญทางวิทยาศาสตร์ทั้งหมดถูกทำลายหมดสิ้น และใช้การอะไรไม่ได้อีกเลย<br />
<br />
จากนั้นฟ้าดินก็ค่อย ๆ กลับคืนสู่สภาวะของธรรมชาติตามปรกติ ตะวัน เดือน
ออกมาส่องแสงเช่นเดิม มีลม มีฝน แม่น้ำลำคลองก็เต็มไปด้วยน้ำใสไหลล่อง
ผู้คนเริ่มสร้างบ้านเรือนเป็นที่พักอาศัย<br />
หลบฝน และเริ่มงานทำไร่ไถนากันอย่างขะมักเขม้น เช้าก็ออกไปทำนา
เย็นก็กลับมาบ้าน ชีวิตแม้จะไม่ว่างทางแรงกายแต่ก็มั่นคงเป็นสุขใจ
ผู้คนต่างอยู่ร่วมกันด้วยอัธยาศัยไมตรี ช่วยเหลือซึ่งกัน<br />
และกัน ไม่มีการวิวาทบาดหมาง แย่งชิง โลกทั้งโลกเต็มเปี่ยมไปด้วยพลังของชีวิต และเป็นระเบียบแบบแผนอันดีงามเหมือนโลกใหม่โดยแท้<br />
<br />
(แหล่งที่มา หนังสือพระศรีอาริย์เจ้าโลก รวบรวมโดย รหัสญาณ สำนักพิมพ์ ลานอโศก เพรส กรุ๊ป ISBN:9748346285)<br />
:llnu Hyper (LoGic Man)
<div class="blogger-post-footer">ด้วยความปรารถนาดีจาก...บล็อกเตือนภัยพิบัติโลก</div>Anonymoushttp://www.blogger.com/profile/09362385019399728087noreply@blogger.com2tag:blogger.com,1999:blog-5294450998007589243.post-85738815971746993192014-08-28T15:13:00.000+07:002014-08-28T20:30:33.865+07:00พบปลา whitebait หลาย 1,000 ตัว ว่ายขึ้นมาเกยตื้นตายอย่างผิดปกติ MAX77 <div class="post-footer" style="margin: 0 0 15px 0 !important; padding: 0 0 0 0 !important;">
<div class="post-info-icon tanggal">
<abbr class="updated published" title="2014-08-26T22:10:00+07:00">
วันอังคารที่ 26 สิงหาคม พ.ศ. 2557
</abbr>
</div>
</div>
<div class="post-body entry-content" id="post-body-1335158154507172780" itemprop="articleBody">
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiS7kQdVHOcVVkJQuNBJqLj7zf5hxrjqBw7Xe_Eo8q14sMSjw72D___dElpatwu3eFRQXlOsTanJ-yW_HbHcLvrYGpMkbQmGD3yfOzlgEk3LiDrw9CijEOomEWGAQNXf6VWzbBPonoQ_w/s1600/6822323-large.jpg" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiS7kQdVHOcVVkJQuNBJqLj7zf5hxrjqBw7Xe_Eo8q14sMSjw72D___dElpatwu3eFRQXlOsTanJ-yW_HbHcLvrYGpMkbQmGD3yfOzlgEk3LiDrw9CijEOomEWGAQNXf6VWzbBPonoQ_w/s1600/6822323-large.jpg" height="430" width="640" /></a></div>
<div style="text-align: center;">
<span style="background-color: white; color: black; font-family: Helvetica, Arial, 'lucida grande', tahoma, verdana, arial, sans-serif; font-size: 16px; line-height: 20px;"><br /></span></div>
<span style="background-color: white; color: black; font-family: Helvetica, Arial, 'lucida grande', tahoma, verdana, arial, sans-serif; font-size: 16px; line-height: 20px;">
พบปลา whitebait หลาย 1,000 ตัว ว่ายขึ้นมาเกยตื้นตายอย่างผิดปกติ
ตามสระว่ายน้ำปีศาจ(Devil's Point tidal pool)
แถวชายฝั่งเมืองพลิมัท(Plymouth) ของประเทศอังกฤษ มันเป็นครั้งที่ 2 แล้ว
สำหรับเหตุการณ์นี้ในเวลาเพียงสองสัปดาห์ มีปลาในสระว่ายน้ำกว่า 90% ที่ตาย
และอีก 10% กำลังตาย
ตอนนี้มีผู้คนจำนวนมากแห่มาเอาปลาเพื่อไปทำเป็นเหยื่อเบ็ดตกปลา
ทางด้านนักชีววิทยาตรวจสอบพบว่า </span><span style="background-color: white; color: #141823; font-family: Helvetica, Arial, 'lucida grande', tahoma, verdana, arial, sans-serif; font-size: 16px; line-height: 20px;">เราสังเกตเห็นฟองอากาศรอบๆ ซึ่งคาดการณ์ว่าพวกมันอาจหนีมา เนื่องจากกำลังขาดออกซิเจนหายใจในน้ำ</span><br />
<span style="background-color: white; color: black; font-family: Helvetica, Arial, 'lucida grande', tahoma, verdana, arial, sans-serif; font-size: 16px; line-height: 20px;"></span><br />
<a name='more'></a><br />
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiVIqZzUM9-0iOtxKe-taalwaPhmOotTL4mlBbeD-lrxJD6r226mkw4eP6msPEOYn-8053bmcR1Y3voVN1fi_JoEP47MsGEAHELWdGeqejDdpIo021HcraJiqgicsNrHz4VVLQlknrktg/s1600/6819806-large.jpg" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiVIqZzUM9-0iOtxKe-taalwaPhmOotTL4mlBbeD-lrxJD6r226mkw4eP6msPEOYn-8053bmcR1Y3voVN1fi_JoEP47MsGEAHELWdGeqejDdpIo021HcraJiqgicsNrHz4VVLQlknrktg/s1600/6819806-large.jpg" height="430" width="640" /></a></div>
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
</div>
<div style="text-align: center;">
</div>
<span style="background-color: white; font-family: Helvetica, Arial, 'lucida grande', tahoma, verdana, arial, sans-serif; font-size: 16px; line-height: 20px;"> <b>เพียง
แค่ช่วงระยะเวลาสั้นๆ เมื่อไม่กี่วันนี้
เราก็พบเหตุการณ์ที่คล้ายกันในมหาสมุทรแอตแลนติก โดยในเหตุการณ์ดังกล่าว
พบทั้งวาฬและฝูงปลามากมายที่ได้รับผลกระทบเช่นกัน</b></span><br />
<br />
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhZ_V9QPEqOH4XBECsNz_EgqkJgUH0d2EAfsx_JqFAQxzl5DtvOjd1rkx_HaqbSqkIHmOtNThN-VbmDJqum6yBcvrFDDr4XhN5XeWCTicbNDWYXan7vUSbOlVVPpaLlhdhXK-OqBSi0Rg/s1600/d4646.jpg" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhZ_V9QPEqOH4XBECsNz_EgqkJgUH0d2EAfsx_JqFAQxzl5DtvOjd1rkx_HaqbSqkIHmOtNThN-VbmDJqum6yBcvrFDDr4XhN5XeWCTicbNDWYXan7vUSbOlVVPpaLlhdhXK-OqBSi0Rg/s1600/d4646.jpg" height="318" width="640" /></a></div>
<span style="background-color: white; color: black; font-family: Helvetica, Arial, 'lucida grande', tahoma, verdana, arial, sans-serif; font-size: 16px; line-height: 20px;">-
เมื่อวันที่ 22 ส.ค.57 พบวาฬเซ (Sei whale) ขนาดยาว 40-45 ฟุต 1 ตัว
ตายในแม่น้ำรัฐเวอร์จิเนีย ซึ่งบริเวณนี้มีก๊าซมีเทนรั่วซึมออกมาและตัวที่ 2
พบวาฬเซ ในบริเวณนอกชายฝั่งคอร์นวอลล์ ของอังกฤษ ซึ่งการพบเห็น 2
ครั้งนี้ถือว่าเป็นเรื่องที่แปลกมาก ปกติเราแทบจะไม่พบมันเลย
เพราะเป็นวาฬที่หายากมากอีกชนิดหนึ่ง</span><br />
<br />
<br />
<br />
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEi1KrpnSH4W9ZEt7k4dV29m1Kq1X9kgMV5d67UoicVifWCc5sGr_O_86RSKqRWG96kkGT8Y_981XqA3oPdoPzCSVZ1VwQcobbriMdPWoljj2qVnNF6XaMRMnZn-7XJT53Ifb9767wEvGw/s1600/3948268714.jpg" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEi1KrpnSH4W9ZEt7k4dV29m1Kq1X9kgMV5d67UoicVifWCc5sGr_O_86RSKqRWG96kkGT8Y_981XqA3oPdoPzCSVZ1VwQcobbriMdPWoljj2qVnNF6XaMRMnZn-7XJT53Ifb9767wEvGw/s1600/3948268714.jpg" height="288" width="400" /></a></div>
<span style="background-color: white; color: black; font-family: Helvetica, Arial, 'lucida grande', tahoma, verdana, arial, sans-serif; font-size: 16px; line-height: 20px;">-
ขณะเดียวกันที่อังกฤษเมื่อวันที่ 18 ส.ค.57
พบปลาแฮร์ริ่งและปลาทูหลายล้านตัว
มาเกยตื้นตายทอดยาวไปตามชายฝั่งทางตอนเหนือของเกาะอังกฤษเป็นจำนวนมาก
จากการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่เราพบว่า ในตัวปลาแทบไม่มีสารพิษใดๆตกค้างเลย
ซึ่งมันทำให้เราแปลกใจอย่างมาก? โดนรวมแล้วปลาสุขภาพร่างกายสมบูรณ์ดี
อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ยังไม่มีใครสามารถบอกได้</span><br />
<span style="background-color: white; color: black; font-family: Helvetica, Arial, 'lucida grande', tahoma, verdana, arial, sans-serif; font-size: 16px; line-height: 20px;"><br /></span>
<span style="font-family: Helvetica, Arial, lucida grande, tahoma, verdana, arial, sans-serif;"><span style="line-height: 20px;">ที่มา <a href="http://www.plymouthherald.co.uk/Thousands-whitebait-fish-die-getting-trapped/story-22813292-detail/story.html" target="_blank">http://www.plymouthherald.co.uk/Thousands-whitebait-fish-die-getting-trapped/story-22813292-detail/story.html</a></span></span><br />
<span style="font-family: Helvetica, Arial, lucida grande, tahoma, verdana, arial, sans-serif;"><span style="line-height: 20px;"><a href="http://www.cornishman.co.uk/Rare-sei-whale-spotted-Cornwall-s-coast-Penzance/story-22803635-detail/story.html" target="_blank">http://www.cornishman.co.uk/Rare-sei-whale-spotted-Cornwall-s-coast-Penzance/story-22803635-detail/story.html</a></span></span><br />
<span style="font-family: Helvetica, Arial, lucida grande, tahoma, verdana, arial, sans-serif;"><span style="line-height: 20px;"><a href="http://www.sott.net/article/284357-Rare-45-foot-sei-whale-dies-in-Virginia-river" target="_blank">http://www.sott.net/article/284357-Rare-45-foot-sei-whale-dies-in-Virginia-river</a></span></span><br />
<span style="line-height: 20px;"><span style="background-color: white; font-family: Helvetica, Arial, lucida grande, tahoma, verdana, arial, sans-serif;"></span></span><br />
<span style="font-family: Helvetica, Arial, lucida grande, tahoma, verdana, arial, sans-serif;"><span style="line-height: 20px;"><a href="http://www.isleofman.com/News/details/66073/dead-fish-natural-phenomenon-" target="_blank">http://www.isleofman.com/News/details/66073/dead-fish-natural-phenomenon-</a></span></span></div>
- See more at: http://warningdisasters.blogspot.com/2014/08/whitebait-1000.html#sthash.k2tHu53p.dpuf<br />
<br />
ที่มาจาก: http://warningdisasters.blogspot.com <div class="blogger-post-footer">ด้วยความปรารถนาดีจาก...บล็อกเตือนภัยพิบัติโลก</div>Anonymoushttp://www.blogger.com/profile/09362385019399728087noreply@blogger.com0อังกฤษ สหราชอาณาจักร52.3555177 -1.174319700000069142.4994677 -21.828616700000069 62.2115677 19.479977299999931tag:blogger.com,1999:blog-5294450998007589243.post-56126063606370616302014-08-28T15:02:00.001+07:002014-08-28T15:08:55.627+07:0010 ภูเขาไฟ อันตรายที่สุดในสากลโลก<b>FHM Thailand ขอแนะนำภูเขาไฟสุดอันตราย
ที่ทำให้แผ่นดินต้องวอดแผ่นฟ้าต้องวาย ที่สำคัญ ภูเขาไฟเหล่านี้ยังคงมีพลัง
และกำลังนับรอวันปะทุ!
</b><br />
<br />
<b>Words :</b> <i>วนาทิพย์ กิรานุชิตพงศ์</i><br />
<br />
ภูเขาไฟมีพลัง (Active Volcano)
คือภูเขาไฟที่มีประวัติระเบิดค่อนข้างถี่ย้อนไปไม่เกิน 10,000 ปี
และอาจมีการระเบิดซ้ำ ซึ่งทั่วโลกมีมากกว่า 1,000 ลูก
แต่ลูกที่อันตรายที่สุด เรานำมาให้คุณได้รู้จักที่นี่แล้ว<br />
<br />
<img alt="" src="http://www.fhm.in.th/file/images/articles/3/3/9/201408181604242339/201408181604242339.jpg" height="425" width="640" /><br />
<b></b><br />
<a name='more'></a><b>10. Mauna Loa Volcano</b><br />
<b>สถานที่ : ฮาวาย สหรัฐอเมริกา</b><br />
<b>ปะทุครั้งล่าสุด : 24 มีนาคม – 15 เมษายน 1984</b><br />
เมานาโลอา มาจากภาษาฮาวายแปลว่า “Long Mountain” มีเนื้อที่กว่า 5,180
ตารางกิโลเมตร สูงถึง 4,170 เมตร มีอายุอย่างน้อย 700,000 ปี
ระเบิดมาแล้วทั้งสิ้น 33 ครั้ง อยู่ใกล้กับที่อยู่อาศัยของประชากร
อีกทั้งภูเขามีรูปร่างเหมือนโล่ และลาวามีความหนืดต่ำ
ถึงแม้ว่าแรงระเบิดในบางครั้งจะไม่รุนแรงถึงขั้นเต็มแม็กก็เถอะ
แต่มันก็ทำให้เกิดไฟไหม้ และลามไปเผาบ้านของประชากรที่อยู่แถวนั้นๆ
ให้วอดวายได้เป็นแถบๆ เหมือนกัน<br />
<br />
<b><img alt="" src="http://www.fhm.in.th/file/images/articles/4/1/4/201408181540468414/201408181540468414.jpg" height="425" width="640" /><br /> </b><br />
<b>9. Taal Volcano<br />
สถานที่ : เกาะลูซอน ฟิลิปปินส์<br />
ปะทุครั้งล่าสุด : ปี 2013</b><br />
ภูเขาไฟตาอัล เป็นแอ่งภูเขาไฟรูปกระจาด ตั้งอยู่กลางทะเลสาบตาอัล
ห่างจากกรุงมะนิลา เมืองหลวงของฟิลิปปินส์เพียงแค่ 50 กิโลเมตรเท่านั้น
ภูเขาไฟตาอัลระเบิดมาแล้วกว่า 30 ครั้ง และเมื่อปี 2001 มีสัญญาณการปะทุ
เกิดการสั่นสะเทือน น้ำในปล่องเดือดปุดๆ
พร้อมกับแม็กม่าที่เกือบจะพุ่งขึ้นมา ตามด้วยก๊าซคาร์บอน
จนรัฐบาลต้องประกาศให้ประชาชนที่อาศัยอยู่แถบนั้นราวๆ 7,000 คน
ให้รีบอพยพโดยด่วน แต่หากมีประชาชนเพียงแค่ 200 คน เท่านั้นที่ตื่นตัว
ส่วนที่เหลือนอกนั้นนอนแคะขี้มูกสบายใจเฉิบ ซึ่งไม่รู้ว่า
ถ้ามันเกิดระเบิดขึ้นมาจริงๆ ขึ้นมาแล้ว 6,800
คนที่เหลือเขาจะหนีทันหรือเปล่านะเนี่ย ล่าสุดปี 2013
มีรายงานว่ามีการสั่นสะเทือนถี่ขึ้น แต่ยังไม่มีสัญญาณใดที่จะบอก
ว่าภูเขาไฟตาอัลจะเกิดระเบิดขึ้นในเร็วๆ นี้<br />
<br />
<b><img alt="" src="http://www.fhm.in.th/file/images/articles/4/2/8/201408181540233428/201408181540233428.jpg" height="426" width="640" /><br /> </b><br />
<b>8. Ulawun Volcano<br />
สถานที่ : ปาปัวนิวกินี<br />
ปะทุครั้งล่าสุด : 2013</b><br />
ภูเขาไฟ Ulawun ตั้งอยู่บนเกาะนิวบริเทน ปาปัวนิวกินี มีความสูง 2,344 เมตร
มีบันทึกการปะทุ 22 ครั้ง เมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้เกิดการระเบิดลูกย่อมๆ
อยู่บ่อยครั้ง และปล่อยก๊าซซัลเฟอร์ไดออกไซด์ออกมาประมาณ 7 กิโลกรัม
ซึ่งคิดเป็น 2% ของก๊าซที่ปล่อยออกมาทั้งหมดทั่วโลก
โดยที่ก๊าซตัวนี้ถ้ามีปริมาณเข้มข้นจะส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
พืชและสัตว์ล้มป่วย ฝนที่ตกลงมามีความเป็นกรดสูง
และก่อให้เกิดอันตรายต่อร่างกาย ทางเดินระบบหายใจ โรคปอด หลอดลมอักเสบ
และถ้าสารนี้เข้มข้นมากถึงมากที่สุด ก็อาจเสียชีวิตเพียงแค่ ซู้ดดด! เข้าไป<br />
<br />
<b><img alt="" src="http://www.fhm.in.th/file/images/articles/4/8/8/201408181540138488/201408181540138488.jpg" height="426" width="640" /><br /> </b><br />
<b>7. Mount Nyiragongo<br />
สถานที่ : สาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโก<br />
ปะทุครั้งล่าสุด : 2013</b><br />
ภูเขาไฟเนียรากองโก หนึ่งในแปดภูเขาไฟในเทือกเขาวิรุงกา (Virunga
Mountains) ตั้งอยู่ในอุทยานแห่งชาติวิรุงรังกา ห่างจากเมือง Goma
ของสาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโกไปเพียง 20 กิโลเมตร มีฉายาว่าทะเลสาบลาวา
(Lava Lake) เพราะมีลักษณะเป็นภูเขาชัน ตรงกลางมีแอ่งขนาดใหญ่คล้ายทะเลสาบ
โดยเริ่มระเบิดตั้งแต่ปี 1882 ซึ่งระเบิดมาแล้ว 34 ครั้ง
ครั้งที่ใหญ่ที่สุดเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 17 มกราคม 2002 ลาวาเดือดๆ
ไหลทะลักเข้าหลอมเมืองกว่า 40% ของพื้นที่ ประชาการ 120,000 คน
กลายเป็นคนไร้บ้าน อีก 500,000 คน ต้องอพยพกันจ้าละหวั่น
นับตั้งแต่ครั้งนั้นภูเขาไฟเนียรากองโกยังคงมีสัญญาณการปะทุเรื่อยมาจนถึง
ทุกวันนี้<br />
<br />
<b><img alt="" src="http://www.fhm.in.th/file/images/articles/5/0/1/201408181539567501/201408181539567501.jpg" height="426" width="640" /><br /> </b><br />
<b>6. Mount Merapi<br />
สถานที่ : อินโดนีเซีย<br />
ปะทุครั้งล่าสุด : มีนาคม – เมษายน 2014</b><br />
ภูเขาไฟเมราปี เป็นภูเขาไฟรูปกรวยตั้งอยู่บนพรมแดนระหว่าง Java และ
Yogyakarta ประเทศอินโดนีเซีย
ซึ่งบริเวณตีนภูเขานั้นยังมีประชาชนอาศัยอยู่หลายพันคน
ภูเขาไฟเมราปีเริ่มปะทุครั้งแรกเมื่อปี 1548
และยังคงปะทุเรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน นอกจากนั้นยังเป็นภูเขาไฟที่ผลิตสาร
Pyroclastic มากที่สุดในโลก ซึ่งสารตัวนี้ประกอบไปด้วยขี้เถ้าร้อน ก๊าซพิษ
และเศษหิน และที่สำคัญ อันตรายกว่าการไหลของลาวาเยอะ<br />
<br />
<b><img alt="" src="http://www.fhm.in.th/file/images/articles/8/5/2/201408181533444852/201408181533444852.jpg" height="426" width="640" /><br /> </b><br />
<b>5. Galeras<br />
สถานที่ : โคลัมเบีย</b><br />
<b>ปะทุครั้งล่าสุด : 2010</b><br />
ภูเขาไฟกาเลรัส มีอายุ 1 ล้านปี เป็นอย่างน้อย
การระเบิดครั้งแรกถูกบันทึกไว้ในวันที่ 7 ธันวาคม 1580 ภูเขาไฟ Galeras
ตั้งอยู่ในภาคใต้ของโคลัมเบียใกล้กับชายแดนเอกวาดอร์ มีความสูง 4,276
เมตรเหนือระดับน้ำทะเล นอกจากนั้นยังอยู่ใกล้กับเมือง Pasto
ที่มีประชากรอาศัยอยู่บนเนินทางทิศตะวันออกของ ภูเขาไฟ Galeras ประมาณ
450,000 คน โดยความอันตรายของภูเขานี้คือการระเบิดแบบไม่คาดคิด
คำนวณรอบในการระเบิดไม่ค่อยจะได้ การระเบิดในปี 2010
ต้องอพยพประชากรที่เสี่ยงต่อการระเบิดถึง 8,000 คน
แต่ชาวบ้านแถวนั้นปฏิเสธที่จะอพยพ เพราะบอกว่าของแบบนี้มันเคยๆ กันอยู่
เจอกันจนชินละ<br />
<br />
<b><img alt="" src="http://www.fhm.in.th/file/images/articles/7/3/8/201408181532343738/201408181532343738.jpg" height="426" width="640" /><br /> </b><br />
<b>4. Sakurajima<br />
สถานที่ : ญี่ปุ่น<br />
ปะทุครั้งล่าสุด : 2013</b><br />
ถึงแม้จะดังไม่เท่าภูเขาไฟฟูจิ
แต่ภูเขาไฟซากุระจิมะก็ขึ้นชื่อว่าเป็นภูเขาอันตรายเลยทีเดียว
ภูเขาไฟซากุระจิมะตั้งอยู่บนเกาะคิวชู มีความสูงอยูที่ 1,117 เมตร
ซึ่งการประทุในแต่ละครั้งจะพ่นเถ้าถ่านขึ้นมาหลายกิโลเมตร
เป็นอันตรายต่อประชาชนที่อยู่อย่างหนาแน่นรอบเมืองคาโกชิมะ
ที่อยู่ห่างจากภูเขาไฟซากุระจิมะไปไม่ถึงกิโลเมตร
การปะทุครั้งล่าสุดคือเมื่อวันอาทิตย์ที่ 18 สิงหาคม 2013
เกิดการปะทุขึ้นอย่างรุนแรงเถ้าถ่านภูเขาไฟลอยสูงขึ้นไปในอากาศกว่า 5,000
เมตร มีหินภูเขาไฟกระเด็นกระดอนมาไกลกว่า 1,800 เมตร
ลาวาทะลักออกมาเป็นทางยาวกว่า 1 กิโลเมตร ซึ่งสำนักข่าว NHK ของญี่ปุ่น
รายงานว่าเป็นการพ่นเถ้าถ่านที่สูงที่สุดทลายสถิติที่นับกันมาตั้งแต่ปี
1955 ทำให้ชาวเมืองต้องรีบหาหน้ากากมาป้องกันกันให้ว่อง
เพราะควันจากภูเขาไฟหนาแน่น
เสมือนเมืองทั้งเมืองกำลังถูกรมควันอยู่อย่างไงอย่างงั้นแหละ<br />
<br />
<b><img alt="" src="http://www.fhm.in.th/file/images/articles/5/7/3/201408181531089573/201408181531089573.jpg" height="426" width="640" /><br /> </b><br />
<b>3. Popocatépetl<br />
สถานที่ : เม็กซิโก<br />
ปะทุครั้งล่าสุด : 2005 to 2014</b><br />
เป็นภูเขาขนาดใหญ่ปกคลุมด้วยธารน้ำแข็ง ซึ่งมีความสูงถึง 5,426 เมตร
อยู่ห่างจากเมืองหลวงไปทางทิศตะวันออกเพียงแค่ 40 กิโลเมตร
และยิ่งทวีความอันตรายเข้าไปอีกเมื่อเมืองนั้นมีประชากรอาศัยยัดเยียดกว่า 9
ล้านคน แม่เจ้า! จะแน่นไปมั้ย...
โดยการระเบิดครั้งใหญ่ครั้งล่าสุดคือเมื่อปี 2000
แต่โชคดีที่นักวิทยาศาสตร์สามารถเตือนรัฐบาลให้อพยพประชาชนจำนวน 41,000 คน
ที่อยู่ในรัศมีการระเบิดให้โกยหน้าตั้งกันได้สำเร็จ<br />
<br />
<b><img alt="" src="http://www.fhm.in.th/file/images/articles/8/4/0/201408181530483840/201408181530483840.jpg" height="426" width="640" /><br /> </b><br />
<b>2. Mount Vesuvius<br />
สถานที่ : อิตาลี<br />
ปะทุครั้งล่าสุด : 1944</b><br />
ภูเขาไฟวิสุเวียส ตั้งอยู่ในอ่าวเมเปิลส์ ประเทศอิตาลี
ห่างจากฝั่งซึ่งเป็นที่พักอาศัยของประชาชนเพียง 9 กิโลเมตร
มีประชากรอาศัยแน่นเอี๊ยดถึง 3,000,000 คน การระเบิดครั้งใหญ่สุดคือเมื่อปี
ค.ศ. 94
แรงระเบิดที่รุนแรงทำให้เมืองปอมเปอีทั้งเมืองล่มสลายจากเมืองแห่งความ
ศิวิไลซ์ กลายเป็นซากปรักหักพังไปในบัดดล และการระเบิดในวันที่ 18 มีนาคม
1944 มีควันเถ้าถ่านภูเขาไฟพุ่งทะยานสู่ท้องฟ้าสูงถึง 1,000 เมตร
ภูเขาไฟวิสุเวียสจะมีการระเบิดครบรอบทุกๆ 20 ปี
นับว่ายังโชคดีที่ที่ปีผ่านมายังไม่มีการระเบิด
แต่ก็ไม่อยากจะคิดว่าถ้ามันเกิดระเบิดขึ้นมาเมื่อไหร่ ประชากรมหาศาล
3,000,000 คนนั้น มันจะหนีกันยังไงว้า<br />
<br />
<b><img alt="" src="http://www.fhm.in.th/file/images/articles/7/3/4/201408181530378734/201408181530378734.jpg" height="426" width="640" /><br /> </b><br />
<b>1. Yellowstone Caldera<br />
สถานที่ : สหรัฐอเมริกา<br />
ปะทุครั้งล่าสุด : 600,000 ปี ก่อน</b><br />
เยลโลว์สโตน คาลเดอรา ถูกยกให้เป็นซูเปอร์ภูเขาไฟ
เพราะมันทั้งใหญ่และอันตรายที่สุดถึงที่สุดในโลก
โดยตั้งตระหง่านอยู่ในอุทยานแห่งชาติเยลโลว์สโตน อายุอานามปาเข้าไป 600,000
ปี ซึ่งถ้าพี่เบิ้มลูกนี้เกิดเดือดขึ้นมา นักวิทยาศาสตร์คาดการณ์ว่า
ระยะเวลาที่พี่แกสะสมไว้ถึง 600,000 ปี นั้นอาจส่งผลกระทบต่อพื้นที่ 2 ใน 3
ของสหรัฐฯ นอกจากนั้นการระเบิดของ Yellowstone Caldera
จะเป็นตัวกระตุ้นให้ระเบิดภูเขาไฟอื่นระเบิดตูมต้ามตามมา
นักวิทยาศาสตร์จึงต้องเฝ้าระวังพี่เบิ้มลูกนี้ไว้ไม่ให้คลาดสายตาเลยทีเดียว<br />
ทั้งหมดคือภูเขาไฟที่นับว่าเป็นอีกหนึ่งความยิ่งใหญ่ของธรรมชาติ
ที่มนุษย์ไม่อาจต้านทาน
เราจึงต้องปรับตัวและเฝ้าระวังอยู่ทุกฝีก้าวอยู่เสมอ<br />
<br />
<b>ข้อมูลอ้างอิง :</b><br />
th-wikipedia<br />
en-wikipedia<br />
marumura.com/news/?id=4226<br />
oknation.net/blog/ravio/2013/01/28/entry-1<br />
wowboom.blogspot.com/2011/03/nyiragongo.html<br />
manager.co.th/Travel/ViewNews.aspx?NewsID=9570000078104<br />
runamartino.blogspot.com/2011/06/yellowstone-national-park.html<br />
smashinglists.com/10-most-dangerous-active-volcanoes-on-earth/<br />
<b>Photo Credits :</b><br />
Wikipedia<br />
world.kapook.com<br />
<br />
ที่มาจาก: http://www.fhm.in.th <div class="blogger-post-footer">ด้วยความปรารถนาดีจาก...บล็อกเตือนภัยพิบัติโลก</div>Anonymoushttp://www.blogger.com/profile/09362385019399728087noreply@blogger.com0ประเทศไทย15.870032 100.992541000000070.21739799999999931 80.338244000000074 31.522666 121.64683800000007tag:blogger.com,1999:blog-5294450998007589243.post-87323296916416617492013-11-24T22:07:00.002+07:002013-11-24T22:07:55.767+07:00Indigo<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<a href="http://files.palungjit.org/attachment.php?attachmentid=2962848&stc=1&d=1384617732" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" height="308" src="http://files.palungjit.org/attachment.php?attachmentid=2962848&stc=1&d=1384617732" width="400" /></a></div>
<b><span style="color: darkred;">อินดิโก้ หรือเด็กที่เป็นมนุษย์ต่างดาวมาเกิด มีลักษณะอย่างไร?</span></b><br /> <br />
ถ้าท่านศึกษาเรื่องของอินดิโก้ ท่านคงทราบแล้วบ้างว่า
จะมีมนุษย์ต่างดาวกลุ่มหนึ่งที่มาเกิดในครรภ์ของมนุษย์โลก
และจะออกมามีความเหมือนมนุษย์โลกมาก
แต่เขาจะมีความแตกต่างจากมนุษย์โลกทั่วไป อย่างที่เห็นได้ชัดคือ
ความอัจฉริยะ ที่แตกต่างและโดดเด่นมาก ตั้งแต่อายุยังน้อยๆ นั่นแหละ
ลักษณะเฉพาะของอินดิโก้ หรือ "มนุษย์ต่างดาวที่มาเกิดในครรภ์ของมนุษย์โลก"
ซึ่งพวกเขาได้มาเกิดในช่วงหลังๆ หลังจากช่วงแรก
พวกเขาทดลองดำรงอยู่แบบเดิมบนโลกแล้ว แต่ไม่ประสบความสำเร็จ
จึงต้องหาทางออก ปัญหาที่สำคัญของพวกเขาคือ "การปรับตัวเข้ากับโลก" ได้ยาก
และการที่เขาได้มาเกิดในครรภ์ของมนุษย์โลกนี้เอง
จะทำให้เขามีความสามารถในการปรับตัวเข้ากับโลกได้มากขึ้น <br /> <br />
เอาละ ผมจะเล่าให้ฟังอีกว่า อินดิโก้หรือมนุษย์ต่างดาวที่มาเกิดเป็นคนนี้
มีสองแบบด้วยกัน คือ แบบที่หนึ่ง พวกที่มาเกิด "ผ่านครรภ์มารดา"
และแบบที่สองคือ พวกที่มาเกิด "ผ่านการกำเนิดใหม่" ซึ่งพวกแรกนั้น
เพิ่งจะมาได้ไม่นาน ดังนั้น พวกเขาจะมีอายุไม่มาก
ถ้าเป็นมนุษย์ก็จะอายุไม่เกิน ๓๐ ปี เป็นส่วนใหญ่
และมักมีความสามารถแตกต่าง ความสามารถพิเศษโดดเด่นตั้งแต่ยังเด็กเลย
ดังนั้น พวกนี้ มักจะมีอายุประมาณไม่เกิน ๑๒ ปีในประเทศก็พอพบได้ครับ
ส่วนแบบที่สองนั้น คือ พวกที่กำเนิดใหม่โดยไม่ผ่านครรภ์มารดา
จะกำเนิดในร่างของมนุษย์ที่โตเต็มวัยแล้วก็ได้ครับ เรียกว่า
"การกำเนิดใหม่" ซึ่งพวกเขาจะประสานร่างกับมนุษย์ที่โตเต็มวัยแล้ว
มนุษย์คนนั้นจะรู้สึกเหมือนตายแล้วเกิดใหม่
แล้วก็ทำให้มีความเป็นอัจฉริยะตามมาในเวลาไม่นานครับ นี่ก็คือ
การปรับตัวเป็นมนุษย์ของเหล่ามนุษย์ต่างดาว ที่ผมเรียกทั้งสองแบบรวมกันว่า
"อินดิโก้" และจะได้นำเรื่องรางของพวกเขา มาเล่าให้ฟังกันในโอกาสหน้าครับ<br /> <br />
<a name='more'></a>อ้อ ผมมีเรื่องราวของมนุษย์ดาวอังคารที่มาเกิดเป็นมนุษย์โลก
มาฝากให้อ่านเล่นๆ กันครับ จากเว็บพลังจิต ห้องวิทยาศาสตร์ทางจิตนะครับ
ดังนี้ <br />
.............................................................................<br /> <br />
Boriska (ชื่อของเด็กคนนี้) เด็กชาวรัสเซีย อ้างว่า
ชาติก่อนเคยอาศัยอยู่ในยุค
ที่อารยธรรมดาวอังคารยังคงรุ่งเรืองก่อนที่จะเกิดสงครามมหาประลัย<br /> <br />
Boris Kipriyanovich เป็นเด็กอินดิโก ที่มีชื่อเสียงมากที่สุดในรัสเซีย
หลังจาก Gennady Belimov อาจารย์มหาวิทยาลัยในภูมิภาค Volgograd ของรัสเซีย
ตั้งแต่ Boriska อายุเจ็ดขวบ
เขาทำให้ผู้ใหญ่ตกตะลึงในระหว่างการเข้าค่ายพักแรมเป็น
เวลาชั่วโมงครึ่งที่ทุกคนเคลิบเคลิ้มกับการฟังบรรยาย
เรื่องราวชีวิตที่ผ่านมาของเขาบนดาวอังคารและ Lemuria
เขาได้เตือนถึงหายนะที่จะมีผลกระทบต่อโลกในปี 2009 และ 2013 <br /> <br />
หลังจากนั้น Boriska ก็บอกเราเกี่ยวกับชีวิตก่อนหน้าของเขาบนดาวอังคาร
เกี่ยวกับความจริงที่ว่าดาวเคราะห์สีแดงนั้นเคยเป็นที่อยู่อาศัยจริง
แต่เป็นเพราะมหาภัยพิบัติที่มีความรุนแรงมากที่สุดและได้ทำลาย
จนสูญเสียชั้น บรรยากาศ
และว่าในปัจจุบันชาวดาวอังคารทั้งหมดจะอยู่ในเมืองใต้ดิน
ต่อมาพวกเขาก็เคยใช้ยานอวกาศบินมายังโลกค่อนข้างบ่อยเพื่อการค้าแลก
เปลี่ยนและใช้ในวัตถุประสงค์การวิจัยอื่น ๆ <br /> <br />
เขาเล่าราวกับว่าเป็นผู้ขับยานบินของเขาด้วยตัวเอง
ซึ่งอยู่ในสมัยที่โลกปกครองโดยอารยธรรม Lemurian
(แผ่นดินในมหาสมุทรแปซิฟิก) ซึ่งเขามีเพื่อนชาว Lemurian
ที่ได้ถูกฆ่าตายต่อหน้าต่อตาของเขา ... <br /> <br />
- และภัยพิบัติครั้งใหญ่ก็เกิดขึ้นในโลกยุคนั้น
ทวีปขนาดยักษ์ถูกคลื่นยักษ์กลืนกิน
แล้วทันใดนั้นก็มีก้อนหินขนาดใหญ่หล่นลงมาทับเขาในระหว่างก่อสร้าง ...
ซึ่งนั่นก็คือเพื่อนของเขา , Boriska บอก ผมไม่สามารถช่วยเขาได้
เราหวังว่าจะได้มาพบเจอกันในชาตินี้<br /> <br />
เด็กชาย ถ่ายทอดเรื่องราวของโลกในยุค Lemuria
ราวกับว่ามันเกิดขึ้นเมื่อวานนี้
เขาพูดถึงการตายของเพื่อนที่ดีที่สุดของเขาราวกับว่ามันเป็นความผิดของเขา
วันหนึ่งเขาสังเกตเห็นหนังสือในกระเป๋าแม่ของเขาเรื่อง"เรามาจากไหนที่ไหน"
โดยเอินส์ท มัลดาเชฟ
ผู้ซึ่งมีความสุขและความหลงใหลในการค้นพบเด็กชายตัวเล็กๆ
ซึ่งกำลังเปิดอ่านหนังสือหลายชั่วโมง การดูภาพที่สเก็ตช์ของชาว Lemurians
ภาพถ่ายของทิเบต แล้วเขาก็เริ่มพูดถึงสติปัญญาชั้นสูงของชาว Lemurians ... <br /> <br />
- แต่อารยธรรม Lemuria สิ้นสุดไปเมื่อ 800 000 ปีมาแล้ว ... , ชาว Lemurians มีความสูง 9 เมตร! ? เขาจำเรื่องพวกนี้ได้อย่างไร <br /> <br />
- ผมจำได้จริงๆ เด็กชายตอบ <br /> <br />
หลังจากนั้นเขาก็เริ่มอ่านหนังสือเล่มอื่นๆของ Muldashev
"ในการค้นหาของเมืองแห่งเทพเจ้า."
หนังสือเล่มนี้ส่วนใหญ่จะกล่าวถึงสุสานเก่าแก่และปิรามิด Boriska
ช่วยยืนยันข้อความในหนังสือว่า ผู้คนจะพากันพบความรู้ภายใต้ปิรามิดหนึ่ง
(น่าจะเป็นคัมภีร์มรกตแห่งโธท) มันยังไม่ได้รับการค้นพบ
"ชีวิตจะเปลี่ยนไปเมื่อสฟิงซ์จะถูกเปิด(คัมภีร์มรกตของโธทถูกพบใต้สฟิงค์) "
เขากล่าวเสริมว่ามหาสฟิงซ์มีกลไกการเปิดอยู่ตรงไหนสักแห่ง
(แต่เขาจำไม่ได้)
(การที่ชีวิตเปลี่ยนไปนั่นหมายถึงมนุษย์ย่อมเปลี่ยนวิธีคิดด้วย
การลุกขึ้นมาต่อต้านผู้มีสัญลักษณ์ปิรามิดเพราะเหตุนี้ - ผู้แปล)<br /> <br />
เด็กชายยังมีพูดถึงความรักที่ยิ่งใหญ่อย่างกระตือรือร้นเกี่ยวกับอารยธรรมมา
ยัน ตามเขากล่าวมา
ทำให้คิดว่าเรายังรู้น้อยมากเกี่ยวกับอารยธรรมอันยิ่งใหญ่นี้และพลเมืองของ
เขา และที่น่าสนใจมากที่สุด Boriska
คิดว่าปัจจุบันได้เวลาในการมาของ"บุรุษสำคัญผู้หนึ่ง" ที่จะมาเกิดในโลก
การเกิดใหม่ของโลกใกล้เข้ามา
องค์ความรู้ใหม่จะอยู่เป็นที่ต้องการอย่างยิ่ง,
ความคิดที่แตกต่างทางด้านจิตใจจากโลกปัจจุบัน<br /> <br />
เธอรู้สึกอย่างไรเกี่ยวกับเด็กมีความสามารถพิเศษเหล่านี้และทำไมมันจึงเกิด
ขึ้นได้ เธอกลัวไหมที่จะถูกเรียกว่าเด็กพิเศษ(เด็กอินดิโก้)? <br /> <br />
- ผมรู้ว่าพวกเขากำลังมาเกิด แต่ผมยังไม่เคยเจอพวกเขาในเมืองนี้
บางทีอาจจะเป็นเด็กผู้หญิงที่ชื่อ Yulia Petrova เธอเป็นคนเดียวที่เชื่อผม
เด็กคนอื่นๆก็จะหัวเราะเยาะในเรื่องราวของผม<br /> <br />
บางสิ่งที่จะเกิด ขึ้นในโลกใบนี้ ;
นั่นคือเหตุผลที่ทำไมเด็กเหล่านี้จึงมีความสำคัญ
พวกเขาจะสามารถช่วยผู้คนได้ แกนโลกจะเปลี่ยน
ภัยพิบัติใหญ่ครั้งแรกจะเกิดกับทวีปหนึ่งในปี 2009 และต่อไปจะเกิดขึ้นใน
2013 มันจะทำลายล้างมากยิ่งขึ้น<br /> <br />
เธอไม่กลัวเหรอว่าชีวิตของเธออาจจะไปสิ้นสุดเพราะผลจากภัยพิบัติที่จะเกิดขึ้น? (หมายถึงจึงกลับมาเกิดในยุคนี้)<br /> <br />
- ไม่ ผมไม่กลัว ผมมีชีวิตที่ผ่านภัยพิบัติบนดาวอังคารมาแล้ว
และที่นั่นยังคงเป็นที่อาศัยของคนเช่นเดียวกับเรา
แต่หลังจากสงครามนิวเคลียร์ ทุกอย่างถูกเผาผลาญ
คนเหล่านั้นต่างมีวิธีเพื่อความอยู่รอด พวกเขาสร้างที่พักอาศัย, อาวุธใหม่
และยังมีการเปลี่ยนแปลงของทวีปก็มี แม้ทวีปจะไม่ได้มีขนาดใหญ่มาก
ชาวดาวอังคารหายใจเอาก๊าซชนิดหนึ่ง ในกรณีที่พวกเขาเดินทางมาถึงโลกของเรา
ก็จะมีการยืนติดกับท่อและการมีอากาศ หายใจจากท่อนั้น <br /> <br />
คุณหมายถึงหายใจเอาก๊าซออกซิเจน? <br /> <br />
- เมื่อคุณอยู่ในร่างกายนี้คุณต้องหายใจเอาออกซิเจน
แต่ชาวดาวอังคารไม่ชอบอากาศนี้ อากาศของโลกเพราะมันทำให้พวกเขาแก่เร็วขึ้น
ชาวดาวอังคารจะมีอายุประมาณ 30-35 ปี จำนวนประชากรชาวดาวอังคาร
จะเพิ่มขึ้นเป็นประจำทุกปี <br /> <br />
- Boris, ทำไมสถานีอวกาศของเราถึงพังก่อนที่จะถึงดาวอังคาร? <br /> <br />
- ดาวอังคารส่งสัญญาณพิเศษเพื่อทำลายมัน สถานีเหล่านั้นมีรังสีที่เป็นอันตรายต่อพวกเขา <br /> <br />
ผมต้องประหลาดใจในความรู้ของเขาเกี่ยวกับเรื่องรังสี "Fabos" นี้
ซึ่งเป็นจริงอย่างแน่นอน ย้อนกลับไปในปี 1988 ที่เมือง Volzhsky ยูริ
ลุชนิเชนโก, คนที่มีพลังสัมผัสพิเศษ
พยายามที่จะเตือนผู้นำโซเวียตเกี่ยวกับการพังของสถานีอวกาศโซเวียต สองลำแรก
คือ "Fobos 1"และ"Fobos 2"
นอกจากนี้เขายังกล่าวถึง"ความไม่คุ้นเคย"และเป็นอันตรายสำหรับการฉายรังสีไป
ยังดาวเคราะห์ แน่นอนไม่มีใครเชื่อเขา<br /> <br />
เธอรู้เกี่ยวกับความหลากหลายของมิติมั๊ย? คุณรู้ใช่ไหมว่าเราไม่ควรบินเป็นทางตรง แต่อาศัยการผ่านประตูมิติ? <br /> <br />
Boriska ลุกขึ้นยืนทันทีและเริ่มเล่าข้อเท็จจริงทั้งหมดเกี่ยวกับยูเอฟโอ
"เราได้ขึ้นบินและลงจอดสู่พื้นบนโลกเกือบในทันที!"
เด็กชายหยิบชอล์คและเริ่มวาดภาพวัตถุวงรีบนกระดานดำ "มันประกอบด้วยหกชั้น"
เขากล่าวว่า 25% ชั้นนอกทำจากโลหะทนทาน, 30%
ชั้นที่สองที่ทำจากสิ่งที่คล้ายกับยาง, ชั้นที่สามประกอบด้วย 30%
โลหะอีกครั้ง 4% สุดท้ายประกอบด้วยแม่เหล็กชั้นพิเศษ
"ถ้าเราชาร์จพลังงานแม่เหล็กกับเครื่องเหล่านั้นจะสามารถบินได้ทุกที่ใน
จักรวาล." <br /> <br />
- Boriska มีภารกิจพิเศษที่ต้องทำหรือไม่? เขาได้ตระหนักถึงมันมั๊ย ? ฉันตั้งคำถามเหล่านี้เพื่อถามพ่อแม่ของเขาและตัวเด็กชายเอง <br /> <br />
- เขากล่าวว่าเขาสามารถคาดเดาได้, แม่ของเขาบอก
เขาบอกว่าเขารู้อะไรเกี่ยวกับอนาคตของโลก
เขากล่าวว่าผมรู้ว่าจะได้เล่นบทบาทที่สำคัญที่สุดในอนาคต ...บอริส,
เธอรู้เรื่องทั้งหมดนี้ได้อย่างไร <br /> <br />
- มันอยู่ข้างในสมองของผม <br /> <br />
- Boris, ช่วยบอกเหตุผลที่ทำคนไม่สบาย? <br /> <br />
-
การเจ็บป่วยเกิดมาจากการไม่ใช้ชีวิตของผู้คนให้อยู่อย่างถูกต้องและมีความ
สุข คุณต้องได้รับครึ่งหนึ่งของพลังงานจักรวาล
คุณไม่ควรไปก้าวก่ายและไปลบล้างความต้องการของคนอื่นๆ
ผู้คนไม่ควรทุกข์เพราะความผิดพลาดที่ผ่านมาของพวกเขา
แต่ควรพยายามทำสิ่งที่ถูกตั้งไว้สำหรับภารกิจของพวกเขา
และพยายามที่จะเข้าถึงสิ่งสูงสุดเหล่านั้นและไปเพื่อพิชิตฝันของพวกเขา
(คำเหล่านี้เป็นคำพูดที่เขาใช้ทั้งหมด) <br /> <br />
คุณต้องได้รับการเพิ่มเติมกำลังใจและความอบอุ่น
ในกรณีที่มีคนต่อต้านคุณกอดศัตรูของคุณเสีย ขอโทษตัวคุณเองและเขา
ในกรณีที่มีคนเกลียดคุณ รักเขาเสียด้วยความรักทั้งหมดที่คุณมี
และความจงรักภักดีและขอขมาต่อเขา
เหล่านี้เป็นกฎแห่งความรักและความอ่อนน้อมถ่อมตน คุณรู้หรือไม่ว่าทำไมชาว
Lemurians ตาย? <br /> <br />
นอกจากนี้ผมต้องติอยู่อย่าง พวกเขาไม่ต้องการพัฒนาจิตวิญญาณมากกว่านี้อีก
พวกเขาหลงผิดไปจากเส้นทางที่ตั้งไว้จึงถูกทำลายโลกส่วนรวมทั้งหมด
เส้นทางของพลังวิเศษคือการนำไปสู่การหยุดตาย(หยุดเวียนว่ายตายเกิด) และ
รักคือ พลังวิเศษที่แท้จริง! <br /> <br />
สิ่งที่ต้องทำทั้งหมดนี้เธอรู้ได้อย่างไร? <br /> <br />
- ผมรู้ ... Kailis ... <br /> <br />
- เธอพูดว่าอะไร? <br /> <br />
- ผม กล่าวว่า"สวัสดีครับ"นี่เป็นภาษาของดาวเคราะห์ของผม ... (Kailis)<br /> <br />
ที่มา <a href="http://supermouthgaia.blogspot.com/2012/10/blog-post_9237.html" target="_blank">Super Mouth Gaia: อินดิโก้ หรือเด็กที่เป็นมนุษย์ต่างดาวมาเกิด มีลักษณะอย่างไร?</a><br /> <br /> <b><u><span style="color: blue;">echonight</span></u></b> สมาชิก<br /> <br />
06/03/11 อัพเดทนะครับ สำหรับใครที่ไม่เป็นอินดิโก้หรือ
พวกมียีนส์พิเศษแฝงที่มีพันธะ จะทำไม่ได้นะครับ
และอินดิโก้ทุกคนไม่ได้หมายความว่าจะทำวีวอิ้งได้นะครับ
เพราะแต่ละคนจะมียีนส์แฝงที่ต่างชนิดกัน ก็ลอง ๆ ฝึกดูนะครับ ถ้าใครทำได้
ก็แสดงว่าเป็น อินดิโก้ แน่นอน แต่สายเดียวกับผมนั่นคือ สายตาที่สาม
ให้ติดต่อไปที่คุณ fernezzo นะครับ
ขณะนี้โลกของเรากำลังจะเข้าสู่ยุคดวงอาทิตย์ที่ 5
ช่วงรอยต่อช่วงนี้เป็นเวลาที่สำคัญมาก
จะมีอินดิโก้ทั่วโลกพร้อมใจกันตื่นขึ้นมากเช่นกันในช่วงนี้
ภารกิจของพวกเราเป็นสากลทั่งระบบ
นั่นคือช่วยมนุษย์ธรรมดาให้เลื่อนระดับสู่ขั้นที่สูงต่อไปได้ครับ
หลายท่านอาจจะงงว่าทำไมต้องทำกันขนาดนี้
หากมนุษย์ถูกทำลายหมดสิ้นจักรวาลก็ไม่เปลี่ยนแปลงอยู่ดี
คิดสิครับว่าทำไมพวกท่านถึงต้องตกเป็นเป้าของพวกซาตานและพวกไม่ดีอื่น ๆ
เพราะพวกท่านเป็นเผ่าพันธุ์ต้นแบบที่หายากยิ่ง
กำเนิดมาจากส่วนหนึ่งของพลังงานต้นแบบ ซึ่งมนุษย์ทุกคนมีอยู่ในตัวหมด
และมันจะทำปฎิกริยากับพลังงานคลื่นโฟตอนบริสุทธิ์(ที่โลกเรากำลังจะเคลื่อน
ตัวเข้าสู่ช่วงนี้ทุก ๆ
วงรอบ)ทำให้พลังงานในตัวพวกคุณถูกกระตุ้นขึ้นและทุกครั้งที่ถูกกระตุ้น
พวกคุณจะเข้าไกล้จิตของจักรวาลมากขึ้นไปด้วย
พวกเราเรียกมันว่าพลังงานต้นแบบน่ะครับผม
ดังนั้นหากพวกคุณสามารถอยู่รอดและผ่านเข้าสู่ยุคต่อไปได้
พวกคุณจะวิวัฒนาการเข้าสู่ช่วงระดับสูงของจิตวิญญาณครับ โอ่ย
เรียกยากจิงฮ่าๆๆ<br /> <br />
จากโพสต์เก่าของผม อันนี้ขอไม่ลบเพราะไม่ใช่ข้อมูลอันตราย เป็นความสามารถพิเศษชนิดหนึ่งที่หายากของ อินดิโก้<br /> <br /> <b>Key Master, Time Reaper</b><br /> <br />
พวกนี้กล่าวได้ว่าเป็นพวกอัจริยะตั้งแต่เกิด
พวกเขาเกิดมาพร้อมกับพรสวรรค์ในการรับรู้ข้อมูลต่างๆของทุกสรรพสิ่ง
พวกเขาเชื่อว่าในโครงสร้างของทุกๆอณูทุกๆสรรพสิ่ง
จะมีแหล่งเก็บข้อมูลเป็นองค์ประกอบด้วยเสมอ
ซึ่งในส่วนของสิ่งมีชีวิตจะอยู่ในรูปของ DNA (ขดเกลียวแห่งชีวิต)
และในวัตถุธาตุที่ไร้ชีวิตจะอยู่ในรูปของพลังงานอณุภาค (Higgs Boson)
ข้อมูลของทุกสรรพสิ่งตั้งแต่เกิด ดำรงอยู่ และสิ้นอายุขัย
จะถูกจัดเก็บรวบรวมไว้ทั้งหมดในแหล่งเก็บข้อมูลอย่างละเอียด
ซึ่งพวกเขาเพียงแค่สัมผัส
หรือใช้จิตสัมผัสกับสิ่งของนั้นๆหรือกระแสพลังงานนั้นๆ
ก็จะสามารถเข้าถึงแหล่งข้อมูลสรรพสิ่งเหล่านั้นได้อย่างง่ายดาย
พวกเขามีสมองที่มหัศจรรย์มาก! หากคุณลองทำการจำแนกข้อมูลของมนุษย์หนึ่งคน
ชำแหละออกมาทุกๆเซลล์ทุกๆอนุภาค ตำแหน่ง หน้าที่ และโครงสร้างของมันทุกส่วน
แล้วนำข้อมูลเหล่านั้นบรรจุลงบนแผ่นดิสก์
คุณจะได้แผ่นดิสก์ขนาดกองเท่าภูเขาหรือพอๆกับตึกอย่างตึกเอ็มไพร์สเตทนับ
ล้านๆตึกเลยทีเดียว!! ซึ่งนั่นเทียบเท่ากับจุดเล็กๆจุดหนึ่งในสมองของพวก KM
เท่านั้นเอง ..สุดยอด !<br /> <br />
ปล.ความสามารถของพวก KM นั้นหากใช้เทคโนโลยีก็สามารถทำได้
แต่คงต้องอาศัยเทคโนโลยีขั้นสูงมากจริงๆ ซึ่งในปัจจุบันคงเป็นไปไม่ได้
อย่างตอนนี้ CERN ก็กำลังทำการทดลองหาอนุภาค Higgs Boson
อยู่เพื่อไขความลับกำเนิดจักรวาล!
แต่ตอนนี้ทราบว่าเพิ่งได้ข้อมูลมายังไม่ถึง 5% ซะด้วยซ้ำ
แต่ต้องใช้แผ่นดิสก์เก็บข้อมูลไปแล้วเป็นล้านแผ่น!!
ซึ่งในความเป็นจริงแล้วพวกนักวิทยาศาสตร์ทราบว่ามีข้อมูลแห่งจักรวาลอยู่ใน
พลังงานมืดจริงๆ และแม้แต่พวก KM
ก็ไม่สามารถสัมผัสหรือเข้าถึงแหล่งพลังงานนี้ได้ เพราะมันเป็นอากาศธาตุ
ทางนักวิทยาศาสตร์จึงต้องอาศัยเทคโนโลยีของเครื่อง LHC
ในการฉีกพลังงานมืดให้ขาดในช่วงเวลาที่สั้นมากนับเป็นเสี้ยวของเสี้ยว
วินาที! และนั่นอาจจะทำให้อนุภาคโบซอนซึ่งเป็น DNA
ของจักรวาลเผยตัวออกมาจนสามารถตรวจจับและเข้าถึงข้อมูลต้นกำเนิดแห่งจักรวาล
ได้ต่อไปนั่นเอง !!!<br /> <br /> <b>Key Master</b><br />
-ไม่สามารถมองอนาคตได้<br />
-รับรู้ย้อนอดีตได้ ไกลไม่จำกัด<br />
-เป็นพรสวรรค์ติดตัวแต่กำเนิด(เป็นชนิดที่หาได้ยากมากของอินดิโก้)<br />
-มีมันสมองอัจฉริยะ<br /> <br />
(ตอนนี้ผมได้อยู่ในกลุ่มอินดิโก้แล้ว ทำให้ได้เห็นว่าในกลุ่มนั้นมีผู้ปลุก
DNA ตัวเองเยอะมากและมีความสามารถที่หลากหลายต่างกันไป
แต่ที่ผมเห็นว่าแข็งแกร่งที่สุดนั้นก็คือพวก วาร์ปเปอร์
ครับพวกนี้สามารถจั๊มไปได้ทุกที่ในพริบตา พอเวลานั้นมาถึง
พวกเขาสามารถวาร์ปไปอุโมงค์อื่นได้ทันทีหากอุโมงค์นั้นเกิดอันตรายขึ้น
และพวกเขาเหล่านั้นยังสามารถย้ายเสบียงอาหารระหว่างโลกไปยังฐานที่มั่นของ
พวกเราได้[Death Star และ Mother Ship]
และผู้ที่มีพลังแข็งแกร่งในการต่อสู้คือผู้เคลื่อนย้ายมิติ
พวกนี้สามารถสร้างช่องว่างของอวกาศและทำลายโครงสร้างแห่งกาลเวลาให้ปั่นป่วน
ได้ นั่นคือความสามารถในการสร้างหลุมดำขนาดย่อม
เพื่อดึงดูดสสารและพลังงานให้เข้าไปในหลุมที่สร้างนั้นและให้ก้นหลุมไปอยู่
ตำแหน่งใดก็ได้ที่ไกลแสนไกลในจักรวาล แต่ตอนนี้ในกลุ่มทั่วโลกมีแค่
เจ็ดร้อยกว่าคนจากจำนวนประชากร 7พันล้านคน ....พูดมากไม่ได้ครับ
พี่ใหญ่เตือนมาแล้ว 16 ก.พ.2011)<br /> <br />
Last edit : 06 มีนาคม 2011<br /> <br />
20/08/10
บทความนี้เป็นช่วงที่ผมเริ่มวีวครั้งแรกๆนะครับ(วีวเดี่ยวโดยที่ยังไม่เข้า
ร่วมกลุ่ม Indigo for New world ทำให้คลาดเคลื่อนในเรื่องวันเวลาเยอะมาก
ตอนนี้ได้เข้าร่วมกลุ่มคนอินดิโก้และได้วีวไปพร้อมกับผู้มีความสามารถวี
วอิ้งจั๊มพ์ไปแบบเป็นกลุ่ม ทำให้แยกกันไปหาข้อมูลวันเวลามาได้ชัดเจนขึ้น
พวกผมมีที่มั่นใหญ่หรือก็คือ Headquarter อยู่ในประเทศหนึ่งในแถบ XXX
ตอนนี้งานยุ่งมากครับ 16 ก.พ.2011)<br /> <br /> <b><span style="color: darkred;">ต่อไปนี้คือข้อมูลของการวีวของผม จากบทความที่ผ่านมาของผมว้าว ๆๆ วีวเออร์ :D</span></b><br /> <br />
ผมเห็นเสากระแสไฟฟ้าแรงสูง หลายต้นในอลาสก้า
ปล่อยสนามพลังงานที่ยิ่งใหญ่ในช่วงที่เกิดเหตุการณ์นี้ HAARP
พวกผู้คนและสัตว์ต่างๆที่อยู่ใต้อุโมงค์ขนาดใหญ่ทุกที่ทั่วโลก
จะออกมาจัดตั้งประเทศอีกครั้ง underground bases<br /> <br />
เห็นเหตุการณ์ที่ยิ่งใหญ่มากเหนือสิ่งที่เคยพบเห็นมาก่อน
มันคืออภิมหาสงครามขนาดใหญ่ที่กระจายอยู่ทุกหย่อมหญ้าบนโลก ดิน น้ำ บนอากาศ
เต็มไปด้วยแสงเลเซอร์และเปลวเพลิง
มันน่าขนลุกมากที่ได้เห็นว่ามนุษย์เปลี่ยนไปได้ยังไง??
พวกเขาบางคนมีคนตัวใหญ่มาก มีเขา มีปีกอีกด้วย!! มียานอวกาศลอยเต็มฟ้าไปหมด
สงครามอามาเกดอน ครั้งที่ 2 ?<br /> <br />
ปี 2016 ตอนนั้นมีเมืองที่ใหญ่มากได้ยินเรียกขานกันว่า อัสตาน่า
มีคนตัวใหญ่มีเขา มีปีกยืนอยู่บนแท่นคล้ายๆกับเป็นการปราศัย หัวหน้ากลุ่ม
NWO กำลังปราศัยอยู่ ? ส่วนเรื่อง fallen angels นี่ก็น่าสนใจ
ลึกๆแล้วไม่มีสิ่งใดจะเข้าถึงจิตแห่งสามัญสำนึกของพวกนี้ได้เลย
ความลับของคนพวกนี้ยังคงคลุมเครือ<br /> <br />
และในปี 2020 สงครามก็ได้เกิดขึ้น เมื่อผมเห็นยานอวกาศขนาดใหญ่
ประมาณดวงจันทร์ได้ หรืออาจใหญ่กว่าซะอีกจำนวน 11 ลำลอยอยู่ใกล้โลก
สงครามอามาเกดอน ครั้งที่ 3 ?<br /> <br />
ตรงตัวยานปรากฎสัญลักษณ์รูปจานกลมๆ มีปีกและมีตัวอักษรภาษาอะไรไม่รู้อยู่
ด้านล่างตรานั้น flying disc สัญลักษณ์รูปจานติดปีกพวกนี้
ถ้าใครไม่รู้ลึกก็คงไม่ทราบว่ามันสำคัญและเกี่ยวพันกับประวัติศาสตร์ของโลก
เราอย่างไรและแค่ไหน! แต่นายก็รู้!! cool มาก ๆ ..<br /> <br />
ผมเห็นลำแสงขนาดใหญ่ถูกยิงจากโลกขึ้นไปเป็นระยะๆ และแล้วยานลำใหญ่ 4
ลำก็ระเบิดออกเป็นเสี่ยงๆปรากฎเป็นภาพลูกไฟขนาดใหญ่อยู่ในอวกาศ จบกัน
ยานในตำนาน โดนหรอยซะแล้ว จริงหรอเนี่ย!!!<br /> <br />
ดูเหมือนว่าพวกเรากำลังถูกกองทัพมนุษย์ต่างดาวรุกราน
และเหมือนว่าเรากำลังสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กับพวกมนุษย์ต่างดาวอีกกลุ่มด้วย
พวกเรากำลังสู้กับพวกที่มีปีกและมีเขารูปร่างเหมือนกับพวกที่ร่วมสู้กับเรา
อย่างไรอย่างนั้น ก็หัวหน้ากลุ่มโลกใหม่ (NWO)
เป็นเผ่าพันธุ์เดียวกันกับพวกที่จะมาล้างโลกนี่นะ<br /> <br />
สงครามครั้งนี้ยืดเยื้ออยู่อีกประมาณ 2 วันจนกระทั่งได้ยุติลง
ผมไม่สามารถบอกได้ว่ามันยุติลงอย่างไร แต่มันช่างสะเทือนใจผมมากจริงๆ
ผมบอกได้เพียงว่า อีกไม่นาน โลกใบนี้กำลังจะเปลี่ยนไป...ตลอดกาล OMG!
คงไม่ใช่ว่าดาวดวงนี้จะถูกทำลายนะ !<br /> <br /> <b><span style="color: darkred;">บทความนี้ผมได้ไปวีวย้อนดูหลายครั้งและได้ค้นคว้าข้อมูลเพิ่มเติมจนกระจ่างแล้ว</span></b><br /> <br /> <b><span style="color: blue;"><span style="font-size: medium;">หลัง
จากวิวย้อนไปดูอดีต จึงทราบมาว่า ในอดีตยานยักษ์พวกนี้ถูกใช้ขนาบโลก
เพื่อใช้แรงดึงดูดดึงน้ำให้ไหลท่วมไปตามทวีปต่างๆทั่วโลก
และนั่นคือยุคของโนอาห์นั่นเอง ยุคน้ำท่วมโลกในสมัยพระคำภีร์ไบเบิ้ล
เรื่องน้ำท่วมโลกสมัยโนอาห์กับยานอวกาศขนาดยักษ์ที่สร้างกระแสแรงดึงดูดได้
มหาศาลอันนี้ ขอยกนิ้วให้..น้อยคนที่รู้จริง ๆ แม้แต่นักวิทยาศาสตร์ก็ตาม</span></span></b><br /> <br />
มีอยู่กลุ่มนึงที่เรียกว่า กลุ่ม Indigo ซึ่งเคลื่อนไหวใต้ดินอย่างลับๆ
พวกนี้เป็นพวกที่ปลุก DNA แล้วและมีความสามารถพิเศษต่างๆ
พวกนี้อาจจะเป็นความหวังหนึ่งเดียวของพวกเรา
ที่จะรักษามนุษย์เจนเนอเรชั่นนี้ให้ดำรงอยู่และสร้างอารยธรรมของ
พวกเราต่อไปตราบนานเท่านาน แท้จริงแล้ว
อย่างนายก็เรียกได้ว่าเป็นมนุษย์อินดิโก้ได้แล้วนี่นะ!? อิอิ
ส่วนเรื่องกลุ่มมนุษย์สายพันธุ์ใหม่ที่เรียกกันว่า อินดิโก้, คริสตัล
หรือครายออน อะไรก็ตาม
พวกนี้สามารถปลุกวิธีการดึงเอาพลังแห่งจักรวาลมาควบคุมในตัวเราได้ครับ<br /> <br />
ผมกลับมาเตือนทุกคนอีกครั้ง ในช่วงเวลาอันไกล้เข้ามานี้
คงจะบอกได้แล้วว่าจะเป็นช่วงเวลาแห่งความน่าสะพรึงกลัวอย่างที่สุด
และที่ผมมาเตือนนั้น ไม่ใช่ในด้านการเอาตัวรอดในทางตัวตน
แต่เป็นการเอาตัวรอดทางจิตวิญญาณ อยากจะบอกให้ทุกท่านจงเตรียมตัว
เตรียมจิตใจให้พร้อม เพราะสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นจะไม่มีใครหนีพ้นได้
และการเตรียมการที่ดีที่สุดในตอนนี้ตือ เตรียมพร้อมจิตวิญญาณให้มั่นคง
เต็มไปด้วยความรักและเข้าใจในสรรพสิ่งรอบๆตัว
ไม่กล่าวโทษสิ่งต่างๆหรือผู้คนต่างๆ ไม่ทำให้จิตวิญญาณตนเองตกต่ำ
และพร้อมที่จะยกขั้นตัวตนและจิตวิญญาณให้สูงขึ้นอยู่เสมอ
เพราะวันนั้นมันไกล้เข้ามามากโดยที่พวกคุณไม่รู้ตัว..<br /> <br />
และสำหรับข่าวคราวของวันที่ 21 พ.ค. 2011 นี้ที่ว่าเป็นวันสิ้นโลกนั้น
..จริงๆแล้วไม่ใช่
มันเป็นเพียงการเริ่มต้นของนาฬิกาแห่งวัฎจักรในบทวิววรณ์เท่านั้น
ช่วงนี้คือช่วงเวลาแห่งการแร็พเจอร์หรือรวบรวมผู้คน
และสลักตราที่สำคัญในบทวิวรณ์จะเริ่มถูกเปิดขึ้นในช่วงเวลานี้
แผนการณ์ต่างๆได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว สำหรับในเดือนตุลาคมนี้
จะเป็นเดือนแห่งจุดเปลี่ยน ที่แท้จริง.. จงรักกันให้มากๆ<br /> <br />
ที่มา <a href="http://board.palungjit.org/f2/%E0%B9%80%E0%B8%A3%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%9A%E0%B9%80%E0%B8%A3%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%87%E0%B8%82%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%A1%E0%B8%B9%E0%B8%A5%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%A7%E0%B8%B5%E0%B8%A7%E0%B8%82%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%9C%E0%B8%A1%E0%B8%97%E0%B8%B8%E0%B8%81%E0%B8%9A%E0%B8%97%E0%B8%84%E0%B8%A7%E0%B8%B2%E0%B8%A1-%E0%B8%A1%E0%B8%B5%E0%B8%97%E0%B8%B1%E0%B9%89%E0%B8%87%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B4%E0%B8%A8%E0%B8%99%E0%B8%B2-nibiru-2010-2012-nwo-fallens-etc-253533.html" target="_blank">เรียบเรียงข้อมูลการวีวของผมทุกบทความ มีทั้งปริศนา Nibiru/2010-2012/NWO/Fallens..etc.</a><br />
<br />
ที่มาจาก <a href="http://board.palungjit.org/" target="_blank">board.palungjit.org</a><div class="blogger-post-footer">ด้วยความปรารถนาดีจาก...บล็อกเตือนภัยพิบัติโลก</div>Anonymoushttp://www.blogger.com/profile/09362385019399728087noreply@blogger.com0ประเทศไทย15.870032 100.992541000000070.21740199999999987 80.338244000000074 31.522662 121.64683800000007tag:blogger.com,1999:blog-5294450998007589243.post-15963991532300018082013-11-24T21:13:00.004+07:002013-11-24T21:13:41.872+07:00เศษดาวกำลังพุ่งตรงมายังโลก !!!<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<a href="http://files.palungjit.org/attachment.php?attachmentid=2968966&stc=1&d=1384966686" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" height="240" src="http://files.palungjit.org/attachment.php?attachmentid=2968966&stc=1&d=1384966686" width="320" /></a></div>
<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<b><u><span style="color: blue;">prachas</span></u></b> สมาชิก<br /> <br />
สวัสดี ผมไม่ได้เล่าความฝัน ผมมาเล่าสิ่งที่ผมรู้มา
เมื่อสักหนึ่งชั่วโมงก่อนหน้านี้ผมพยายาม Search หาข้อมูลสนับสนุนจาก
Google ก็พอใกล้เคียงอยู่หนึ่งอันของ Dr.Imke de Peter University of
California เกียวกับปฏิกิริยาของดาว Ison กับ Jupiter
เมื่อขณะที่มันเคลื่อนตัวผ่าน Jupiter
ผมขอบอกว่าเราอาจจะเจอกับปัญหาใหญ่ของมวลมนุษย์ชาติ<br /> <br />
มาเล่ากันเลย ก่อนจะอ่านต่อขอบอก
ผมไม่ใช้ผู้วิเศษและผมก็ไม่อยากรู้ด้วยว่าดาวพฤหัสที่ว่านี่
มันจะเป็นญาติอะไรกับผม
ผมรู้มาว่าขณะที่ผมนอนอยู่ที่ห้องตอนเมื่อตีสี่ที่ผ่านมา
ผมไม่ได้ฝันแต่มีสิ่งสัมผัสทางจิตบอกผมว่า "Ison ชนกับดาวบริวารของดาวพฤหัส
เศษดาวกำลังพุ่งตรงมายังโลก"<br /> <br />
แล้วผมก็ตื่นมาหาข้อมูลของการระเบิด เมื่อหลายวันย้อนหลังแถวๆดาวพฤหัส
ก็เลยได้ข้อมูลที่ไม่ค่อยมีใครสนสักเท่าไหร ดาวพฤหัสมีดวงจันทร์บริวาร 63
ดวง และมีการระเบิดของภูเขาไฟบนดวงจันทร์ที่ชื่อว่า LO ขณะที่เจ้าดาวหาง
Ison เคลื่อนตัวผ่านด้วยความยาวหาง 80,000km ถ้าผมแปลไม่ผิด
แต่ผมไม่สนอะไรมากเท่า หากเจ้า Ison มาพร้อมลูกกระสุนของฝากจากดาวพฤหัส
อีกสักชิ้นแค่นี้ก็เกินพอที่จะทำให้สิ่งมีชีวิตบนโลก
ได้ร้องเพลงลากันแล้วละครับพี่น้อง<br /> <br />
ทำไม FEMA
เตรียมพร้อมและเตรียมฝึกซ้อมเกี่ยวกับเหตุฉุกเฉินที่ว่อนอยู่ในเน็ตตอนนี้
ครับ? ทำไม NASA
ถึงถูกตัดงบและปิดกล้องของการเฝ้าสังเกตุการณ์ในระบบสุริยะ? หรือ NASA, ESA
และหน่วยงานอื่นๆ รู้แล้วแต่ไมบอกใคร? หากมาตรงตามกำหนดเวลา
ก็คงเหลือเวลาอีกไม่นานแล้วครับขอให้พวกเราทุกๆ ชีวิตบนโลกโชคดี<br /> <br />
<a name='more'></a>07-10-2013, 11:15 PM<br /> <br />
สวัสดีครับสหายทุกๆท่าน กลับมาอีกครั้งก่อนฉบับสุดท้าย 15 oct 13 เวลา
02:00 น.ไม่ได้ฝันครับ ไม่ขอสาวความยืดให้เสียเวลา "30 นาที ทั้งโลก
วิ่งกันทั้งเมือง" เป็นประโยคที่ผมได้รับรู้ก่อนที่จะตื่น
ภาพที่เห็นก็คือเมืองที่มีตึกสูงระฟ้าสัก 3-4 ตึก
มีควันขึ้นมาจากพื้นจากที่นึงแต่ไม่รู้สาเหตุ
แล้วผมตื่นเข้าห้องน้ำกลับไปทำสมาธิพักใหญ่เพื่อ clear ตัวรู้นั้นให้จบๆไป
ผ่านไปตี 4 สิ่งที่รับรู้มาใหม่หนักหนากว่าเดิมอย่างอลังการงานสร้าง<br /> <br />
ท่านลองจินตนาการถึงเมืองใหญ่ๆทั้งเมือง ปูดขึ้นจากพื้นดินแนวระนาบ
แล้วตึกเหมือนถูกสร้างอยู่บนยอดเนินสูงๆ
อยู่ๆเมืองที่ถูกดันขึ้นไปก็เกิดการระเบิด อภิมหาภูเขาไฟใหญ่มากๆ
แล้วก็มีเสียงในนั้นบอกว่า"พระภิกษุเทพมุนี จะเป็นผู้นำทางศาสนาต่อไป
จีนจะเป็น...."ท่านพูดรอบแรกผมฟังไม่ค่อยชัด แล้วท่านก็พูดอีกรอบแบบเดิม
เหมือนเสียงตามสายออกอากาศ แต่ที่สัญญาจำได้มาแค่นี้แหละ
จากนั้นผมรู้เลยว่าเราคงไม่รอดแน่แล้ว
จึงเสียใจที่เราคงต้องตายโดยที่ไม่มีทางได้สู่เลย
จากนั้นหูผมก็เริ่มดับลงช้าๆ
จนไม่ได้ยินเสียงใครทั้งภรรยาและลูกก็อยู่ข้างๆ
จนผมตั้งสติรวบรวมใจเป็นสมาธิอีกครั้ง คลายความเสียใจลงหูของผมก็ค่อยๆ
กลับมาเริ่มได้ยินอีกครั้ง นี้อาจจะเป็น Post เกือบจะสุดท้ายของผม
ฉบับหน้าผมจะมาบอกวันเวลาที่แน่นอนเป็นฉบับสุดท้าย<br /> <br />
15-10-2013, 05:32 AM<br /> <br />
มันมาแล้วจริงๆ เหมือนกับที่ผมเห็นเลย มันมีลูกมาด้วย เผยแพร่เมื่อวันที่
21 Oct 13 และอีกคนเผยแพร่เมื่อ 15 Oct 13 ถึงคุณมะลิดำและคนดีๆทุกๆคน
ผมขอให้คุณและครอบครัวปลอดภัย ด้วยอำนาจแห่ง พุทธานุภาพ ธรรมานุภาพ
สังฆานุภาพ และอำนาจแห่งบุญบารมี ที่พวกเราทำรวมกันมาจนถึงเวลานี้
โปรดดลบรรดาลให้พวกเราผู้มีใจใฝ่ดีปลอดภัยด้วยเทอญ<br />
Note:Don't believe what they say .Should believe when you see<br /> <br />
02-11-2013, 02:03 AM<br /> <br />
NASA ไม่ผิดหรอกครับที่เขาไม่บอกสิ่งที่เขารู้และเตรียมการ
แต่เขาจะบอกให้เราดูสิ่งที่เขาอยากให้เราดูเท่านั้น
จงค้นหาสิ่งที่เขาไม่บอกแล้วเพื่อนจะได้คำตอบ
ผมบอกจะมาบอกวันที่เป็นฉบับสุดท้าย. ผมรู้แล้วแต่ผมไม่แน่ใจ
เพราะมันไม่เด่นชัดสักเท่าไร แต่ที่แปลกเมื่อผมปฏิเสธว่าไม่เอาแล้ว
เบื่อไม่อยากรู้แล้วว่าอะไรจะหายนะยังงัย
วันต่อมาก็ไม่เห็นอีกเลยอยู่เป็นอาทิตย์และแล้วพอน้อมใจยอมรับ
และขอวันเวลาที่เหตุจะเกิด คืนแรกก็ยังว่างเปล่าจนกระทั้งเมื่อวานนี้แหละ
นี้คือฉบับสุดท้ายจริงๆ และท่านทั้งหลายจะไม่ได้เห็นการมาเยือนของผมในทุกๆ
post. <br /> <br />
เราขอลาท่านไว้ ณ โอกาสนี้ ขอให้มิตรสหายของเราทุกๆท่านโชคดี จากใจ ชา<br /> <br />
ที่มา <a href="http://board.palungjit.org/f178/%E0%B8%84%E0%B8%A7%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%9D%E0%B8%B1%E0%B8%99-%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B8%9E%E0%B8%AA%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B8%AB%E0%B8%A3%E0%B8%93%E0%B9%8C-%E0%B8%AA%E0%B8%B1%E0%B8%8D%E0%B8%8D%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B9%80%E0%B8%95%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B8%88%E0%B8%B2%E0%B8%81%E0%B9%80%E0%B8%9A%E0%B8%B7%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%9A%E0%B8%99-79471-172.html" target="_blank">"ความฝัน เทพสังหรณ์" สัญญานเตือนจากเบื้องบน</a><br />
<br />
ข้อมูลจาก <a href="http://board.palungjit.com/">board.palungjit.com</a><br />
<br />
<div class="blogger-post-footer">ด้วยความปรารถนาดีจาก...บล็อกเตือนภัยพิบัติโลก</div>Anonymoushttp://www.blogger.com/profile/09362385019399728087noreply@blogger.com1ประเทศไทย15.870032 100.992541000000070.21740199999999987 80.338244000000074 31.522662 121.64683800000007tag:blogger.com,1999:blog-5294450998007589243.post-74590043889388407682013-11-24T11:22:00.000+07:002013-11-24T11:22:52.576+07:00ร้อนอีกเเค่ 6 องศา...โลกาก็วินาศ!!<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<a href="https://fbcdn-sphotos-d-a.akamaihd.net/hphotos-ak-ash4/p240x240/1391747_457078394392485_2036664319_n.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" height="400" src="https://fbcdn-sphotos-d-a.akamaihd.net/hphotos-ak-ash4/p240x240/1391747_457078394392485_2036664319_n.jpg" width="287" /></a></div>
ร้อนอีกเเค่ 6 องศา...โลกาก็วินาศ!!<br /> <br /> "อุณหภูมิ 6°C
เปลี่ยนแปลงโลกได้" หรือ "Six Degrees Could Change the World"
เป็นภาพยนตร์สารคดีที่ได้รับแรงบันดาลใจจาก “มาร์ค ไลนัส” (Mark Lynas)
ผู้สื่อข่าวชาวอังกฤษ เจ้าของหนังสือ “ซิกซ์ ดีกรี” (Six Degrees)<br /> <br />
ซึ่งได้ค้นคว้าบทความวิทยาศาสตร์หลายหมื่นชิ้นเพื่อเผยให้โลกเห็นความน่า
กลัวของมหันตภัยที่คืบคลานมากับอุณหภูมิที่เพิ่มขึ้นในอีก 100 ปีข้างหน้า<br /> <br />
ภาพที่ปรากฏออกมาตลอด 2 ชั่วโมงของ "6 องศาเปลี่ยนแปลงโลกได้"
จึงเริ่มตั้งแต่การกล่าวถึงสัญญาณเตือนภัยเบื้องต้นที่โลกประสบแล้ว เช่น...<br /> <br /> • ในทวีปออสเตรเลียที่มีอุณหภูมิสูงขึ้น 1 องศาเซลเซียสในรอบ 100 ปีที่ผ่านมา ส่งผลให้เกิดภัยแล้งที่เลวร้ายที่สุดในประวัติศาสตร์<br /> <br />
• หรือแม้แต่ภัยพิบัติจากเฮอริเคน “แคทรินา” เมื่อปี 2548
ที่ทำลายบ้านเมืองในมลรัฐนิวออร์ลีน ประเทศสหรัฐอเมริกา
ซึ่งแม้จะดูร้ายแรงมาก ทว่าแคทรินาก็ยังเป็นแค่พายุที่มีความรุนแรงระดับ 3
เท่านั้น <br /> <br /> • ขณะเดียวกันในฟากเมืองผู้ดี “อังกฤษ”
ก็กำลังเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงทางการเกษตรครั้งใหญ่เนื่องจากสภาพอากาศที่
ร้อนขึ้น พืชที่ไม่เคยปลูกได้ในอังกฤษอย่างองุ่นและมะกอกกลับชูช่องดงาม<br /> <br />
<a name='more'></a>======<br /> <br /> <br /> สารคดีดังกล่าวบอกเราด้วยว่า ในช่วง 200 ปีที่ผ่านมาหลังการปฏิวัติอุตสาหกรรม อุณหภูมิโลกได้เพิ่มขึ้นแล้ว 0.6-0.8 องศาเซลเซียส<br /> <br /> ขณะที่ความเปลี่ยนแปลงอันน่าสะพรึงกลัวกำลังคืบคลานติดตามมา สารคดีนี้จำลองภาพให้เห็นว่า...<br /> <br /> • เมื่ออุณหภูมิยังเพิ่มขึ้นอีก 1 องศาเซลเซียสเมื่อใด...<br /> <br /> - บ้านเรือนผู้คนในเขตอ่าวเบงกอลอาจต้องจมอยู่ใต้น้ำ <br /> - มหาสมุทรแอตแลนติกตอนใต้จะถูกพายุเฮอริเคนโจมตีอย่างหนัก <br /> - พื้นที่ฝั่งตะวันออกของสหรัฐฯ ที่อาจต้องแปรเปลี่ยนไปเป็นทะเลทราย<br /> <br /> ======<br /> <br /> <br /> • ส่วนอุณหภูมิที่เขยิบขึ้นเพียง 2°C ก็เลวร้ายเพียงพอทำให้มหานครหลายแห่งทั่วโลกจมอยู่ใต้น้ำ หนึ่งในนั้นคือ... “กรุงเทพมหานคร”<br /> <br /> รวมทั้งหมีที่อาศัยอยู่ที่ขั้วโลกเหนือจะตกอยู่ในภาวะคับขันเพราะธารน้ำแข็งหดหายไป<br /> <br /> นอกจากนั้น เมื่ออุณหภูมิเพิ่มถึงจุดนี้ แนวปะการังใหญ่ "เกรต แบริเออร์ รีฟ" ของออสเตรเลียอาจเหลือเพียงความทรงจำ<br /> <br />
และธารน้ำแข็งขนาดใหญ่ที่สุดของกรีนแลนด์ที่ชื่อ “จาคอบชวาน” (Jacobshavn)
ก็จะละลายเร็วขึ้นกว่าปัจจุบันที่มีอัตราการละลายตัวของน้ำแข็งอย่างน่าตกใจ<br /> <br /> เพราะเพียง 2 วันก็มีปริมาณน้ำที่เกิดขึ้นเพียงพอให้ชาวนิวยอร์กดื่มกินและใช้ในชีวิตประจำวันได้มากถึง 1 ปีทีเดียว<br /> <br /> ======<br /> <br /> <br /> • ส่วนความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นเมื่ออุณหภูมิสูงขึ้น 3°C คือ... น้ำแข็งบนภูเขาแอลป์จะสูญหายไปทั้งหมด<br /> <br /> โลกจะเผชิญหน้ากับพายุเฮอริเคนความแรงระดับ 6 ซึ่งไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน และการใช้ชีวิตของผู้คนบนโลกจะต้องพลิกโฉมหน้าไปสิ้นเชิง<br /> <br /> ======<br /> <br /> <br /> • เมื่อโลกร้อนขึ้น 4°C<br /> <br />
ปริมาณน้ำในมหาสมุทรต่าง ๆ
จะมีระดับเพิ่มสูงขึ้นจนระดับน้ำทะเลเพิ่มสูงขึ้นกว่า 1 เมตร
ทำให้เกิดน้ำท่วมรุนแรงในสามเหลี่ยมปากแม่น้ำที่มีประชากรหนาแน่น<br /> <br /> เมืองแห่งแม่น้ำลำคลองอย่าง “เวนิส” รวมไปถึงมหานครสัญลักษณ์ของ “อำนาจทุนนิยม” อย่าง “นิวยอร์ก” จะจมอยู่ใต้บาดาล<br /> <br /> ไม่เพียงเท่านี้ แม่น้ำคงคาที่เป็นแหล่งน้ำแห่งชีวิตของคนกว่าพันล้านคนในจีน อินเดีย และเนปาลจะเกิดน้ำท่วมอย่างหนัก <br /> <br /> เนื่องจากธารน้ำแข็งบนเทือกเขาหิมาลัยละลายลงมาจนหมดอย่างถาวร กระทบถึงแหล่งน้ำสะอาดและแหล่งผลิตอาหารอย่างฉกาจฉกรรจ์<br /> <br /> ======<br /> <br /> <br /> • จากนั้น...เมื่อโลกมีอุณหภูมิสูงขึ้น 5°C<br /> <br />
มหานครของโลกอย่างลอสแองเจลลิส กรุงไคโร ลิมา
และบอมเบย์ที่เคยปกคลุมด้วยหิมะและน้ำแข็งในบางช่วงเวลาอาจจะกลายเป็นเมือง
ที่ไม่มีหิมะอีกเลย<br />
อีกทั้งจะมีผู้ลี้ภัยเนื่องจากสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงหลายสิบล้านคนและยัง
มีความเป็นไปได้ว่าจะเกิดความขัดแย้งในการแย่งชิงทรัพยากรธรรมชาติที่ขาด
แคลนเพิ่มสูงขึ้นด้วย<br /> <br /> ======<br /> <br /> <br /> และในท้ายที่สุด
หากอุณหภูมิโดยเฉลี่ยของโลกเพิ่มขึ้นถึง 6°C
โลกของเราจะมีสภาพคล้ายคลึงกับยุคครีเตเซียสเมื่อประมาณ 65-144 ล้านปีก่อน<br /> <br />
ซึ่งโลกมีอุณหภูมิสูงกว่าปัจจุบันมาก
น้ำทะเลจะมีสีใสเพราะไม่มีสารอาหารในทะเลหลงเหลืออยู่เลย
ทะเลทรายจะครอบครองพื้นโลกมากขึ้นตามทวีปต่าง ๆ<br /> <br /> และการเกิดภัยพิบัติจะเป็นเรื่องปกติในชีวิตประจำวัน<br /> <br /> ======<br /> <br /> <br />
หากเรายังคงปล่อยก๊าซเรือนกระจกสู่ชั้นบรรยากาศอย่างไม่มีขีดจำกัด
อาจทำให้อุณหภูมิโลกเพิ่มขึ้นถึง 6°C ภายในปี 2643 หรืออีก 86
ปีข้างหน้านี้เท่านั้น ...<br /> <br /> <br /> เชิญชมสารคดีได้ที่ Link นี้<br /> <br /> <a href="http://youtube.com/watch?v=Ua1liwLWLPs&desktop_uri=%2Fwatch%3Fv%3DUa1liwLWLPs" rel="nofollow" target="_blank">http://youtube.com/watch?v=Ua1liwLWLPs&desktop_uri=%2Fwatch%3Fv%3DUa1liwLWLPs</a><br /> <br /> ======<br /> <br /> <br /> Credit : กรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม<div class="blogger-post-footer">ด้วยความปรารถนาดีจาก...บล็อกเตือนภัยพิบัติโลก</div>Anonymoushttp://www.blogger.com/profile/09362385019399728087noreply@blogger.com0ประเทศไทย15.870032 100.992541000000070.21740199999999987 80.338244000000074 31.522662 121.64683800000007tag:blogger.com,1999:blog-5294450998007589243.post-8568551849370178592013-06-08T22:21:00.001+07:002013-06-08T22:21:46.865+07:00เพลงยาวพยากรณ์รัตนโกสินทร์ !!!<b></b><br />
<div align="center">
<b><span style="font-size: large;"><span style="color: navy;">เพลงยาวพยากรณ์รัตนโกสินทร์ !!!</span></span></b></div>
<br /> <br />
<div align="center">
<img alt="" border="0" height="398" src="http://files.palungjit.com/attachment.php?attachmentid=2705817&stc=1&d=1370534656" width="400" /></div>
<br /> <b><span style="color: darkred;">เพลงยาวรัตนโกสินทร์</span></b><br /> <br />
จำจะฝากอักษรบทกลอนสาร<br />
นำคำพยากรณ์ของสมเด็จพระพิชิตมาร มาแถลงแจ้งสารแก่ปวงประชา<br />
จะกล่าวฝ่ายกรุงรัตนโกสินทร์ อันเป็นปิ่นนคราชพระศาสนา <br />
ตั้งแต่ครั้งยังกรุงศรีอยุทธยา สืบพระศาสนามานานไป <br /> <br />
ล่วงมาปัจจุบันนั้นมาถึง ซึ่งหลังกึ่งพุทธกาลได้ <br />
สืบวงศ์เผ่าพงศ์พระทรงชัย จวบได้มาถึงซึ่งปัจจุบัน<br />
อันเหล่าอาณาประชาราษฎร์ ต่างแช่มชื่นต่างหน้ามิโศกศัลย์<br />
นานนับจะกลับไปลับวัน ผันผ่านมาถึงกึ่งพุทธกาล<br /> <a name='more'></a>
จะผิดแตกแยกกันไม่เป็นเรื่อง ซึ่งขัดเคืองก็ไม่แค่นเป็นแก่นสาร<br />
เมื่อถึงครึ่งกึ่งพระพุทธกาล จะเกิดการวิปริตผิดคะเน<br />
เมื่อถึงคราวหน้าฝนกลับไม่ตก วลาหกพากันขมันขะเหม่<br />
ยามแล้งหน้าแล้งไร้ฝนเท เหลือที่จะตกลงมาดิน<br /> <br />
ปวงปราชญ์ราชธรรมจะช้ำอก จะวิตกหนักใจไม่หมดสิ้น<br />
คนชั่วจะมล้างด้วยมลทิล ปราชญ์สิ้นเปรื่องจะสูญประยูรวงศ์<br />
อันเหล่าคนพาลจะบีฑา ย่ำยีวงศ์องค์พระราชหงษ์<br />
ผู้เป็นใหญ่จะพลาดผิดจิตคิดปลง จะดำรงคบค้าเหล่าชนพาล<br /> <br />
อันศาสนาพระจอมไตร ปวงประชากลับไม่เห็นเป็นแก่นสาร<br />
นับวันจะพากันรำคาญ กลับเกิดการไล่ให้พระศาสน์ตรอม<br />
อันสงฆ์วงศ์นรินทร์ปิ่นศักดิ์ จะถูกหักถูกหาญไม่วายล้อม<br />
จะนองเลือดนองล้าระอาออม จึงเกิดการจลาจลเป็นพ้นไป <br /> <br />
โอ้ว่าพระศาสนาพุทธ ไม่ผ่องผุดมาถึงยุคกึ่งสมัย<br />
จะตกอับลับลาแทบดับไป พายุใหญ่ดุจจะโหมโพยมยาม<br />
พระผู้ทรงศักดาวราฤทธิ์ จะถูกพาลคิดกำจัดดังถูกหาม<br />
นับวันเสียสง่าทุกชั่วยาม คนใจทรามจะย่ำยีพระสุริยง<br /> <br />
ดังเรื่องพญาเหมรา ฝูงกาย่ำยีพญาหงษ์<br />
ไร้ซึ่งสัจจะมาดำรงค์ ไม่มั่นคงต่อธรรมระกำจน<br />
จะสิ้นสูญปวงปราชญ์ราชบัญฑิต จะถูกปลิดด้วยพาลผู้ใจขน<br />
อีกทั้งพระคัมภีร์แต่นานดล จะป่นไปไร้คนดู<br /> <br />
ปวงว่านคุณยาสารพัด จะเสื่อมคุณอันชะงัดจะอดสู<br />
ศิษย์พาลจะมล้างซึ่งคุณครู คนชั่วจะมล้างซึ่งคนดี<br />
จะเป็นถิ่นอธรรมริษยา ไม่ผ่องผุดโสภาระทาศรี<br />
นานวันก็จะกลับไปลับลี้ ใจคนกลับที่จะต่ำลง<br /> <br />
ลูกจะทิ้งซึ่งบิดามารดร เคยง้องอนกลับใจทำไสส่ง<br />
ไร้รู้คุณพ่อแม่ที่แก่ลง หลงอารมณ์ว่าไปไม่ผ่อนคลาย<br />
อันพระไตรรัตนาธิยาคุณ จะเกือบสูญเกือบสิ้นแผ่นดินหาย<br />
อาเพศเกิดอยู่มิรู้วาย ด้วยเหตุร้ายชนพาลจะย่ำยี<br /> <br />
ปวงประชาพากันใจประมาท ใช้อำนาจไม่เป็นธรรมระกำที่ <br />
จะเกิดการกลียุคทุกธานี ท้องปฐพีจะแดงเดือดเลือดไหลรก<br />
ทั่วฟ้าจะมืดไปทั่วทิศ ดุจฉัตรพิษทศกัณฑ์มันโกหก<br />
คราที่ตั้งฉัตรไว้บังยก บดบังอาทิตย์มืดกลุ้มไป<br /> <br />
ทั่วทั้งปฐพีในดินแดน อันเป็นแผ่นตั้งมวลประเทศใหญ่<br />
จะมืดคลึ้มตลบไร้แสงไฟ จะเกิดภัยมีต่อนรชน<br />
แม้ในอากาศราชภัย จะเกิดให้ได้เห็นไม่หลีกพ้น<br />
อันทั่วมหาชลาดล โลหิตจะปนเปื้อนพระคงคา<br /> <br />
นกเหล็กจะคาบเอาไข่เบื้อ ลงมาเรื่อไล่ล้างไปทั่วหน้า<br />
คือเครื่องบินจะผยองทั้งท้องฟ้า จะเข่นฆ่าทั้งเหล่าประชาชี<br />
อันคนนอกศาสนาสมเด็จพระประทีปแก้ว จะเข่นฆ่ากันแล้วไม่หลีกหนี<br />
จะตามล่าฆ่ากันในทันที จะรบกันฝ่ายละครึ่งจึงเลิกรา<br /> <br />
ฝ่ายว่าท้องสมุทรทะเลใหญ่ จะมีปลาใหญ่อยู่หนักหนา<br />
คือเรือดำน้ำตามว่ามา จะเข้ามาทำลายฝ่ายตรงข้ามกัน<br />
อันแผ่นน้ำที่ตรงมหาสมุทร จะเกิดผุดพรายๆทลายลั่น<br />
จะถาโถมเข้าฝั่งอันดามัน ครั้งนี้นั้นจะใหญ่เหลือคณา<br /> <br />
ตึกรามพังราบเป็นหน้ากอง ทั่วทั้งผองจะพาอนาถา<br />
เป็นคราววิบัติชัดเต็มตา ที่ลงมาจะมล้างทางแผ่นดิน<br />
จะตีอกร่ำไห้กันทั่วหน้า ถึงคราวิปโยคโศกไม่สุดสิ้น<br />
แผ่นฟ้าแผ่นน้ำและแผ่นดิน จะสะเทือนแทบสิ้นแผ่นดินไป<br /> <br />
อันภูเขาไฟประไลลาศ จะเกิดก๊าซทับถมอันนานนับไม่ได้<br />
ลาวาอาจปะทุพายุไฟ อาจจะไหลหลั่งโถมเอาอาคาร<br />
ทั่วทั่งแผ่นดินจะไหวหวั่น ตึกรามจะทรุดยับทับสถาน<br />
อันเหล่าเทวาพรหมมาน จะเกิดการปล่อยให้ชำระกรรม<br /> <br />
อันประเทศเขตนครา ที่ได้ทรงพระศาสนาสถาถ้ำ<br />
อาจไม่บอบหรือชอกช้ำ แต่จะได้รับกรรมอันก่อมา<br />
รังสีกัมมันตภาพจะก่อเกิด จะกำเนิดฟ่าฟุ่งแผ่ไปพร่า<br />
อันเมืองใดไม่มีพระจอมเกล้าเจ้าจอมศาสดา หรือไร้ซึ่งพระไตรรัตนาธิยาคุณ<br /> <br />
จะกลบพื้นกลืนเมืองจนหมดจบ ดังถูกรบถูกร่ำระกำสูญ<br />
โรคระบาดจะเกิดขึ้นเป็นทุน จะครุกรุ่นด้วยกัมมันตภาพไป<br />
เจ็ดวันมืดมิดเจ็ดราตรี ปฐพีจะสะท้านอาคารไหว<br />
เสียงประหลาดจะดังวังเวงใจ จะบรรลัยทั่วหล้าชาวประชา<br /> <br />
อันว่าคนพาลผู้มีศักดิ์ ผู้หาญหักนคราชพระศาสนา<br />
จะถูกล้างถูกผลาญสิ้นชีวา จะสิ้นสูญประยูรพาพาลพงศ์<br />
ครานั้นพระธรรมจะเปล่งแสง จะแจ่มแจ้งเวหาวลาหล<br />
อันพยากรณ์ที่ได้ภิปรายค้น มาจากพุทธพยากรณ์เอย<br /> <br />
….นาย จักรพันธ์ คงโพธิ์ ผู้ประพันธ์….<br /> <br />
ที่มา <a href="http://kmnha.nha.co.th/blog/pedestrian/archives/190" target="_blank">http://kmnha.nha.co.th/blog/pedestrian/archives/190</a><br />
<br />
ขอขอบคุณที่มาจาก <a href="http://board.palungjit.com/">http://board.palungjit.com</a> <div class="blogger-post-footer">ด้วยความปรารถนาดีจาก...บล็อกเตือนภัยพิบัติโลก</div>Anonymoushttp://www.blogger.com/profile/09362385019399728087noreply@blogger.com0จังหวัด ชลบุรี ประเทศไทย13.3611431 100.9846717000000412.3711966 99.69377820000004 14.3510896 102.27556520000003tag:blogger.com,1999:blog-5294450998007589243.post-52443029372135758552013-04-22T15:25:00.003+07:002013-04-22T15:26:28.837+07:00พระโอวาทท้าวสักกะเทวราช<br />
<br />
<div align="center">
<img alt="" border="0" height="300" src="http://www.dmc.tv/images/OtherBB/TawSakka.jpg" width="400" /></div>
<br />
<b><span style="color: blue;">พระโอวาทท้าวสักกะเทวราช กัณฑ์ปลุกชาวโลก</span></b><br />
<br />
<b><span style="color: red;">มหันตภัยอันน่ากลัวใกล้ตัวแค่นัยน์ตา มารทั้งห้ามากวาดล้างโลกดุร้ายยิ่ง <br />
ทุกคนจัดแจงรีบป้องกันแต่เนิ่นเนิ่น ถึงเวลาเกิดเหตุเสียใจภายหลัง</span></b><br />
<br />
กัณฑ์ปลุกชาวโลก อธิบายชัดเจน ณ เวลานี้จงเร่งรีบบำเพ็ญคุณธรรม
พิบัติภัยใกล้ตัว ร้ายแรงนัก บัญชีหนี้กรรมหมื่นปีต้องชำระ
เหล่าทวยเทพอริยะ ได้จัดเตรียมทำบัญชีไว้ก่อน ชีวิตชดใช้ด้วยชีวิต
มีหนี้ต้องชดใช้ หนี้ชีวิตหนี้ในบัญชีหนีไม่พ้น <br />
<br />
เหล่าอสูรร้ายได้รับคำสั่งให้ลงสู่โลกมนุษย์ โลกสีแสงสุรานารี
พร้อมกันอึกทึกครึกโครมเอ็ดอึงพาให้เสีย
ก่อเกิดฆ่าฟันทั่วทุกหนทุกแห่งทั่วโลกา พาให้โลกวุ่นวาย
คนทุกประเภทอยู่อย่างไม่เป็นสุข โจรผู้ร้ายชุกชุมทั่วทุกหัวระแหง
ทุกคนต่างแสดงตนเป็นวีรบุรุษผู้กล้า บ้างแย่งชิงบ้างหลอกลวง
บ้างจับตัวเรียกค่าไถ่ โจรขโมยก่อความวุ่นวาย
ทหารออกมาปรากฏทุกคนถูกบีบบังคับจนอยู่ไม่ได้ บ้างถูกปืนยิงตาย
บ้างถูกมีดฟันตายไปเมืองผี บ้างถูกไฟเผาตายบ้างกระโดดน้ำฆ่าตัวตาย
ทั้งหมดล้วนเกิดจากเหตุปัจจัยที่ก่อไว้ในอดีตชาติ <br />
<br />
ชาติก่อนก่อกรรมไว้ชาตินี้มาชดใช้ อดีตชาติทำกรรมไว้ชาตินี้มาชดใช้
กรรมสนองกรรมในชาตินี้ ตามสนองในชาตินี้ไม่ผิดพลาด คนมีบาปเทพเทวารู้
ทุกคนล้วนมีธงปักอยู่บนศีรษะเป็นสัญลักษณ์ ไม่จำตัวบุคคล
จะดูสัญลักษณ์จากธงเป็นเครื่องหมายในการตอบสนองตามจริง ปักธงเขียว ถูกยิง
ถูกระเบิด ปักธงแดง ถูกไฟเผา ปักธงดำ จมน้ำตาย ปักธงขาว ต้องคมหอกคมดาบ
มีแต่ผู้สั่งสมคุณงามความดี ทำบุญทำทาน ถูกปักธงเหลือง เทพเทวาคุ้มครอง <br />
<br />
<a name='more'></a><br /><br />
<b><span style="color: blue;">คน
ทำความดีได้รับบุญวาสนาอยู่สุขสบายเทพเทวาคุ้มครอง
ไม่สู้บำเพ็ญธรรมจึงรอดพ้นภัยได้ มนุษย์โลกควรเร่งรีบเสาะหามหาธรรม
ไม่แสวงหามหาธรรมจะไม่รอดพ้นภัย ภัยพิบัติครั้งนี้ หาขอบเขตไม่ได้
เลือดนองเหมือนสายน้ำ กระดูกกองเป็นภูเขา ผู้บำเพ็ญธรรมพ้นจากภัย
คนที่ไม่มีธรรมะ ยากที่จะหลุดรอดได้ </span></b><br />
<br />
เหล่าเทพเทวาลอยสถิตกลางนภา นำบัญชีมาชำระสะสาง ใครถูกเรียก ใครเป็นหนี้
ใครมีหนี้คนนั้นจะต้องชำระ ใครชาติก่อนทำความชั่วไว้
ใครชาติก่อนทำกรรมดีไว้ หักลบกลบหนี้
มาดูว่าชั่วมากกว่าหรือดีมากกว่าหากมีความดี เทพเทวาคุ้มครอง
เทพเทวาปกปักรักษามักอยู่เย็นเป็นสุข ชั่วมากกว่าเทพเทวาลงทัณฑ์
เทพเทวาลงทัณฑ์ประสบภัยมาร วุ่นวายทุกหัวระแหง เพิ่มภัยแล้ง
นักเลงอันธพาลโรคภัยไข้เจ็บระบาดทั้งในและนอก ทนอดอยากเผชิญความวุ่นวาย
ไม่แน่ว่าการขู่กรรโชกจะทำให้เสียชีวิตได้ คิดคิดดูน่าตกใจ
วันข้างหน้าจะมีคนตายมากมาย สิบส่วนตายเก้าส่วน เหลือเพียงหนึ่งส่วน
เทพเซียนคิดคำนวณ ไม่ผิดพลาดแม้แต่น้อย <br />
<br />
<b><span style="color: darkred;">หนี้
ชีวิตชดใช้ด้วยชีวิต เป็นหนี้ในที่สุดต้องชำระ
คนในโลกนี้ควรมองให้ทะลุปรุโปร่งเข้าใจอย่างแจ่มแจ้งโดยตลอด
เร่งรีบกินเจสวดมนต์ รักษาศีลสวดพระคัมภีร์ช่วยปลดเปลื้อง บาปกรรมหมื่นพัน
หนี้ชีวิตไม่ต้องชดใช้ด้วยชีวิต ติดหนี้ไม่ต้องชดใช้ </span></b><br />
<br />
โลกโลกีย์อย่าห่วงอาลัยรัก หลงรักอาลัยยากที่จะตัด โลกสีแสงสุรานารี
ถึงแม้ดูดี หลงอาลัยรักสุดท้ายมิเหลืออะไรแม้แต่น้อย ละโมบบริโภค
กินเนื้อสัตว์ล้วนแต่สร้างหนี้กรรม กินเขาสี่ตำลึง ชดใช้ครึ่งชั่ง
ไม่มีใครยอมเสียเปรียบ บริโภคมาก ก่อบาปเวรมาก ก่อบาปกรรมมากจึงอยู่ไม่ได้
เมื่อหมดอายุขัยต้องตายจาก พญายมออกหมายเรียก ส่งยมทูตมาตามตัว
ถือโซ่ตรวนล่ามตัวพาไป ล่ามเที่ยงคืนตายเที่ยงคืน
ไม่มีใครที่จะมีลมหายใจอยู่ได้ต่อไปอีก ไม่ว่าจะว่างหรือไม่ว่าง
ไม่ว่าจะทำอะไรอยู่ ต้องทิ้งทั้งหมด เมื่อสิ้นลมต่อให้ลืมตาก็มองไม่เห็น
ทรัพย์สินเงินทองเอาไปไม่ได้ เหลือแค่สองมือว่างเปล่าน่าสงสาร <br />
<br />
ไปถึงยมโลกถูกยมทูตโบยตีกลิ้งไปมา ถูกโบยตี ไม่มีที่จะหลบซ่อน
ยังต้องพาตัวไปพบพญายม ฝูงสุนัขดุขวางไว้รุมกัด ถูกกัดจนเลือดไหลท่วมตัว
หมู่บ้านผีตายโหงโกลาหล ฝูงผีฉุดลากเรียกเอาเงิน กลัวจนขวัญหนีดีฝ่อ
ฟันหมาป่ามากมายดั่งเทือกเขาตามทำร้าย เข็มปักกองเท่าภูเขา
ทั้งหมดถูกทับอยู่บนตัวกลิ้งไปมา เลือดไหลเลอะเทอะเต็มตัว
เนื้อหนังแหลกเหลว ยมทูตลากไปรายงานตัว <br />
<br />
ขุมนรกขุมที่ 5 น่าเกรงขาม ยมทูตหัววัว ยมทูตหน้าม้า ยืนเรียงสองข้าง
พญายมประทับตรงกลาง ผู้พิพากษาถือสมุดบัญชี หากทำดี หากทำชั่ว
แม้ว่าทั้งตัวเต็มไปด้วยปากยังแก้ต่างไม่ตก หากทำบุญสุนทานได้เป็นขุนนาง
บุญกุศลครบสามพันได้เป็นเทพเป็นเซียน หากไม่มีบุญกุศลคงจะลำบาก
มีแต่ลงนรกร้องไห้กับฟ้า ลงกระทะทองแดง ปีนภูเขามีด ถูกครกตำ ใช้โม่เหล็กบด
ถึงตอนนั้นเสียใจก็สายไปแล้ว<br />
<br />
วันนี้รีบเร่งบำเพ็ญปฏิบัติ พูดถึงการบำเพ็ญปฏิบัติไม่ยากเลย
ขอเพียงมีจิตศรัทธา ตั้งความมุ่งมั่น งดเว้นอาหารคาวเพื่อตัดกรรม
รักษาพุทธระเบียบ ตั้งโต๊ะบูชา ถวายธูปวันละสามครั้ง หมั่นสวดมนต์
ไม่ขี้เกียจ หนี้กรรมในอดีตชาติจะถูกลบล้างหมดไป หนี้กรรมในอดีตชาติ
หากถูกลบล้างหมดไป จากนี้ไปจะไม่ประสบภัยตกทุกข์ได้ยากต่อไปอีก
กราบไหว้พระวิสุทธิอาจารย์ เปิดประตูญาณสามารถเป็นเทพเซียนบนสวรรค์
ขึ้นสวรรค์เป็นเทพเซียน ไม่เสียแรงที่ได้เกิดมาเป็นมนุษย์
ฉุดช่วยบรรพบุรุษเจ็ดชั้น ลูกหลานอีกเก้าระดับ
ช่วยบิดามารดาได้ไปอยู่แดนพุทธเกษตร ได้รับการยกย่องเป็นลูกกตัญญู
ยกย่องเป็นอริยะ ได้รับการยกย่องเป็นทั้งอริยะและกตัญญูพร้อมกัน
ขึ้นไปเฝ้าพระแม่องค์ธรรม พบเหล่าเทพเซียน อิสรเสรีสุขสำราญ<br />
<br />
<b><span style="color: darkgreen;">กล่าว
ถึงตรงนี้ ขอจบแล้ว ขอให้ทุกคนสำรวจและพิจารณาตรวจสอบละเอียดรอบคอบ
จะหนีให้พ้นจากภัยพิบัติ ต้องเร่งรีบศึกษากัณฑ์ปลุกชาวโลกนี้ </span></b><br />
<br />
กัณฑ์ปลุกชาวโลกเสมือนเรือฉุดช่วย พบใครก็ตักเตือนบอกต่อ
กลับคืนสู่พุทธบรรพต กราบพระอนุตตรธรรมมารดา ตนเองบรรลุ
พาให้คนอื่นบรรลุด้วย บุญกุศลนับไม่ถ้วน หากใครไม่ศึกษากัณฑ์ปลุกชาวโลกนี้
ขณะมีชีวิตอยู่ประสบเคราะห์ร้าย ตายไปถูกลงโทษด้วย ฝากคำพูดง่ายๆ
ไว้เตือนชาวโลก รีบไปฉุดช่วยคนให้พ้นจากความทุกข์ เพื่อเก็บงานให้สมบูรณ์ <br />
<br />
ขอเตือนสาธุชนชายหญิง รีบบำเพ็ญตนเพื่อคุ้มครองชีวิตตนเอง
อย่าได้เห็นเป็นเรื่องล้อเล่น
ฉวยโอกาสขณะได้เกิดเป็นคนที่มีความอิสระและสะดวกในการปฏิบัติ
รีบขึ้นเรือธรรม ได้รับมหาธรรม<br />
<br />
ที่มา <a href="http://www.chongter.com/webboard/ind....msg312#msg312" target="_blank">http://www.chongter.com/webboard/ind....msg312#msg312</a><div class="blogger-post-footer">ด้วยความปรารถนาดีจาก...บล็อกเตือนภัยพิบัติโลก</div>Anonymoushttp://www.blogger.com/profile/09362385019399728087noreply@blogger.com0จ.ชลบุรี ประเทศไทย13.2017461 101.2523791999999512.211968599999999 99.961485699999955 14.1915236 102.54327269999995tag:blogger.com,1999:blog-5294450998007589243.post-40208268244537631012013-04-22T14:55:00.002+07:002013-04-22T14:55:22.932+07:00"กรรม” กำลังไล่ล่าผู้ที่กระทำต่อแผ่นดินไทย !!!<b></b><br /> <br />
<div align="center">
<img alt="" border="0" height="400" src="http://www.dhammajak.net/board/files/_19_114.jpg" width="332" /></div>
<br /> <b><span style="font-size: medium;"><span style="color: darkred;">สาส์นจากแม่พระธรณี</span></span></b><br /> <br />
- เจ้านับถอยหลังได้เลย สำหรับการเกิดความแตกร้าวของประชาชนคนรากหญ้า
“คนรากหญ้า” จะเข้ามาช่วยทำให้เกิดความปั่นป่วน
ด้วยเหตุของเศรษฐกิจที่ย่ำแย่ แต่ถูกจ้างมาให้เสริมพลัง
คนกักขฬะจะถูกจ้างให้ก่อกวน
คนใจร้ายจะถูกหว่านด้วยเงินให้ทุบตีคนอื่นด้วยความคะนอง<br /> <br />
- การปฏิวัติจะกลับมาอีกครั้ง แต่บางคำอาจจะถูกการเปลี่ยน มิใช้คำนั้น เพราะมันรุนแรง<br /> <br />
- จำไว้ว่า เพลานี้ อยู่ที่พวกเจ้าภาวนาขอสิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครองคนดีๆ
เพื่อให้ปกป้องบ้านเมืองนะลูกนะ ช่วยกันภาวนาให้ความร้าย ความโลภ ความโมหะ
โทสะของมนุษย์ที่ผู้ที่อยากจะยิ่งใหญ่ เหนือกว่ามนุษย์ใดๆ นั้น
ได้บรรเทาความอยากของอารมณ์<br /> <br />
- เจ้าจำนะ ความล่มสลายของอโยธยา นั่นคือ การเสียแผ่นดิน แต่เพลาตรงนี้
เจ้าจะมิเสียแผ่นดิน อย่างอโยธยา แต่เจ้าจะต้องล้มเสียชีวาของประชาชน<br /> <br />
- คนดีจะทะยานขึ้นมา คนชั่วก็จะถูกเหยียบย่ำ
จะมีคนที่มีเลือดบรรพบุรุษเกิดขึ้นมา เพื่อทำให้บ้านเมืองสงบ เลือดรักชาติ
รักแผ่นดิน รักธรณี ก็จะมีการรวบรวมคนที่เจ้ามิคิดว่าเขาจะรักบ้านเมือง
ซึ่งอยู่ในหลืบ ในซอก ในดิน ในหิน ก็จะรวมตัวกัน
แล้วก็เกิดมาเพื่อที่ทำให้ธรณีนี้สูงส่งขึ้นมาอีกครา มินานเกินรอ
ที่มนุษย์จักเห็น<br /> <a name='more'></a><br />
- สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่มนุษย์ยังกราบ ไหว้บูชา ยังมีฤทธาที่ช่วยบ้าน
ช่วยเมือง และช่วยคนดีๆ จำไว้อย่างนะลูกนะ “สิ่งศักดิ์สิทธิ์” นั้น
ยังช่วยคนดีอยู่ตลอด “ธรรมะ” ยังไงก็เป็นยาทิพย์ ที่จะช่วยผู้ที่คิดดี ทำดี
ปรารถนาดี<br /> <br />
- เมื่อเจ้าเร่งความโลภของตนเอง ก็คือ การสร้างความเดือดร้อนให้กับคนอื่น
อย่างที่เจ้าเห็นการสูญเสียมนุษย์ผู้อื่น แม้ชีวิตที่เจ้าเห็นนั้น
สมควรจักต้องอาสัญก็ตาม แต่นั่นก็ไม่ใช่ชีวิตที่เขาต้องมาจบอย่างนี้
เพราะชีวิตมนุษย์ ขึ้นอยู่กับกฎเกณฑ์ชะตา
แต่เมื่อมีเหตุที่ทำให้เขาต้องสูญสิ้นก่อนอายุ
ก็คือสิ่งที่มนุษย์ได้กระทำกรรมให้กับผู้อื่น<br /> <br />
- จำไว้นะลูก แผ่นดินที่เจ้าเหยียบย่างอยู่ มีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่คอยดูแล
จักแน่นอน แต่ผู้ใดทำกรรมกับแผ่นดิน
ก็ต้องชดใช้ใหญ่หลวงเสียมากกว่าทำต่อบุคคล<br /> <br />
- แผ่นดิน จะไม่ระอุหรอก
ถ้ามนุษย์รู้จักละอายที่จะกระทำต่อสิ่งที่ไม่ดีต่อคนอื่น เจ้าถามว่า
กรรมของแผ่นดิน อีกนานมั้ยกว่าจะหมด? แผ่นดิน ไม่ได้ก่อให้เกิดกรรม
แต่คนที่ยืนอยู่บนแผ่นดินอย่างพวกเจ้า ทำให้เกิดกรรมกับแผ่นดิน<br /> <br />
- เมื่อใด มารสิ้นบุญ เมื่อใด ผู้กระทำให้ผู้อื่นเดือดร้อน บุญวาสนาหมด
นั่นแหละ กรรมจะจักโหมหนักยิ่งกว่าแสงสว่าง (คงหมายถึง
เพลิงหรือไฟที่จุดเผาสถานที่ต่างๆ) ที่พวกเขาได้กระทำกับคนอื่น
แล้วเจ้าคอยดู เจ้าจำนะลูกนะ เมืองบางเมือง ที่เจ้าเห็น
ก็จะถูกยุคเข็ญเข้าครอบงำ กลียุคก็จะเกิดจากเมืองนั้น
ก็เหมือนกับหัวเมืองสมัยเก่าก่อน เมืองใดทรยศต่อธรรมะของตนเอง
เมืองใดมีความละโมบโลภ ในสิ่งต่างๆ ที่มิใช่ทรัพย์ของตน
เมืองนั้นแหละก็จะถูกสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทำให้เกิดการเผาผลาญ<br /> <br />
- แต่ถ้าถามว่า สิ่งศักดิ์สิทธิ์ได้กระทำมั้ย? มิใช่.. ทุกอย่างจะเกิดจากคนที่มีจิตใจละโมบในอำนาจวาสนา ซึ่งมันมิใช่ของตนแล<br /> <br />
- นั่นแหละ แม่ถึงบอกว่า ให้พวกเจ้าเตรียมตัวที่จะช่วยมนุษย์
ทั้งด้วยคำภาวนา ทั้งด้วยสิ่งที่เราจะบอกทิศทางที่ถูกต้อง
โดยที่ไม่ใช่การหลอกลวงและฉ้อฉล <br /> <br />
- ดวงชะตาบ้านเมือง อ่อนระโหยโรยแรง พร้อมที่จะเสียพื้นที่ พื้นสยามของเจ้า
จะถูกตัดหั่นแหว่ง หายไป เพลาปีนี้ของมนุษย์ จะสูญเสียแผ่นดิน
แล้วจักเพลานี้ ที่มินานนี้จะเกิดศึกเช่นนี้ขึ้น ถ้าผู้ที่ปวารณาตัว
ไม่ลุกขึ้นมาทำอะไรโดยเร็ววัน<br /> <br />
- เจ้าจำนะ อีกไม่กี่เพลา “แดงจะเดือด เลือดจะฉาน” เข้าใจมั้ยลูก?
ฉะนั้นเจ้าจงจำ แม้ทุกอย่างจะเกิดการเปลี่ยนแปลง การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้
จะเปลี่ยนแปลงในทางดีที่เจ้าคาดคิด คือ เรื่องของคนข้างกาย แต่ผลเสียคือ
จะทำให้เกิดการสูญเสียที่ไม่ยิ่งหย่อน<br /> <br />
- เจ้าจำนะ แดงเลือดที่จะสาดส่องมาคราวนี้ จะเป็นแดงเลือดสุดท้าย
แล้วจากนั้น ความสุขสงบและสวัสดี สำหรับแผ่นดิน ก็จะเกิดขึ้นอีกคราหนึ่ง<br /> <br />
- อีกอึดใจมนุษย์ เจ้าจะเห็นความเปลี่ยนแปลง แต่ความเปลี่ยนแปลงนั้น
จะแฝงไปด้วยเลือด จะแฝงไปด้วยความฉิบหายของบ้านเมือง
และสูญเสียผู้ที่ทำคุณประโยชน์ให้กับบ้านเมือง<br /> <br />
- เจ้าจำนะลูกนะ <span style="color: #a64d79;"><b>ความสูญเสียทางหายนะ ฉิบหายของธรรมชาติ
ก็คืบคลานใกล้เข้ามา คลื่นใหญ่ที่จะถาโถมทำร้ายมนุษย์
ทำให้บ้านเรือนล่มสลายก็ใกล้ที่จะเข้ามา ความวิบัติจากทุกอย่างจะใกล้เข้ามา
แต่ทุกอย่างที่เกิดขึ้นนี้ ก็คือ
ชะตากรรมของแผ่นดินที่มนุษย์ผู้เหยียบย่ำอยู่นั้น ก่อให้เกิดกันเอง ความโลภ
ความอยากมีอำนาจ ความอยากได้การยกย่อง นั่นแหละคือ
กรรมที่ทำแล้วตกกับธรณีแผ่นดิน แล้วผู้ที่ได้รับกรรม
ก็คือพวกที่มิได้รูเรื่องราวอะไรอย่างที่เจ้าเห็นเค้าเรียกว่า
“คนเล็กคนน้อย”</b></span><br /> <br />
- ก่อนที่แผ่นดินสยามจะสงบ มันก็เหมือนอโยธยาเก่าจะเกิดขึ้นอีกครั้ง ก่อนที่ทุกคนจะหันกลับมารักสามัคคีกัน ก็ต้องสูญเสียจักก่อน<br /> <br />
- จงบอกเพื่อนมิตรเถอะ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่เขานับถือนั้น มีตัวตนทุกสิ่ง
แต่สิ่งนั้นจะบังเกิดต่อเมื่อ พวกเขาเชื่อมั่นและศรัทธา
และต้องมีความดีควบคู่ มิใช่มิเป็นคนดี แต่เชื่อมั่น (สิ่งศักดิ์สิทธิ์)
ก็ไม่ได้ประโยชน์<br /> <br />
- ใครที่ทำให้แผ่นดินร้อน คนที่โกงกินเงินแผ่นดิน แม้อัฐแม้เฟื้อง ผู้นั้นจะไม่มีเป็นสุข<br /> <br />
- ผู้ใดทำให้แผ่นดินร้องไห้ ผู้ใดทำให้เลือดตกถึงธรณี ผู้นั้นจะต้องชดใช้ชีวิตคนอื่น ด้วยเลือดและชีวิตเช่นกัน<br /> <br />
- “ธรรมะ ย่อมให้การตอบสนอง ผู้กระทำความดี” ไม่มีผู้ใดกระทำความดีแล้วได้รับการตอบสนองด้วยความเลวร้าย<br /> <br />
- ถ้าเปรียบแล้ว มนุษย์ ก็เหมือนเปลือกต้นไม้
ที่บางครั้งพยายามห่อหุ้มตัวเองไว้ มิให้ใครเห็นแก่นของต้นของตน
แต่อีกไม่ช้านี่แหละ มนุษย์บางคนที่ยิ่งใหญ่ (นายกฯ ปัจจุบัน)
ก็จะถูกลอกเปลือก ในแก่นของไม้ นั้นมันดำ ถูกมอดหรือถูกอะไรต่างๆ คอยทำอยู่
มันก็จะโค่นด้วยความเปราะบางของมันเอง คือ
ความชั่วที่ถูกซ่อนไว้ใต้เปลือกไม้ ก็จะถูกกระชากออกมาแล้วนั่นแหละคือ
การเปลี่ยนแปลง<br /> <br />
- ถ้าถามเรื่องชาติบ้านเมือง แม่บอกได้เลยว่า มันจะยุ่งเสียยิ่งกว่ายุคใดๆ
ที่เจ้าเคยจักเห็น ยุคของการเข่นฆ่าแบบเลือดเย็น
ยุคของการฆ่ากันแบบว่าไม่ได้รู้ว่าผู้ใดเป็นผู้ทำ ผู้ใด คือ
ผู้ที่ต้องตายต่อไป แล้วเจ้าจำนะลูกนะ เมื่อถึงเวลานั้นแล้ว
คนดีอย่างพวกเจ้าต้องหลบ เพื่อให้ใบไม้มันผลิใบ มันหล่นจนพอจักใจมัน
แล้วความดี คนดีก็จะขึ้นมาเป็นแขนงอ่อน แขนงอ่อนก็คือ พวกที่ดีๆ ของพวกเจ้า
จะรวมกลุ่มกัน แล้วแผ่นดินแห่งการเปลี่ยนแปลงก็จะเริ่มค่อยๆ เกิด
เหมือนต้นกล้าที่ผุดทีละนิดและมันก็จะเติบโตด้วยความแกร่งกล้าที่ลำต้น
มันจะไม่สามารถโดนเพลี้ย หรือแมลงใดทำลาย<br /> <br />
จำไว้เถอะ <span style="color: #351c75;">แผ่นดินสยาม ที่เจ้ายืนอยู่นี้ จะมิราบคาบด้วยอธรรม แผ่นดินสยาม
ไม่มีมารตนใด จะสำเร็จผล ในการที่จะขึ้นครองแผ่นดิน คนดีที่ปวารณาตัว
ว่าจะรักษาธรรมะ ให้อยู่เคียงคู่กับ แผ่นดินสยาม จะได้รับการตอบแทน จาก
สิ่งศักดิ์สิทธิ์</span><br /> <br />
<span style="color: #990000;"><b>“กรรม” กำลังไล่ล่า ผู้ที่กระทำต่อแผ่นดินไทย โดยการที่โกงชาติบ้านเมือง</b></span><br /> <br />
ที่มา <a href="http://savelife2012.blogspot.com/2012/04/blog-post_363.html" target="_blank">SaveLife2012: สาส์นจากแม่พระธรณี</a><div class="blogger-post-footer">ด้วยความปรารถนาดีจาก...บล็อกเตือนภัยพิบัติโลก</div>Anonymoushttp://www.blogger.com/profile/09362385019399728087noreply@blogger.com1จ.ชลบุรี ประเทศไทย13.2017461 101.2523791999999512.211968599999999 99.961485699999955 14.1915236 102.54327269999995tag:blogger.com,1999:blog-5294450998007589243.post-75427457875087422612013-04-14T21:58:00.001+07:002013-04-14T21:58:13.716+07:00เตรียมเสบียงไว้เลี้ยงตัวฉบับคัดสรร : ภัยพิบัติ (โดย คุณ ดังตฤณ)<div align="center">
<img alt="" border="0" height="243" src="http://files.palungjit.com/attachment.php?attachmentid=2621466&stc=1&d=1365866178" width="400" /></div>
<br /> <span style="color: blue;"><b>ถาม – โลกกำลังจะมีภัยพิบัติครั้งใหญ่จริงหรือไม่?</b></span><br /> <br />
ตอบ - ตั้งแต่เกิดเหตุสึนามิถล่มหลายประเทศ
ขบวนการพยากรณ์ก็กลับมาฮิตใหม่อีกครั้ง หลังจากซบเซาไปนาน
ทั้งการไม่มาตามนัดของสงครามนิวเคลียร์ในปี ๑๙๙๙
และทั้งการลบแผนที่หลายๆประเทศ
โดยเฉพาะประเทศที่มีหมู่เกาะซึ่งเสี่ยงต่อการจมน้ำทั้งหลาย<br /> <br />
ผมมองว่าขบวนการพยากรณ์ภัยพิบัติส่วนใหญ่
คือการใช้ประโยชน์จากความกลัวของผู้คน คำทำนายมักหนีไม่พ้นแผ่นดินไหว
น้ำท่วม ไฟไหม้ พายุซัด เพราะเป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้นบ่อยในระยะหลัง
แต่เพื่อให้น่าสนใจ
คำพยากรณ์ช่วงนี้จะออกแนวหายนะระดับล้างโลกที่น่าขนพองสยองเกล้า
เช่นประเทศนั้นประเทศนี้จะหายวับไปกับตา อะไรทำนองนั้น<br /> <br />
นอกจากภัยทางธรรมชาติ ยังมีคำพยากรณ์เกี่ยวกับการแพร่ระบาดของโรค
ซึ่งอันนี้ก็เป็นจริงและควรมองว่าน่าหวั่นวิตกกว่ากันเสียอีก
เพราะมีข่าวไวรัสสายพันธุ์ใหม่ให้ได้ยินเป็นรายวัน
ชนิดที่ต่อไปคนอาจไม่ประหลาดใจถ้ามีข่าวว่าอยู่ดีๆมีคนกลุ่มหนึ่งบนฟุตบาทลง
ไปชักดิ้นชักงอพราดๆเหมือนในหนังเขย่าขวัญ
โดยทีมแพทย์ตรวจเบื้องต้นไม่ทราบว่าโดนเชื้อโรคสายพันธุ์ใดเล่นงาน<br /> <br />
เสียงลือเกี่ยวกับการเอาอาวุธนิวเคลียร์มาเป็นเครื่องมือข่มขู่กันระหว่าง
ประเทศ ก็ทำให้เกิดการพยากรณ์อันน่าเชื่อถือได้อีก
ว่าวันหนึ่งโลกคงไม่แคล้วต้องประสบกับโศกนาฏกรรมครั้งใหญ่สุด
คนตายเรือนล้านทันทีจากอาวุธนิวเคลียร์
และอีกหลายล้านต้องตายแบบผ่อนส่งจากพิษกัมมันตภาพรังสี<br /> <a name='more'></a><br /> <b><span style="color: red;">สรุปคือ ปัจจัยที่จะทำให้เกิดภัยพิบัติครั้งใหญ่นั้นมีอยู่จริง!</span></b><br /> <br />
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่มีอยู่จริงก็ไม่จำเป็นต้องแผลงฤทธิ์เสมอไป
ทำนองเดียวกับที่เราเดินผ่านหมามีเขี้ยวเล็บทุกวัน
มันมีสิทธิ์กัดเราเนื้อขาดได้ตอนทีเผลอ แต่ส่วนใหญ่ก็ไม่กัด
ไม่มีอะไรเกิดขึ้น เราเดินผ่านไปสบายๆโดยไม่คิดอะไร
จนกว่าจะมีข่าวหมาเป็นพิษสุนัขบ้า
หรือได้ยินใครในตลาดเล่าให้ฟังว่าหมู่นี้หมาชอบกัดคนเดินเท้าประจำ
คุณถึงค่อยเกิดอาการเหลียวซ้ายแลขวาลอกแลก แตกต่างไปจากเดิม<br /> <br />
ลองหลบมุมจากเสียงลือเสียงเล่าอ้าง
แล้วมาดูกันในมุมมองของกรรมวิบากกันบ้างนะครับ ผมจะไม่พูดแบบหมอดู
คือไม่ฟันธงลงไปว่าอะไรจะเกิดขึ้นที่ไหน เมื่อไหร่ ตอนดาวทำมุมอย่างไร
แต่จะลองวาดภาพให้คุณเห็นอย่างชัดเจน
ว่าตามหลักแล้ววิบากกรรมจะเล่นงานคนเรือนล้านพร้อมกันได้เพราะมีเหตุปัจจัย
ดังนี้<br /> <br />
๑) มีสัตว์ต้องตาย ‘พร้อมกัน’ นับอสงไขย
คืออย่าไปคิดเฉพาะมนุษย์ซึ่งเป็นเผ่าพันธุ์ที่กำลังเสวยบุญขั้นสูงสุด
แต่ต้องคิดถึงสัตว์น้อยใหญ่อีกไม่รู้กี่แสนล้านตัวด้วย
เพราะสมมุติว่าคนตายเพียงหนึ่งล้าน
แปลว่าต้องกินอาณาบริเวณกว้างไกลไม่ใช่เล่นๆ อาจจะทั้งจังหวัดเล็กๆ
ลองคิดดูสิครับว่าหมาแมว นกหนู มดปลวก
และอะไรจิปาถะอื่นๆจะมีอยู่ประมาณไหนในหนึ่งจังหวัด ใช้ตัวเลขมั่วๆว่า
‘นับไม่ถ้วน’ ไปพลางๆดีกว่า<br /> <br />
๒) วิบากกรรมที่ทำให้ตายกะทันหันนั้น ควรจะเป็นประเภทตัดรอนภาวะดีๆ
เปลี่ยนเอาภาวะร้ายๆมาแทนที่แบบปุบปับฉับพลัน ไม่ให้ทันได้ตั้งเนื้อตั้งตัว
พูดง่ายๆว่าต้องตกต่ำลงจากสภาพเคยอยู่ดีมีสุขในสภาพเนื้อตัวแห้งสะอาดนุ่ม
นิ่มแบบมนุษย์ไปเป็นอื่นที่ลำบากกว่ากัน
ทั้งนี้ก็เพราะคนและสัตว์ส่วนใหญ่ไม่ได้เตรียมใจตายไว้ล่วงหน้า
เมื่อไม่ได้เตรียมก็แปลว่าใช้ชีวิตตามสบาย
ซึ่งตามสบายของคนส่วนใหญ่ก็ไม่มีอะไรมากหรอกครับ
ถ้าไม่คิดเรื่องเซ็กซ์ก็คิดเรื่องล้างแค้น
ถ้าไม่คิดเรื่องล้างแค้นก็คิดเรื่องความสำคัญของตัวตน
ล้วนแต่เรื่องปรุงแต่งจิตให้เศร้าหมอง
เมื่อตายขณะจิตเศร้าหมองย่อมเอียงลงต่ำ
เว้นแต่จะสั่งสมบุญใหญ่ไว้ช้อนได้ทัน <br /> <br />
อีกประการหนึ่ง ภัยพิบัติระดับทำคนตายเป็นล้านนั้น
มักมาในรูปแบบของความน่าสะพรึงกลัวไม่มีอะไรเกิน
ความกลัวเป็นโทสะชนิดแรงกล้า ถ้าครอบงำจิตสุดท้ายไว้ทั้งดวงได้
ก็มักตรึงจิตให้ติดอยู่กับความกลัวนั้นๆ
พูดง่ายๆเป็นเปรตที่ต้องวนเวียนอยู่กับภพแห่งความน่ากลัวไปอีกนาน
จนกว่าจะมีบุญใดมาเลื่อนชั้นให้
น้อยคนครับที่เปลี่ยนจากภาวะมนุษย์ด้วยอุบัติเหตุกะทันหันแล้วไปสูงขึ้น
ต้องสั่งสม ต้องย้อมจิตย้อมใจเป็นกุศลกันจนอยู่ตัวพอประมาณ<br /> <br />
เอาแค่ปัจจัยที่เอื้อให้เกิดมหาหายนะสองข้อข้างต้น
ก็คงพอจะพิจารณาได้ว่าการตายเกลี้ยงฉาดแบบเทกระจาดทิ้งทั้งหมดโลกในคราว
เดียวนั้น เกิดขึ้นได้ยากเต็มทีครับ
เพราะแปลว่าผู้มีบุญถึงขั้นได้เป็นมนุษย์กว่า ๖,๐๐๐
ล้านรายจะต้องตายร้ายพร้อมกันหมด อัตราความเป็นไปได้คงเป็นศูนย์
คือต่อให้มีดาวหางใหญ่เท่าดวงจันทร์จะวิ่งมาชนโลกแตกดับ
ก็ต้องได้พระเอกขี่ม้าขาวมาช่วยเหมือนในหนังจนได้<br /> <br />
อย่างไรก็ตาม แม้โอกาสตายเกลี้ยงพร้อมกันจะเป็นศูนย์
แต่โอกาสทยอยตายเป็นกระจุกๆนั้นชักเริ่มมีมาก
ทั้งนี้เพราะมีผู้สมควรตายแบบปัจจุบันทันด่วนเพิ่มขึ้นนั่นเอง<br /> <br /> <span style="color: blue;"><b>ผู้สมควรตายแบบปัจจุบันทันด่วนนั้นคือใครบ้าง?</b></span><br /> <br />
๑) ผู้ถึงวาระสุดท้าย อาจถึงเวลาตายด้วยกรรมเก่าจากอดีตชาติ
หรือเพราะกรรมใหม่ในชีวิตปัจจุบัน บันดาลให้ต้องตกตาย ณ จุดของเวลานั้นๆ
โดยไม่คำนึงถึงว่าจิตกำลังเป็นกุศลหรืออกุศลในขณะเผชิญความตาย
โดยมากพวกนี้จะมีโอกาสตั้งสติระลึกถึงสิ่งใดสิ่งหนึ่ง
ซึ่งสิ่งมนุษย์มักยึดเหนี่ยวกันก็คือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ตามความเชื่อของตน
แต่ถ้าระหว่างมีชีวิตไม่ทำสิ่งศักดิ์สิทธิ์ให้อยู่ในใจ
ก็มักกังวลโน่นนี่สารพัด<br /> <br />
๒) ผู้ถึงวาระสุดท้ายเช่นเดียวกับข้อแรก
แต่กรรมในอดีตชาติหรือในชาติปัจจุบันบังคับไว้เลยว่าต้องตายด้วยจิตที่เป็น
กุศลหรืออกุศล เช่นถ้าอดีตชาติเคยฆ่าผู้อื่นด้วยวิธีทำให้กลัวก่อนตาย
หากชาติปัจจุบันไม่สร้างกระแสกรรมใหม่ไว้แรงพอจะส่งให้จิตมีกำลังและสว่าง
ไสวพอ ก็จะต้องตายด้วยเหตุการณ์ที่ก่อให้เกิดความกลัวอย่างท่วมท้น
แม้พยายามระลึกถึงสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในนาทีสุดท้าย อย่างไรก็แก้ไม่ทัน<br /> <br />
๓) ผู้มีบาปหนัก ถึงเวลาตายในจังหวะที่จิตกำลังดำมืด ขาดกำลังส่งให้ไปดี
เขามีบาปหนักสมควรจะต้องชดใช้ ขนาดที่ว่าถ้ายังมีชีวิตต่อ
ก็จะขาดเหตุปัจจัยในโลกนี้มาลงโทษอย่างสาสม อันนี้หาได้ยาก
ที่เคยมีเป็นเยี่ยงอย่างแก่มนุษยชาติก็ได้แก่พระเทวทัตซึ่งทำร้ายพระ
พุทธองค์สารพัดวิธีแบบกะปลงพระชนม์
อยู่ๆพื้นแผ่นดินที่ยืนอยู่ก็แยกออกแล้วกลืนหายลงไปเฉยๆ
(ไม่ได้สูบฮวบเดียวจมมิด
เพราะหลักฐานมีอยู่ว่าพระเทวทัตสำนึกผิดได้ตอนโดนดูดลงไปเหลือแค่ส่วนหัว
ตำแหน่งที่พระเทวทัตโดนในปัจจุบันก็ยังมีปักป้ายแสดงที่อินเดีย
ใครอยากดูก็ลองไปสัมผัสเอาเองว่ามีความน่าขนลุกอยู่จริงไหม)<br /> <br />
๔) ผู้มีบุญมาก ถึงเวลาตายในจังหวะที่จิตกำลังผ่องใส
หรือมีกำลังของกุศลอุ้มชูมากพอจะประกันภพใหม่ว่าต้องดีกว่าที่กำลังเป็นอยู่
เขามีบุญญาธิการที่ควรได้เป็นผู้เสวยสุขมาก ขนาดที่ว่าถ้ายังมีชีวิตต่อ
ก็ขาดเหตุปัจจัยที่จะตกรางวัลอย่างสมน้ำสมเนื้อกับบุญญาบารมีเสียแล้ว
พวกนี้กุศลจะคุ้มตัว ต่อให้เกิดเรื่องน่ากลัวขนาดไหนก็ไม่ตระหนก
จิตส่วนลึกมีความเชื่อมั่นกับกระแสกุศล อบอุ่นใจมากพอ
ตัวอย่างที่เคยเกิดขึ้นคือหญิงชาวนาคนหนึ่ง
ตื่นเช้าใส่บาตรพระอรหันต์ซึ่งเพิ่งออกจากนิโรธสมาบัติ
ซึ่งผลกรรมด้านดีจะแรงมาก ต้องเห็นผลใน ๗ วัน
แต่ด้วยวิถีชีวิตของนางไม่มีปัจจัยในโลกสนองตอบได้ไหว
เลยตายแบบปัจจุบันทันด่วนด้วยสัตว์ร้าย ไปเสวยสวรรค์ระหว่างทางทำบุญนั่นเอง
(ปัจจุบันข่าวทัวร์บุญที่รถเทกระจาดก็มีให้เห็นบ่อยจนบางคนตั้งข้อสังเกตนะ
ครับ อย่าตีความว่าทำบุญแล้วตายหมายถึงทำบุญแล้วได้อัปมงคลเป็นอันขาด)<br /> <br />
ขอยกตัวอย่างเหตุการณ์สึนามิที่ผ่านมา
คนมักถามกันว่าผู้เคราะห์ร้ายเคยทำกรรมใดร่วมกันมาจึงร่วมตายเกือบพร้อม
เพรียงอย่างนั้นถึงสามแสนคน อันนี้ขอให้ทราบนะครับ
การตายหมู่ไม่ใช่เครื่องหมายบอกเสมอไปว่านั่นเป็นวิบากกรรมที่พวกเขาทำมา
ร่วมกัน ขอให้สังเกตว่ากรณีสึนามินั้น
แต่ละคนกระจายกันรับเคราะห์กรรมซึ่งมีแรงหนักเบาไม่เท่ากัน
สถานการณ์ที่ส่งผลให้เจ็บตายไม่เหมือนกัน และที่สำคัญไม่ได้รู้จักมักจี่
ไม่ได้จูงมือไปรวมตัวกันตามข้อตกลงแต่อย่างใด<br /> <br />
นอกจากนั้นขอให้สังเกตอีกประการหนึ่ง คือหลายรายไม่ใช่คนในพื้นที่
แต่เมื่อถึงเวลาเปลี่ยนภพของพวกเขา ก็มีเหตุให้พวกเขาต้องไปอยู่ที่นั่นพอดี
ตำแหน่งที่จะถูกน้ำซัดตายพอดี ส่วนคนที่ยังไม่ถึงฆาต
แม้ห่างกันแค่ไม่กี่ก้าว ก็กลับรอดและไม่บาดเจ็บเท่าแมวข่วน
บางคนถูกน้ำซัดเข้าปะทะผนัง น่าจะตายแน่แล้ว ผนังส่วนนั้นกลับพังราบ
เลยรอดจากการถูกอัดก๊อปปี้! นี่แหละการแสดงความมหัศจรรย์ในการ ‘คัดคนออก’
ของกฎแห่งกรรมวิบาก ใครยังคิดว่าเป็นเรื่องบังเอิญ
ก็สมควรทบทวนดูใหม่จากเหตุการณ์จริงที่เกิดขึ้น
ว่าทำไมความบังเอิญจึงเล่นตลกได้ขนาดนี้?<br /> <br />
การประสบเคราะห์กรรมร่วมกัน ชนิดที่ส่อถึงอดีตกรรมที่เคยทำมาด้วยกันนั้น
จะเป็นประเภทกลุ่มคนที่รู้จักกัน ร่วมทางหรือลงเรือลำเดียวกัน
ประสบกับรูปแบบเคราะห์กรรมเดียวร่วมกัน
เช่นในคัมภีร์มีเรื่องของเหล่าภิกษุไปติดในถ้ำด้วยกัน
อดอยากปากแห้งร่วมกันอยู่หลายวัน
ก็เพราะกรรมหมู่ในอดีตชาติที่เคยร่วมกันกักขังสัตว์ให้ได้รับความทรมาน
เป็นต้น<br /> <br />
โลกนี้แบ่งออกเป็นเขตพื้นที่ปลอดภัยกับเขตพื้นที่สุ่มเสี่ยง
และเป็นอย่างนี้มาทุกยุคทุกสมัย
ไม่มีสมัยใดที่โลกปูตลอดด้วยพื้นที่ปลอดภัยหรือสุ่มเสี่ยงอย่างเดียว
ต้องมีกระจายเขตดีเขตร้ายไว้ให้บริการส่ำสัตว์ผู้มีบุญมีบาปอย่างทั่วหน้า
อยู่เสมอ ฉะนั้นขอให้ลืมเรื่องภัยล้างโลกแบบกวาดทีเดียวหายเรียบไปได้
วันหนึ่งโลกอาจถึงกาลแตกดับจริง
แต่ป่านนั้นต้องไม่มีสัตว์บุญมากอย่างมนุษย์หลงเหลืออยู่อีกต่อไปแล้ว<br /> <br />
โลกยังไม่แตกวันนี้ แต่ก็อย่าประมาทเลยครับ เพราะเราอาจยืน เดิน นั่ง
นอนอยู่ในเขตประหาร และเราก็ไม่อาจทราบเสียด้วยว่าถึงเวลาของเราหรือยัง
ขอให้คำนึงถึงการเตรียมเสบียงไว้เพื่อความไม่ประมาทแหละดีที่สุด
เราจะได้ไม่ต้องกลัว ไม่ต้องถามหาคำทำนาย ว่าที่กำลังหายใจได้
กำลังรู้สึกและนึกคิดได้เหมือนอย่างนี้
วาระสุดท้ายจะต้องตายเดี่ยวหรือตายหมู่ ตายดีหรือตายทรมาน
ตายในขณะที่จิตเป็นกุศลหรืออกุศล เพราะธรรมดาผู้สั่งสมบุญ ตุนเสบียงไว้มากๆ
ย่อมอุ่นใจอยู่เสมอว่ากรรมขาวทั้งปวงจะตามไปช่วยอุดหนุนค้ำจุนมิให้หลงตายตก
ร่วงลงต่ำอย่างแน่นอน<br /> <br /> <span style="color: blue;"><b>ถาม – เขาว่าเมื่อเกิดสงครามโลกครั้งที่ ๓
ขึ้น จะมีนิวเคลียร์ลง ผู้คนจะตายเป็นร้อยล้านพันล้าน
ถ้าใครทำดีมากๆแล้วจะรอดได้ อยากถามคุณดังตฤณว่าคำทำนายนี้เป็นจริงหรือไม่?</b></span><br /> <br />
ตอบ - สิบกว่าปีก่อนผมเคยอ่านคำทำนายที่ว่าในปี พ.ศ. ๒๕๔๒ หรือ ค.ศ. ๑๙๙๙
จะมีมหาสงครามนิวเคลียร์ ผู้คนล้มตายกันทั่วโลก แต่คนดีๆจะมีสิทธิ์อยู่ต่อ
บางแหล่งถึงกับระบุทีเดียวว่าจะมีกรวยสีรุ้งพุ่งจากฟากฟ้าลงมาปกป้องอภิบาล
คนดีมีศีลสัตย์ให้อยู่รอดปลอดภัย ไม่เป็นอันตรายจากระเบิดล้างโลก<br /> <br />
ครั้งนั้นผมก็ขมวดคิ้วสงสัยแล้วว่าเอ๊! คนเลวตายหมด แต่คนดีผีคุ้ม
ไม่ตายง่ายๆ
มิแปลว่าผลของการเป็นคนดีคืออยู่ทรมานต่อจากพิษกัมมันตภาพรังสีหรอกหรือ?
คิดดูซิครับ โลกหลังมหาสงครามนิวเคลียร์น่ะมันจะไปเหลืออะไรนอกจากฝุ่นพิษ
อาหารการกิน น้ำไฟและความเป็นอยู่ต่างๆคงย่ำแย่เหลือรับประทาน<br /> <br />
คำทำนายทำนองนี้เหมือนจะเอาใจคนทั่วไปที่ไม่อยากตาย
หรือเป็นกุศโลบายให้คนเร่งขวนขวายทำความดีกัน ส่วนดีก็ดีแหละครับ
แต่ส่วนไม่ดี ที่เป็นผลกระทบข้างเคียง คือความเข้าใจผิด สำคัญผิด
และเชื่อมโยงเรื่องกรรมวิบากกันผิดๆ
เป็นเหตุให้เสื่อมศรัทธาได้ง่ายๆถ้าผลออกมาไม่ตรงกับคำทำนาย
ยกตัวอย่างเช่นยังไม่ทันเกิดสงครามนิวเคลียร์
คนดีมีศีลสัตย์ถูกไฟดูดตายโดยไม่มีปาฏิหาริย์ที่ไหนช่วย
คนรู้ข่าวก็จะมองกันว่าไหนบอกคนดีผีคุ้มไง ทำไมงอก่องอขิง
ไหม้เกรียมเป็นที่น่าสลดสังเวชขนาดนี้?<br /> <br />
ถ้ามองแบบคนกลัวตาย ยังยึดติดกับสุขขี้ปะติ๋วในโลก
คุณก็ต้องอยากฟังคำทำนายประเภทตัวเองดีพอ มีบุญพอจะอยู่ต่อ
แต่หากคุณมีศรัทธาในบุญอย่างแท้จริง
และตระหนักว่าบุญจะเป็นที่พึ่งให้คุณสบายกว่านี้
ก็คงคิดไปอีกอย่างหนึ่งครับ คือถึงตายโหงก็ตายโหงอย่างคนมีบุญ
ร้องจ๊ากใหญ่ๆสักนาทีหนึ่งแล้วได้ไปหัวเราะร่าหรรษาบนสวรรค์อีกครึ่งกัป
ครึ่งกัลป์ อย่างนี้จะต้องไปกลัวอะไร?<br /> <br />
ทำดีมากๆในชาตินี้ ไม่เกี่ยวกับตายเร็วหรือตายช้าหรอกครับ
ไม่เกี่ยวกับตายสงบหรือตายน่าสังเวชด้วย แต่จะเกี่ยวกับตายแล้วไปไหนมากกว่า
อย่างไรทุกคนก็ต้องทยอยจากกันไปหมดอยู่แล้ว ถ้าคุณกำลังอ่านบรรทัดนี้อยู่
ก็แปลว่าเหลือเวลาให้ทำใจเชื่อเรื่องบุญกรรมกันอย่างถูกต้องพอสมควร
ก่อนตายไม่ควรหวาดผวา แต่ควรเตรียมเนื้อเตรียมตัว
เตรียมใจใช้ชีวิตที่เหลือเพื่อความไปสู่สุคติ
หรือเพื่อความสิ้นสุดทุกข์ร้อนถาวรต่อไป<br /> <br />
อีกประการหนึ่ง เรื่องตื่นข่าวหายนะระดับประเทศหรือระดับโลกนั้น
ไม่ถือว่าเป็นเรื่องงมงายเสียทีเดียว
เพราะช่วงที่ผ่านมาเกิดเรื่องเลวร้ายมากมายเสียจนคนหายประมาทกันเยอะ
แต่อย่างไรก็ตาม
ขอให้พิจารณาตามจริงด้วยว่าคำทำนายเกี่ยวกับหายนะระดับช้างนั้น
ผิดมากกว่าถูก ถ้าเหมารวมได้ทั้งหมดคุณอาจตาค้างด้วยความประหลาดใจ
คือร้อยคำทำนายจะมีสักหนึ่งหรือน้อยกว่านั้นที่เกิดเรื่องเกิดราวขึ้นจริงๆ
ชนิดตรงเผงทั้งเวลา สถานที่ และบุคคลผู้ก่อการ<br /> <br />
เมื่อข้อเท็จจริงตามสถิติคือ ‘เป็นไปได้ต่ำที่จะทายถูก’
พวกเราก็ควรกำหนดใจเชื่อไว้น้อยๆด้วยเหมือนกัน
เหตุการณ์ระดับโลกที่เกี่ยวข้องกับวิบากกรรมของคนเรือนล้านนั้น
ไม่ใช่รู้กันง่ายๆหรอกครับ
บางคนฟังคำทำนายแล้วก็วิ่งเต้นเข้าพิธีไสยศาสตร์บ้าง
ตระหนกตกตื่นจนท้อแท้ไม่อยากทำอะไรเลยบ้าง
หรือกระทั่งสิ้นหวังขนาดอยากฆ่าตัวตายไปล่วงหน้าบ้าง
(เพราะคิดๆอยู่ก่อนหน้าแล้วจากเรื่องรันทดในชีวิตตน)
เหล่านี้ล้วนแล้วแต่ใช้ชีวิตที่เหลือไม่คุ้มค่า
เป็นไปเพื่อถูกอุปาทานครอบงำให้จิตเป็นอกุศลเปล่าโดยแท้<br /> <br />
ผมว่าเรามาเตรียมตัวกันแบบชาวพุทธจริงๆกันดีกว่าครับ ชาวพุทธเป็นอย่างไร?
เป็นคนที่พยายาม ‘รู้ตามจริง’ ด้วยเหตุผล ไม่ใช่ ‘เชื่อตามกัน’
โดยปราศจากการพิจารณา และด้วยท่าทีของชาวพุทธ ผมอยากตั้งข้อสังเกตดังนี้<br /> <br />
๑) ยอมรับตามจริงว่าปัจจุบันโลกตกอยู่ในเงื้อมเงาของอันตรายหลายประเภท
อย่าดึงดันปฏิเสธแบบหัวดื้อตาใส ว่าจะไม่มีอะไรเกิดขึ้นแน่ๆ
พวกเชื่อเรื่องภัยพิบัติคือกลุ่มคนที่งมงายเท่านั้น<br /> <br />
๒) เมื่อเกิดคำทำนายใดๆ ทั้งจากฝั่งหมอดูและจากฝั่งนักวิทยาศาสตร์
ขอให้ตั้งสติฟังอย่างรอบคอบว่าจะเกิดอะไรขึ้น
เช่นเร็วๆนี้มีข่าวว่าอุกกาบาตจะตกในอ่าวไทย ลือกันแพร่สะพัดต่างๆนานา
ถือเอาจังหวะที่ผู้คนกำลังขวัญเสียจากสึนามิ
โดยไม่คำนึงถึงหลักความจริงทางวิทยาศาสตร์ประกอบ หากพิจารณาคำทำนายดีๆแล้ว
จะเห็นได้ตั้งแต่เมื่ออ่านหรือรับฟังในครั้งแรกนั่นเองว่าเป็นของเก๊
เป็นเรื่องของคนชอบเล่นสนุกกับความกลัวของมวลชน<br /> <br />
๓) เมื่อใจกลัวก็อย่าทำปากแข็งว่ากล้า ขอให้ถือเป็นโอกาสศึกษาพุทธพจน์
ว่าท่าทีเกี่ยวกับการเตรียมตัวตายเป็นเช่นใด ตายด้วยจิตแบบไหนถึงจะคุ้ม
ซึ่งขอสรุปรวบรัดโดยง่าย คือพระพุทธเจ้าท่านให้ระลึกถึงความตายเสมอๆ
และความตายแบบมนุษย์สามัญก็ปราศจากร่องรอยนิมิตบอกเหตุเหมือนเทวดา
เพราะฉะนั้นอย่าได้ประมาท ชะล้างสิ่งโสโครกใดได้ก็ชะล้างเสีย
เตรียมเสบียงไว้เดินทางต่ออย่างใดได้ก็เตรียมเสีย
ซึ่งเสบียงที่ดีที่สุดก็คงหนีไม่พ้นการมีปัญญาเห็นชอบ เรื่องทำดีได้ดี
ทำชั่วได้ชั่ว
และสิ่งทั้งหลายไม่ควรยึดมั่นว่าเป็นสมบัติถาวรของเราหรือของใคร
เมื่อใจไม่เปื้อนมลทินบาป สะอาดเอี่ยมด้วยบุญกุศล และเลิกห่วงหวงดิน น้ำ ไฟ
ลมทั้งหลายในโลกหล้าที่ต้องมีอันแปรปรวนไปเป็นธรรมดา
เห็นอิสระทางใจอันเกิดจากความปล่อยวางเป็นสิ่งมีค่าสูงสุด นั่นแหละครับ
ท่าทีการเตรียมตัวตายแบบพุทธของแท้<br /> <br />
หากจำที่กล่าวมาข้างต้นไม่ได้ ก็ขอให้ระลึกสั้นๆว่า อย่ากลัวตายร้าย
แต่ขอให้กลัวจะอยู่อย่างไม่ได้เตรียมตัวไปดี ก็แล้วกัน
ถ้าเปลี่ยนค่านิยมใหม่เสียได้ ไม่เอาแต่กลัวตายโหง
ไม่เจาะจงอยากแก่ตายอย่างสงบ
คุณจะไม่ตื่นเต้นกับคำทำนายหายนะโลกเก๊ๆอีกต่อไปครับ เฮ้อ -
ข่าวว่าน้ำจะท่วมโลกแน่ ไม่มีใครรู้ว่าอีกเมื่อไร อาจจะ ๕ ปีหรือ ๑๐
ปีก็ได้ทั้งนั้น ข่าวโลกแตกมีมานานครับ ผู้คนฟังแล้วก็ตื่นกลัวบ้าง
หัวเราะเยาะบ้าง สุดแท้แต่ว่าใครเป็นคนประกาศข่าวโลกแตก<br /> <br />
ช่วงนี้เสียงหัวเราะเยาะอาจจะแผ่วลงหน่อย
แล้วความตื่นกลัวก็เกิดขึ้นอย่างยาวนานกระทั่งด้านชาและกลายเป็นความชินไป
เสียแล้ว เพราะดินฟ้าวิปริตปรวนแปรเหลือเกิน ในวันเดียวกันธรรมชาติอาจมี
‘อารมณ์แปรปรวน’ ได้สารพัด เดี๋ยวฝนตก เดี๋ยวแดดออก เดี๋ยวร้อนแสบผิว
เดี๋ยวหนาวถึงไขกระดูก นี่เป็นเรื่องใกล้ตัว
<span style="color: magenta;">ไม่ต้องไปดูภูเขาน้ำแข็งถล่มที่ไหน ก็รู้สึกได้ว่าโลกทำตัวเกเรขึ้นทุกวัน
แถมข่าวโลกแตกรอบนี้ ก็ไม่ใช่เด็กเลี้ยงแกะในหมู่บ้านเล็กๆเสียด้วย
แต่เป็นถึงนักวิทยาศาสตร์
ผู้มีหน้าที่สอดส่องดูแลความเป็นไปของประเทศและของโลกโดยตรง!</span><br /> <br />
เอาล่ะ! สมมุติว่าคราวนี้โลกจะแตกจริงๆเสียที
ด้วยการมีน้ำท่วมไปทุกหนทุกแห่ง แล้วเป็นยังไง เราจะทำอะไรได้?
มาตั้งต้นกันแบบที่ทำให้ไม่ตื่นกลัวและไม่ประมาทดีกว่า
วิธีก็ง่ายๆคือถ้ายังไม่มีโจทย์ให้ชีวิตในอนาคต
ก็ตั้งโจทย์สมมุติให้กับวันนี้แล้วกัน
ถามตัวเองหรือยังว่าถ้าต้องพลัดพรากกระจัดกระจายไปคนละทิศละทาง
ไม่มีเครื่องมือสื่อสารที่ดีที่สุดในโลก
อย่างมือถือและอินเตอร์เน็ตดังเช่นปัจจุบัน คุณจะเลือกไปอยู่กับใคร?
แน่นอนว่าคุณคงเลือกอยู่กับคนที่รักไม่ได้ครบทุกคน
เพราะในวันน้ำท่วมฉับพลัน คนที่คุณรักอาจอยู่ไกลสุดขอบฟ้า
คุณจะรู้สึกว่าเขาอยู่ไกลคุณจริงๆก็ตอนไม่มีมือถือและอินเตอร์เน็ตนี่แหละ<br /> <br />
สรุปคือในที่สุดอันเป็นสุดท้ายแล้ว คุณเลือกอยู่กับใครไม่ได้ตามปรารถนาหรอก
ซึ่งนั่นก็ไม่แตกต่างจากที่กำลังเป็นอยู่สักเท่าไรเลย
แม้คุณสมใจได้อยู่กับบุคคลอันเป็นที่รักในวันนี้
คุณก็ไม่รู้เลยว่าวันไหนจะมีเงื่อนไขหรือปัจจัยใดมาพรากเขาไป
และวันใดบุคคลอันเป็นที่รักถูกพรากไปโดยไม่อาจหลีกเลี่ยง
วันนั้นเองที่ต้องตระหนักด้วยความตระหนกว่า
คุณไม่เคยมีสิทธิ์อยู่กับใครจริง คุณต้องอยู่กับตัวเองตลอดไป
ตราบเท่าที่ยังต้องเวียนว่ายตายเกิด <span style="color: magenta;">ฉะนั้นถ้าเตรียมสร้างตัวเองให้น่ารัก
น่าอบอุ่น และน่าอยู่ด้วย คุณก็จะมีความสุขอยู่กับตัวเองในทุกวาระสุดท้าย
ไม่ว่าจะต้องตายโหงในชาตินี้หรือตายดีในชาติไหน</span><br /> <br />
อีกสักคำถามหนึ่ง คุณถามตัวเองหรือยังว่าถ้าจะต้องเป็นหนึ่งในผู้จมน้ำตาย
หรือกระหายน้ำจนขาดใจเพราะหนีขึ้นที่สูงเกินไป
คุณจะเอาอะไรเป็นทุนรอนสำหรับเกิดใหม่
ให้ดีกว่าต้องมาอยู่ในโลกที่จมน้ำได้?
แน่นอนว่าตอนยังดีๆทุกคนจะบอกว่าช่างเถอะ อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด
ทำวันนี้ให้ดีที่สุด... แต่ขอโทษที คนพูดอย่างนี้ส่วนใหญ่จำๆเขามานะครับ
ดีที่สุดที่จะทำวันนี้ของคนพูด ก็มักไม่ต่างจากเมื่อวานและวันก่อนๆ
<span style="color: magenta;">นั่นคือขอให้ผ่านไปอีกวัน กินให้อร่อยที่สุด นอนให้นานที่สุด
และขับถ่ายอุจจาระปัสสาวะให้โล่งที่สุด!</span><br /> <br />
พอถึงคราวหายนะขึ้นมาจริงๆ มีสักกี่คนทำใจได้
เราต้องการความมั่นคงทางใจในวาระสุดท้ายเป็นสำคัญ ความมั่นคงทางใจเท่านั้น
ที่จะทำให้เราพร้อมตายโดยไม่ต้องทำใจใดๆ ทุกอย่างจะสบายในตัวเอง
ความมั่นคงทางใจเกิดขึ้นจาก ๒ สิ่ง<br /> <br />
๑) กรรมดีที่สั่งสมมา
ไม่ใช่กรรมดีที่รีบตาลีตาเหลือกนึกถึงพระอรหันต์ก่อนตายนะ<span style="background-color: white;"><span></span></span>ครับ
ผมหมายถึงความดีที่บำเพ็ญมาทั้งชีวิต ความดีจะปรากฏเป็นความขาว ความสว่าง
และความรู้สึกงดงามทางใจ ก่อให้เกิดความสุข ความตั้งมั่น
โดยไม่ต้องวิงวอนขอการคุ้มครองจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์ใดๆ<br /> <br />
๒) ความเข้าใจ คนเราจะกลัวสิ่งที่จะเกิดขึ้นหลังความตาย
นั่นเพราะความไม่รู้ว่าอนาคตเป็นอย่างไรแน่
ต่อเมื่อทำความเข้าใจว่าอนาคตก็คือผลของปัจจุบัน
คุณก็จะเห็นอนาคตจากสิ่งที่เกิดขึ้นแล้วในปัจจุบันนั่นเอง<span style="background-color: white;"><span style="color: magenta;"> หากใจคุณสว่าง
อนาคตก็ย่อมสว่าง หากใจคุณมืด อนาคตก็ย่อมมืด! ความสว่างคือธรรมะ
ความมืดคืออธรรม ยิ่งใจคุณผูกอยู่กับธรรมะมากขึ้นเท่าไร
ใจคุณก็ยิ่งสว่างขึ้นเท่านั้น ตรงข้าม หากใจคุณเอาแต่ผูกอยู่กับอธรรม
พอทำความรู้สึกเข้ามาในใจ ก็จะเห็นแต่ความมืดคลุ้มไม่มีดี</span></span><br /> <br />
<span style="color: magenta;">ธรรมะที่ดีที่สุดคือการมีสติระลึกถึงความจริงเฉพาะหน้า </span>เช่น
เห็นให้ได้ว่าประโยชน์สูงสุดยามตาย
ก็คือความเข้าใจว่าร่างที่จะตายไม่ใช่เรา
เป็นเลือดเนื้ออันเกิดจากข้าวปลาที่เอามาจากโลก และต้องคืนให้กับโลก
นอกจากนั้นก็ทำความเข้าใจเตรียมไว้ว่า <span style="color: magenta;">แม้ดวงจิตที่จะดับก็ไม่ใช่เรา
เป็นแค่ธรรมชาติที่เกิดด้วยเหตุ และดับไปเรื่อยๆอยู่แล้ว
เอาแค่ตื่นนอนตอนเช้าก็ถือว่าจิตเกิดใหม่แล้ว
และแค่หลับไปก็ถือว่าจิตดับไปแล้ว จะต่างอะไรจากจิตดับยามตาย
และเกิดอีกในยามปฏิสนธิในภพใหม่เล่า?</span><br /> <br /> <b><span style="color: blue;">สรุปคือถ้าเข้าใจถูกและดีพอ คุณก็จะยิ้มรอโลกแตกได้ ไม่ต่างจากที่เคยรอวันพรุ่งนี้ที่แสนธรรมดาจริงๆครับ</span></b><br /> <br />
ที่มา <a href="http://dungtrin.com/index.php?option=com_content&view=article&id=784:-4-&catid=82:sabiangnew&Itemid=278" target="_blank">เตรียมเสบียงไว้เลี้ยงตัวฉบับคัดสรร : ภัยพิบัติ</a><div class="blogger-post-footer">ด้วยความปรารถนาดีจาก...บล็อกเตือนภัยพิบัติโลก</div>Anonymoushttp://www.blogger.com/profile/09362385019399728087noreply@blogger.com0จ.ชลบุรี ประเทศไทย13.2017461 101.2523791999999512.211968599999999 99.961485699999955 14.1915236 102.54327269999995tag:blogger.com,1999:blog-5294450998007589243.post-33651653333212958882013-03-26T23:18:00.000+07:002013-03-26T23:18:17.425+07:00นี่คือ ๕๔ ข้อ กรรมชั่ว..ที่ผู้ใดประพฤติจะต้องถูกเก็บกวาดให้เรียบ<b></b><br /> <br />
<div align="center">
<img alt="" border="0" src="http://www.96rangjai.com/danger/images/tham-8.jpg" /></div>
<br />
ในเวลานั้น...บรรดาเหล่าทวยเทพทั้งหลายได้กราบทูลวิงวอน...แม้องค์พระโพธิ
สัตว์กวนอิมแห่งทะเลทักษิณถึงกับพระ วรกายทรุดหมอบลงกับพื้นพระบรมวิมาน...
ทรงพร่ำทูลขอให้โปรดกรุณาแก่ชาวโลกซ้ำเป็นหลายครั้งว่า...<br /> <br />
" ผู้ชั่วร้ายสมควรดับ... ผู้ดีงามควรคัดออก ๆๆ "...<br /> <br />
องค์เง็กเซียนฮ่องเต้จึงทรงมีพระบัญชาชี้ขาดว่า...<br /> <br />
" ดีชั่ว สองฝ่ายแยกกัน !...<br />
ให้สงครามเจาะจงเลือกที่เกิด !...<br />
ให้โรคระบาดเจาะจงเลือกคนเป็น !...<br /> <br />
และให้จอมเทพพิทักษ์ธรรมจงรับราชโองการกวาดล้างมนุษย์ที่กระทำความชั่วร้าย ดังต่อไปนี้...<br /> <a name='more'></a><br /> <div align="center">
<img alt="" border="0" src="http://www.96rangjai.com/danger/images/tham-2.jpg" /></div>
<br />
๑. พวกที่กล่าวโทษ ด่าว่าฟ้าดิน<br />
๒. พวกที่ดำเนินชีวิตปฏิบัติตนผิดหลักฟ้า ฝืนหลักธรรม<br />
๓. พวกที่ไม่กตัญญูต่อพ่อแม่<br />
๔. พวกที่ฆ่าสัตว์ตัดชีวิต ฆ่าเป็นอาชีพ ฆ่าเป็นกีฬา<br />
๕. พวกที่ลักขโมย ปล้นชิง หยิบฉวยทรัพย์สมบัติ สิ่งของของผู้อื่น<br />
๖. พวกที่โกหกมดเท็จ พูดจาหลอกลวงให้คนหลงเชื่อ<br />
๗. พวกที่ประพฤติผิดในกาม มักมากในตัณหาราคะ<br />
๘. พวกที่ชอบดื่มสุรา ยาเมา สูบบุหรี่ หลงใหลสิ่งเสพติดของมอมเมาสติ<br />
๙. พวกที่ไม่ยึดถือศีลธรรม จิตใจขาดหิริโอตตัปปะ ไม่สำนึกละอายใจในการทำชั่ว ไม่เกรงกลัวบาปกรรม<br />
๑๐. พวกที่ทำลายพระศาสนา บิดเบือนหลักธรรม หลอกลวงเทพยดาสิ่งศักดิ์สิทธิ์<br /> <br /> <div align="center">
<img alt="" border="0" src="http://www.96rangjai.com/danger/images/tham-1.jpg" /></div>
<br />
๑๑. พวกที่เหยียบย่ำทำลายคัมภีร์หลักธรรม อักษรหนังสือ<br />
๑๒. พวกที่ใจเหี้ยมโหด เข่นฆ่าเบียดเบียนชีวิตผู้อื่น เพื่อผลประโยชน์ของตน<br />
๑๓. พวกที่ทำลายผู้อื่น เพื่อมุ่งผลกำไรและความสุขส่วนตน<br />
๑๔. พวกที่ค้าขายใช้เล่ห์เหลี่ยม ขูดรีด คดโกงตาชั่ง<br />
๑๕. พวกที่ค้าขายสินค้าปลอม ยาปลอม หลอกลวงชาวบ้าน<br />
๑๖. พวกที่ใช้เล่ห์เหลี่ยมกลอุบายค้าขายเอาเปรียบคนอื่น<br />
๑๗. พวกที่หาประโยชน์จากผู้อื่นด้วยการหลอกลวง ต้มตุ๋น<br />
๑๘. พวกที่พูดจาหยาบคาย ชอบทุบตี ด่าว่าบุพพการี ปู่ย่า ตายาย<br />
๑๙. พวกที่ชอบพูดจาให้ร้ายป้ายสีผู้อื่น<br />
๒๐. พวกที่อารมณ์ร้าย โมโหโกรธา ด่าว่าคนอื่นไปทั่ว<br /> <br /> <div align="center">
<img alt="" border="0" src="http://www.96rangjai.com/danger/images/tham-3.jpg" /></div>
<br />
๒๑. พวกที่ชอบว่ากล่าว ตำหนิโทษผู้อื่น ด้วยใจอคติไม่เที่ยงธรรม<br />
๒๒. พวกผู้ชายที่ไม่จริงใจต่อภรรยา พวกผู้หญิงที่ไม่เคารพซื่อสัตย์ต่อสามี<br />
๒๓. พวกที่ชอบยุแหย่ทำลายชีวิตครอบครัวผู้อื่นให้แตกแยกล่มสลาย<br />
๒๔. พวกพี่น้องที่ไม่รักใคร่ปรองดองกัน คอยแต่แย่งชิงดี ชิงเด่นฟ้องร้องแย่งชิงทรัพย์มรดก<br />
๒๕. พวกวงศ์ตระกูลเดียวกัน แต่กลับทะเลาะเบาะแว้งไม่สามัคคีกลมเกลียว<br />
๒๖. พวกที่ชอบยุยงส่งเสริมให้ผู้อื่น ฟ้องร้องคดีความ<br />
๒๗. พวกที่ไม่มีความจริงใจ เป็นคนลวงโลก สวมหน้ากากเข้าหากัน<br />
๒๘. พวกหน้าเนื้อใจเสือ ภายนอกแต่งกายให้ดูดี แต่ภายในสกปรกโสมม<br />
๒๙. พวกที่อาศัยอำนาจหน้าที่ ใช้อิทธิพลในทางที่ผิด<br />
๓๐. พวกที่กดขี่ราษฏร ฉ้อราษฎร์บังหลวง โกงกินบ้านเมือง<br /> <br /> <div align="center">
<img alt="" border="0" src="http://www.96rangjai.com/danger/images/tham-4.jpg" /></div>
<br />
๓๑. พวกที่ชักศึกเข้าบ้าน ล้างผลาญประเทศชาติ เพื่อประโยชน์ของตน<br />
๓๒. พวกผู้ปกครองที่ไม่ปฏิบัติหน้าที่ของตนให้ดี กลับใช้อุบายวางแผนแก่งแย่งชิงกันเป็นใหญ่<br />
๓๓. พวกที่ชอบประจบสอพลอ พะเน้าพะนอยกย่องเชิดชูรับใช้คนเลว<br />
๓๔. พวกที่คอยมุ่งร้าย รังแกคนทำงานที่ซื่อสัตว์สุจริต<br />
๓๕. พวกคนพาลสันดานหยาบ ที่คอยก่อกวนให้ผู้คนเดือนร้อน อยู่ไม่เป็นสุข<br />
๓๖. พวกคนร่ำรวย แต่ใจร้ายข่มเหงคนยากไร้<br />
๓๗. พวกที่ชอบยกย่องคนรวย เหยียบย่ำคนจน<br />
๓๘. พวกที่เห็นคนตกทุกข์ได้ยาก ไม่อยากช่วยเหลือ<br />
๓๙. พวกที่พบเห็นคนอยู่ในฐานะลำบาก กลับเมินเฉยแล้งน้ำใจ<br />
๔๐. พวกที่เห็นผู้อื่นร่ำรวย ก็เกิดความอิจฉาริษยา<br /> <br /> <div align="center">
<img alt="" border="0" src="http://www.96rangjai.com/danger/images/tham-5.jpg" /></div>
<br />
๔๑. พวกที่เห็นผู้อื่นฐานะสูงส่งด้วยชื่อเสียงเกียรติยศ ก็เกิดความโกรธแค้นชิงชัง<br />
๔๒. พวกที่มีจิตใจอาฆาตมาดร้าย ใช้ไสยศาสตร์มนต์ดำสาปแช่งผู้อื่น<br />
๔๓. พวกที่ร่ำเรียนคาถาอาคมทำร้ายผู้อื่น ทำเสน่ห์ยาแฝดฝังรูป ฝังรอย<br />
๔๔. พวกที่ชอบฝึกวิชามาร ทำพิธีใช้ภูตผีกลั่นแกล้งทำลายล้างผู้อื่น<br />
๔๕. พวกที่ชอบเผาป่า ทำลายสุสาน บุกรุกสถานที่ศักดิ์สิทธิ์<br />
๔๖. พวกที่กินทั้งกินขว้าง ไม่รู้จักพระคุณข้าว น้ำ อาหาร<br />
๔๗. พวกที่ทุบตีเด็กเล็กไร้เดียงสาด้วยโทสะข่มเหง รังแกเด็กๆ ผู้ที่ไม่สามารถจะช่วยเหลือตนเองได้<br />
๔๘. พวกที่อกตัญญู ไม่รู้คุณคน<br />
๔๙. พวกที่ประพฤติตน คิดแบบอย่างชี้นำ สอนให้เด็กอนุชนรุ่นหลังกระทำตามจนต้องกลายเป็นคนเลว ชีวิตไร้แก่นสาร<br />
๕๐. พวกที่ถือตัวว่าอาวุโส สูงอายุ ใครว่ากล่าวไม่ได้ ทำผิดไม่ยอมรับ ตักเตือนไม่ยอมแก้ไข<br /> <br /> <div align="center">
<img alt="" border="0" src="http://www.96rangjai.com/danger/images/tham-6.jpg" /></div>
<br />
๕๑. พวกอนุชนรุ่นหลัง ไม่รู้จักเด็กไม่รู้จักผู้ใหญ่ ไม่ยึดหลักคุณสัมพันธ์<br />
๕๒. พวกที่ไม่พิจารณาสำรวจดูกรรมดี กรรมชั่วของตนเอง<br />
๕๓. พวกที่เคยตักเตือนให้ทำความดี กลับทุ่มเถียงดื้อด้านไม่ยอมฟัง<br />
๕๔. พวกที่คอยเสาะแสวงหาแต่ช่องทางกระทำชั่วอยู่ไม่ว่างเว้น<br /> <br />
" นี่คือ ๕๔ ข้อ กรรมชั่ว...ที่ผู้ใดประพฤติ ผู้นั้นจะต้องถูกตรวจตราควบคุมเก็บกวาดให้เรียบ... ไม่ให้เหลือไว้ในโลก !...<br /> <br />
เมื่อตายไปก็ต้องถูกเหวี่ยงเข้าสู่หนทางเปรต... สัตว์นรก... อสุรกาย...
ยามยังมีชีวิตอยู่ให้พวกเขาเหล่านั้นมีอันเป็นไป... พินาศทั้งตระกูล...
ให้บ้านแตกสาแหรกขาด... ให้นองเลือดท่วมแผ่นดิน... ให้กระดูกทับถมในพงพี...
บ้านเรือนของพวกเขาให้ถูกผู้อื่นอยู่อาศัย
ที่นาของพวกเขาให้ไร้คนจะเพาะปลูกทำกินได้ !...<br /> <br />
หากมนุษย์จะเปลี่ยนแปลงแก้ไขตน... ให้ละเว้นความชั่ว สร้างสมคุณความดี... ผู้ที่เจ็บไข้ได้ป่วยก็จะหาย อายุจะยั่งยืน "<br /> <br />
ที่มา <a href="http://www.96rangjai.com/danger/" target="_blank">http://www.96rangjai.com/danger/</a><br />
<br />
ขอบคุณที่มาจาก <a href="http://board.palungjit.com/">http://board.palungjit.com</a> <div class="blogger-post-footer">ด้วยความปรารถนาดีจาก...บล็อกเตือนภัยพิบัติโลก</div>Anonymoushttp://www.blogger.com/profile/09362385019399728087noreply@blogger.com0กรุงเทพมหานคร ประเทศไทย13.7522222 100.493888913.2586137 99.8484419 14.2458307 101.1393359tag:blogger.com,1999:blog-5294450998007589243.post-29007250537706270712013-03-25T15:45:00.000+07:002013-03-25T15:45:39.995+07:00สาส์นจากสมเด็จพรหมนเรศวร เกี่ยวกับภัยพิบัติ <div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<a href="http://student.nu.ac.th/katai_cs.nu/kingMaharaj/images/king_naresuan.jpg" imageanchor="1"><img border="0" height="240" src="http://student.nu.ac.th/katai_cs.nu/kingMaharaj/images/king_naresuan.jpg" width="320" /></a></div>
<br />
<div style="text-align: center;">
<span style="font-size: small;"><span style="font-family: Arial,Helvetica,sans-serif;">ขอขอบคุณภาพจาก <a href="http://student.nu.ac.th/">http://student.nu.ac.th</a></span></span></div>
<div style="text-align: center;">
<br /></div>
<div style="text-align: left;">
<br /></div>
<div style="text-align: left;">
<!--[if gte mso 9]><xml>
<w:WordDocument>
<w:View>Normal</w:View>
<w:Zoom>0</w:Zoom>
<w:TrackMoves/>
<w:TrackFormatting/>
<w:PunctuationKerning/>
<w:ValidateAgainstSchemas/>
<w:SaveIfXMLInvalid>false</w:SaveIfXMLInvalid>
<w:IgnoreMixedContent>false</w:IgnoreMixedContent>
<w:AlwaysShowPlaceholderText>false</w:AlwaysShowPlaceholderText>
<w:DoNotPromoteQF/>
<w:LidThemeOther>EN-US</w:LidThemeOther>
<w:LidThemeAsian>X-NONE</w:LidThemeAsian>
<w:LidThemeComplexScript>TH</w:LidThemeComplexScript>
<w:Compatibility>
<w:BreakWrappedTables/>
<w:SnapToGridInCell/>
<w:ApplyBreakingRules/>
<w:WrapTextWithPunct/>
<w:UseAsianBreakRules/>
<w:DontGrowAutofit/>
<w:SplitPgBreakAndParaMark/>
<w:DontVertAlignCellWithSp/>
<w:DontBreakConstrainedForcedTables/>
<w:DontVertAlignInTxbx/>
<w:Word11KerningPairs/>
<w:CachedColBalance/>
</w:Compatibility>
<w:BrowserLevel>MicrosoftInternetExplorer4</w:BrowserLevel>
<m:mathPr>
<m:mathFont m:val="Cambria Math"/>
<m:brkBin m:val="before"/>
<m:brkBinSub m:val="--"/>
<m:smallFrac m:val="off"/>
<m:dispDef/>
<m:lMargin m:val="0"/>
<m:rMargin m:val="0"/>
<m:defJc m:val="centerGroup"/>
<m:wrapIndent m:val="1440"/>
<m:intLim m:val="subSup"/>
<m:naryLim m:val="undOvr"/>
</m:mathPr></w:WordDocument>
</xml><![endif]--></div>
<div style="text-align: left;">
<!--[if gte mso 9]><xml>
<w:LatentStyles DefLockedState="false" DefUnhideWhenUsed="true"
DefSemiHidden="true" DefQFormat="false" DefPriority="99"
LatentStyleCount="267">
<w:LsdException Locked="false" Priority="0" SemiHidden="false"
UnhideWhenUsed="false" QFormat="true" Name="Normal"/>
<w:LsdException Locked="false" Priority="9" SemiHidden="false"
UnhideWhenUsed="false" QFormat="true" Name="heading 1"/>
<w:LsdException Locked="false" Priority="9" QFormat="true" Name="heading 2"/>
<w:LsdException Locked="false" Priority="9" QFormat="true" Name="heading 3"/>
<w:LsdException Locked="false" Priority="9" QFormat="true" Name="heading 4"/>
<w:LsdException Locked="false" Priority="9" QFormat="true" Name="heading 5"/>
<w:LsdException Locked="false" Priority="9" QFormat="true" Name="heading 6"/>
<w:LsdException Locked="false" Priority="9" QFormat="true" Name="heading 7"/>
<w:LsdException Locked="false" Priority="9" QFormat="true" Name="heading 8"/>
<w:LsdException Locked="false" Priority="9" QFormat="true" Name="heading 9"/>
<w:LsdException Locked="false" Priority="39" Name="toc 1"/>
<w:LsdException Locked="false" Priority="39" Name="toc 2"/>
<w:LsdException Locked="false" Priority="39" Name="toc 3"/>
<w:LsdException Locked="false" Priority="39" Name="toc 4"/>
<w:LsdException Locked="false" Priority="39" Name="toc 5"/>
<w:LsdException Locked="false" Priority="39" Name="toc 6"/>
<w:LsdException Locked="false" Priority="39" Name="toc 7"/>
<w:LsdException Locked="false" Priority="39" Name="toc 8"/>
<w:LsdException Locked="false" Priority="39" Name="toc 9"/>
<w:LsdException Locked="false" Priority="35" QFormat="true" Name="caption"/>
<w:LsdException Locked="false" Priority="10" SemiHidden="false"
UnhideWhenUsed="false" QFormat="true" Name="Title"/>
<w:LsdException Locked="false" Priority="1" Name="Default Paragraph Font"/>
<w:LsdException Locked="false" Priority="11" SemiHidden="false"
UnhideWhenUsed="false" QFormat="true" Name="Subtitle"/>
<w:LsdException Locked="false" Priority="22" SemiHidden="false"
UnhideWhenUsed="false" QFormat="true" Name="Strong"/>
<w:LsdException Locked="false" Priority="20" SemiHidden="false"
UnhideWhenUsed="false" QFormat="true" Name="Emphasis"/>
<w:LsdException Locked="false" Priority="59" SemiHidden="false"
UnhideWhenUsed="false" Name="Table Grid"/>
<w:LsdException Locked="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Placeholder Text"/>
<w:LsdException Locked="false" Priority="1" SemiHidden="false"
UnhideWhenUsed="false" QFormat="true" Name="No Spacing"/>
<w:LsdException Locked="false" Priority="60" SemiHidden="false"
UnhideWhenUsed="false" Name="Light Shading"/>
<w:LsdException Locked="false" Priority="61" SemiHidden="false"
UnhideWhenUsed="false" Name="Light List"/>
<w:LsdException Locked="false" Priority="62" SemiHidden="false"
UnhideWhenUsed="false" Name="Light Grid"/>
<w:LsdException Locked="false" Priority="63" SemiHidden="false"
UnhideWhenUsed="false" Name="Medium Shading 1"/>
<w:LsdException Locked="false" Priority="64" SemiHidden="false"
UnhideWhenUsed="false" Name="Medium Shading 2"/>
<w:LsdException Locked="false" Priority="65" SemiHidden="false"
UnhideWhenUsed="false" Name="Medium List 1"/>
<w:LsdException Locked="false" Priority="66" SemiHidden="false"
UnhideWhenUsed="false" Name="Medium List 2"/>
<w:LsdException Locked="false" Priority="67" SemiHidden="false"
UnhideWhenUsed="false" Name="Medium Grid 1"/>
<w:LsdException Locked="false" Priority="68" SemiHidden="false"
UnhideWhenUsed="false" Name="Medium Grid 2"/>
<w:LsdException Locked="false" Priority="69" SemiHidden="false"
UnhideWhenUsed="false" Name="Medium Grid 3"/>
<w:LsdException Locked="false" Priority="70" SemiHidden="false"
UnhideWhenUsed="false" Name="Dark List"/>
<w:LsdException Locked="false" Priority="71" SemiHidden="false"
UnhideWhenUsed="false" Name="Colorful Shading"/>
<w:LsdException Locked="false" Priority="72" SemiHidden="false"
UnhideWhenUsed="false" Name="Colorful List"/>
<w:LsdException Locked="false" Priority="73" SemiHidden="false"
UnhideWhenUsed="false" Name="Colorful Grid"/>
<w:LsdException Locked="false" Priority="60" SemiHidden="false"
UnhideWhenUsed="false" Name="Light Shading Accent 1"/>
<w:LsdException Locked="false" Priority="61" SemiHidden="false"
UnhideWhenUsed="false" Name="Light List Accent 1"/>
<w:LsdException Locked="false" Priority="62" SemiHidden="false"
UnhideWhenUsed="false" Name="Light Grid Accent 1"/>
<w:LsdException Locked="false" Priority="63" SemiHidden="false"
UnhideWhenUsed="false" Name="Medium Shading 1 Accent 1"/>
<w:LsdException Locked="false" Priority="64" SemiHidden="false"
UnhideWhenUsed="false" Name="Medium Shading 2 Accent 1"/>
<w:LsdException Locked="false" Priority="65" SemiHidden="false"
UnhideWhenUsed="false" Name="Medium List 1 Accent 1"/>
<w:LsdException Locked="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Revision"/>
<w:LsdException Locked="false" Priority="34" SemiHidden="false"
UnhideWhenUsed="false" QFormat="true" Name="List Paragraph"/>
<w:LsdException Locked="false" Priority="29" SemiHidden="false"
UnhideWhenUsed="false" QFormat="true" Name="Quote"/>
<w:LsdException Locked="false" Priority="30" SemiHidden="false"
UnhideWhenUsed="false" QFormat="true" Name="Intense Quote"/>
<w:LsdException Locked="false" Priority="66" SemiHidden="false"
UnhideWhenUsed="false" Name="Medium List 2 Accent 1"/>
<w:LsdException Locked="false" Priority="67" SemiHidden="false"
UnhideWhenUsed="false" Name="Medium Grid 1 Accent 1"/>
<w:LsdException Locked="false" Priority="68" SemiHidden="false"
UnhideWhenUsed="false" Name="Medium Grid 2 Accent 1"/>
<w:LsdException Locked="false" Priority="69" SemiHidden="false"
UnhideWhenUsed="false" Name="Medium Grid 3 Accent 1"/>
<w:LsdException Locked="false" Priority="70" SemiHidden="false"
UnhideWhenUsed="false" Name="Dark List Accent 1"/>
<w:LsdException Locked="false" Priority="71" SemiHidden="false"
UnhideWhenUsed="false" Name="Colorful Shading Accent 1"/>
<w:LsdException Locked="false" Priority="72" SemiHidden="false"
UnhideWhenUsed="false" Name="Colorful List Accent 1"/>
<w:LsdException Locked="false" Priority="73" SemiHidden="false"
UnhideWhenUsed="false" Name="Colorful Grid Accent 1"/>
<w:LsdException Locked="false" Priority="60" SemiHidden="false"
UnhideWhenUsed="false" Name="Light Shading Accent 2"/>
<w:LsdException Locked="false" Priority="61" SemiHidden="false"
UnhideWhenUsed="false" Name="Light List Accent 2"/>
<w:LsdException Locked="false" Priority="62" SemiHidden="false"
UnhideWhenUsed="false" Name="Light Grid Accent 2"/>
<w:LsdException Locked="false" Priority="63" SemiHidden="false"
UnhideWhenUsed="false" Name="Medium Shading 1 Accent 2"/>
<w:LsdException Locked="false" Priority="64" SemiHidden="false"
UnhideWhenUsed="false" Name="Medium Shading 2 Accent 2"/>
<w:LsdException Locked="false" Priority="65" SemiHidden="false"
UnhideWhenUsed="false" Name="Medium List 1 Accent 2"/>
<w:LsdException Locked="false" Priority="66" SemiHidden="false"
UnhideWhenUsed="false" Name="Medium List 2 Accent 2"/>
<w:LsdException Locked="false" Priority="67" SemiHidden="false"
UnhideWhenUsed="false" Name="Medium Grid 1 Accent 2"/>
<w:LsdException Locked="false" Priority="68" SemiHidden="false"
UnhideWhenUsed="false" Name="Medium Grid 2 Accent 2"/>
<w:LsdException Locked="false" Priority="69" SemiHidden="false"
UnhideWhenUsed="false" Name="Medium Grid 3 Accent 2"/>
<w:LsdException Locked="false" Priority="70" SemiHidden="false"
UnhideWhenUsed="false" Name="Dark List Accent 2"/>
<w:LsdException Locked="false" Priority="71" SemiHidden="false"
UnhideWhenUsed="false" Name="Colorful Shading Accent 2"/>
<w:LsdException Locked="false" Priority="72" SemiHidden="false"
UnhideWhenUsed="false" Name="Colorful List Accent 2"/>
<w:LsdException Locked="false" Priority="73" SemiHidden="false"
UnhideWhenUsed="false" Name="Colorful Grid Accent 2"/>
<w:LsdException Locked="false" Priority="60" SemiHidden="false"
UnhideWhenUsed="false" Name="Light Shading Accent 3"/>
<w:LsdException Locked="false" Priority="61" SemiHidden="false"
UnhideWhenUsed="false" Name="Light List Accent 3"/>
<w:LsdException Locked="false" Priority="62" SemiHidden="false"
UnhideWhenUsed="false" Name="Light Grid Accent 3"/>
<w:LsdException Locked="false" Priority="63" SemiHidden="false"
UnhideWhenUsed="false" Name="Medium Shading 1 Accent 3"/>
<w:LsdException Locked="false" Priority="64" SemiHidden="false"
UnhideWhenUsed="false" Name="Medium Shading 2 Accent 3"/>
<w:LsdException Locked="false" Priority="65" SemiHidden="false"
UnhideWhenUsed="false" Name="Medium List 1 Accent 3"/>
<w:LsdException Locked="false" Priority="66" SemiHidden="false"
UnhideWhenUsed="false" Name="Medium List 2 Accent 3"/>
<w:LsdException Locked="false" Priority="67" SemiHidden="false"
UnhideWhenUsed="false" Name="Medium Grid 1 Accent 3"/>
<w:LsdException Locked="false" Priority="68" SemiHidden="false"
UnhideWhenUsed="false" Name="Medium Grid 2 Accent 3"/>
<w:LsdException Locked="false" Priority="69" SemiHidden="false"
UnhideWhenUsed="false" Name="Medium Grid 3 Accent 3"/>
<w:LsdException Locked="false" Priority="70" SemiHidden="false"
UnhideWhenUsed="false" Name="Dark List Accent 3"/>
<w:LsdException Locked="false" Priority="71" SemiHidden="false"
UnhideWhenUsed="false" Name="Colorful Shading Accent 3"/>
<w:LsdException Locked="false" Priority="72" SemiHidden="false"
UnhideWhenUsed="false" Name="Colorful List Accent 3"/>
<w:LsdException Locked="false" Priority="73" SemiHidden="false"
UnhideWhenUsed="false" Name="Colorful Grid Accent 3"/>
<w:LsdException Locked="false" Priority="60" SemiHidden="false"
UnhideWhenUsed="false" Name="Light Shading Accent 4"/>
<w:LsdException Locked="false" Priority="61" SemiHidden="false"
UnhideWhenUsed="false" Name="Light List Accent 4"/>
<w:LsdException Locked="false" Priority="62" SemiHidden="false"
UnhideWhenUsed="false" Name="Light Grid Accent 4"/>
<w:LsdException Locked="false" Priority="63" SemiHidden="false"
UnhideWhenUsed="false" Name="Medium Shading 1 Accent 4"/>
<w:LsdException Locked="false" Priority="64" SemiHidden="false"
UnhideWhenUsed="false" Name="Medium Shading 2 Accent 4"/>
<w:LsdException Locked="false" Priority="65" SemiHidden="false"
UnhideWhenUsed="false" Name="Medium List 1 Accent 4"/>
<w:LsdException Locked="false" Priority="66" SemiHidden="false"
UnhideWhenUsed="false" Name="Medium List 2 Accent 4"/>
<w:LsdException Locked="false" Priority="67" SemiHidden="false"
UnhideWhenUsed="false" Name="Medium Grid 1 Accent 4"/>
<w:LsdException Locked="false" Priority="68" SemiHidden="false"
UnhideWhenUsed="false" Name="Medium Grid 2 Accent 4"/>
<w:LsdException Locked="false" Priority="69" SemiHidden="false"
UnhideWhenUsed="false" Name="Medium Grid 3 Accent 4"/>
<w:LsdException Locked="false" Priority="70" SemiHidden="false"
UnhideWhenUsed="false" Name="Dark List Accent 4"/>
<w:LsdException Locked="false" Priority="71" SemiHidden="false"
UnhideWhenUsed="false" Name="Colorful Shading Accent 4"/>
<w:LsdException Locked="false" Priority="72" SemiHidden="false"
UnhideWhenUsed="false" Name="Colorful List Accent 4"/>
<w:LsdException Locked="false" Priority="73" SemiHidden="false"
UnhideWhenUsed="false" Name="Colorful Grid Accent 4"/>
<w:LsdException Locked="false" Priority="60" SemiHidden="false"
UnhideWhenUsed="false" Name="Light Shading Accent 5"/>
<w:LsdException Locked="false" Priority="61" SemiHidden="false"
UnhideWhenUsed="false" Name="Light List Accent 5"/>
<w:LsdException Locked="false" Priority="62" SemiHidden="false"
UnhideWhenUsed="false" Name="Light Grid Accent 5"/>
<w:LsdException Locked="false" Priority="63" SemiHidden="false"
UnhideWhenUsed="false" Name="Medium Shading 1 Accent 5"/>
<w:LsdException Locked="false" Priority="64" SemiHidden="false"
UnhideWhenUsed="false" Name="Medium Shading 2 Accent 5"/>
<w:LsdException Locked="false" Priority="65" SemiHidden="false"
UnhideWhenUsed="false" Name="Medium List 1 Accent 5"/>
<w:LsdException Locked="false" Priority="66" SemiHidden="false"
UnhideWhenUsed="false" Name="Medium List 2 Accent 5"/>
<w:LsdException Locked="false" Priority="67" SemiHidden="false"
UnhideWhenUsed="false" Name="Medium Grid 1 Accent 5"/>
<w:LsdException Locked="false" Priority="68" SemiHidden="false"
UnhideWhenUsed="false" Name="Medium Grid 2 Accent 5"/>
<w:LsdException Locked="false" Priority="69" SemiHidden="false"
UnhideWhenUsed="false" Name="Medium Grid 3 Accent 5"/>
<w:LsdException Locked="false" Priority="70" SemiHidden="false"
UnhideWhenUsed="false" Name="Dark List Accent 5"/>
<w:LsdException Locked="false" Priority="71" SemiHidden="false"
UnhideWhenUsed="false" Name="Colorful Shading Accent 5"/>
<w:LsdException Locked="false" Priority="72" SemiHidden="false"
UnhideWhenUsed="false" Name="Colorful List Accent 5"/>
<w:LsdException Locked="false" Priority="73" SemiHidden="false"
UnhideWhenUsed="false" Name="Colorful Grid Accent 5"/>
<w:LsdException Locked="false" Priority="60" SemiHidden="false"
UnhideWhenUsed="false" Name="Light Shading Accent 6"/>
<w:LsdException Locked="false" Priority="61" SemiHidden="false"
UnhideWhenUsed="false" Name="Light List Accent 6"/>
<w:LsdException Locked="false" Priority="62" SemiHidden="false"
UnhideWhenUsed="false" Name="Light Grid Accent 6"/>
<w:LsdException Locked="false" Priority="63" SemiHidden="false"
UnhideWhenUsed="false" Name="Medium Shading 1 Accent 6"/>
<w:LsdException Locked="false" Priority="64" SemiHidden="false"
UnhideWhenUsed="false" Name="Medium Shading 2 Accent 6"/>
<w:LsdException Locked="false" Priority="65" SemiHidden="false"
UnhideWhenUsed="false" Name="Medium List 1 Accent 6"/>
<w:LsdException Locked="false" Priority="66" SemiHidden="false"
UnhideWhenUsed="false" Name="Medium List 2 Accent 6"/>
<w:LsdException Locked="false" Priority="67" SemiHidden="false"
UnhideWhenUsed="false" Name="Medium Grid 1 Accent 6"/>
<w:LsdException Locked="false" Priority="68" SemiHidden="false"
UnhideWhenUsed="false" Name="Medium Grid 2 Accent 6"/>
<w:LsdException Locked="false" Priority="69" SemiHidden="false"
UnhideWhenUsed="false" Name="Medium Grid 3 Accent 6"/>
<w:LsdException Locked="false" Priority="70" SemiHidden="false"
UnhideWhenUsed="false" Name="Dark List Accent 6"/>
<w:LsdException Locked="false" Priority="71" SemiHidden="false"
UnhideWhenUsed="false" Name="Colorful Shading Accent 6"/>
<w:LsdException Locked="false" Priority="72" SemiHidden="false"
UnhideWhenUsed="false" Name="Colorful List Accent 6"/>
<w:LsdException Locked="false" Priority="73" SemiHidden="false"
UnhideWhenUsed="false" Name="Colorful Grid Accent 6"/>
<w:LsdException Locked="false" Priority="19" SemiHidden="false"
UnhideWhenUsed="false" QFormat="true" Name="Subtle Emphasis"/>
<w:LsdException Locked="false" Priority="21" SemiHidden="false"
UnhideWhenUsed="false" QFormat="true" Name="Intense Emphasis"/>
<w:LsdException Locked="false" Priority="31" SemiHidden="false"
UnhideWhenUsed="false" QFormat="true" Name="Subtle Reference"/>
<w:LsdException Locked="false" Priority="32" SemiHidden="false"
UnhideWhenUsed="false" QFormat="true" Name="Intense Reference"/>
<w:LsdException Locked="false" Priority="33" SemiHidden="false"
UnhideWhenUsed="false" QFormat="true" Name="Book Title"/>
<w:LsdException Locked="false" Priority="37" Name="Bibliography"/>
<w:LsdException Locked="false" Priority="39" QFormat="true" Name="TOC Heading"/>
</w:LatentStyles>
</xml><![endif]--><!--[if gte mso 10]>
<style>
/* Style Definitions */
table.MsoNormalTable
{mso-style-name:"Table Normal";
mso-tstyle-rowband-size:0;
mso-tstyle-colband-size:0;
mso-style-noshow:yes;
mso-style-priority:99;
mso-style-qformat:yes;
mso-style-parent:"";
mso-padding-alt:0cm 5.4pt 0cm 5.4pt;
mso-para-margin:0cm;
mso-para-margin-bottom:.0001pt;
mso-pagination:widow-orphan;
font-size:11.0pt;
mso-bidi-font-size:14.0pt;
font-family:"Calibri","sans-serif";
mso-ascii-font-family:Calibri;
mso-ascii-theme-font:minor-latin;
mso-fareast-font-family:"Times New Roman";
mso-fareast-theme-font:minor-fareast;
mso-hansi-font-family:Calibri;
mso-hansi-theme-font:minor-latin;
mso-bidi-font-family:"Cordia New";
mso-bidi-theme-font:minor-bidi;}
</style>
<![endif]--><b><span lang="TH" style="color: blue; line-height: 115%;">เจริญพร มนุษย์บุญทั้งหลาย</span></b><span style="line-height: 115%;"><br />
<br />
<span lang="TH">ณ กาลนี้ ประเทศนี้จะเกิดภัย จะเกิดสิ่งที่มีความหมุนเวียนเปลี่ยนแปลงด้วยการกระทำของบรรพบุรุษของเรา
และการกระทำของมนุษย์ทั้งหลาย ในกาลเวลาที่จะมาถึง เมื่อนางสงกรานต์ได้เชิญ ผลัดเปลี่ยนเวรเชิญเศียรกบิลพรหม
หลังครานั้นไม่กี่เวลา จะเกิดเหตุการณ์ในแผ่นดินนี้</span><br />
<br />
<span lang="TH">ขอให้เจ้าทั้งหลายมีจิตใจ บอกกัลยาณมิตร คนสนิทที่มีศีลธรรม ให้นำทางแก่ญาติพี่น้องและผู้สนิททั้งหลายสู่ทางธรรมและปฏิบัติธรรม
การปฏิบัติที่ได้ดีที่สุด คือ การปฏิบัติที่จิตของเรา การพัฒนาที่จิตของเรา การหยุดภัยพิบัติ
และการดับภัยพิบัติที่ง่ายที่สุด คือ หยุดและดับที่จิตของเรา บัดกาลนี้
ได้มีดำรัสโองการมา ให้ทำพิธีหล่อรูปขององค์อินทราธิราช เพื่อไปประจำในทิศสำคัญของประเทศแผ่นดินนี้
เพื่อมิให้เกิดภัยพิบัติ ที่เกิดความเลวร้าย</span>…<span lang="TH">ให้น้อยที่สุด
ให้มันเกิดให้น้อยที่สุด แต่หยุดให้มันเกิดไม่ได้!!</span> <br />
</span></div>
<a name='more'></a>
<span lang="TH">บัดกาลนี้ ก็เป็นวาระให้สร้างสรรค์และแก้ปัญหาต่างๆ ปัญหาที่เกิดขึ้นไม่ใช่ทุกข์ที่เจ้า
แต่มันเป็นการแก้ปัญหาแห่งมวลมนุษยชาติทั้งหลาย นั่นแหละคือสิ่งที่ประเสริฐ ขณะนี้ทุกอย่างกำลังขับเคลื่อนแล้ว
ชนวนมันถูกจุดแล้วลูก มันรอวันระเบิด ก่อนที่ชนวนจะไปถึงระเบิด ต้องดับมันซะก่อน
ช่วยกัน ...โลกก็ระเบิด สวรรค์ก็ระเบิด นรกก็ระเบิด จะไปอยู่ตรงไหน..ลูกเอ๊ย!! ธรรม..เท่านั้นที่จะดับได้</span><br />
<br />
<span lang="TH">ถ้าไม่มีธรรมก็ดับระเบิดไม่ได้ ดับชนวนไม่ได้ ช่วยกันนะ ช่วยกัน ปัญญาที่สวรรค์สร้างมา
ภูมิธรรมที่บำเพ็ญเพียรมาทุกภพทุกชาติได้ใช้แล้ว เอาออกมาใช้
เอาออกมาช่วยมวลมนุษย์ทั้งหลายให้พ้นจากไฟโลกันต์นี้ อีกไม่กี่เวลาข้างหน้า
ธรณีจะย่างก้าว นกจะบินเต็มท้องฟ้า ปลาจะแห่ขึ้นดิน เป็นสัญญาณบอกแล้ว
ถนนจะไม่มีคนเดิน ฟ้าไม่มีนกบิน ปลาไม่มีน้ำ น้ำไม่มีปลาว่าย
มันกำลังจะเป็นสัญญาณแล้ว คงไม่กี่เวลานี้ ที่ที่สูงจะลงสู่ดิน ให้ระวังกันให้ดี!!</span><br />
<br />
<span lang="TH">สิ่งที่ดำรัส เป็นโองการแห่งเทพชั้นสูง ไม่ใช่เด็กมาเล่น ไม่ใช่คนไม่มีศีลมาเจรจา
ทุกอย่างมันช่วยและมันบรรเทาได้ มันหยุดและมันยั้งได้ อยู่ที่ใจของพวกเจ้าแล้ว
ถ้าวันใด กาลหนึ่ง คำดำรัสนี้มันเกิดขึ้น ... ทั้งฟ้า ทั้งดิน ทั้งน้ำ นั่นแหละ...มันเป็นเหตุที่บอกแล้ว
สิ่งที่ขอในวันนี้</span> “<span lang="TH">ขอให้ลูกของพ่อรู้ธรรม</span>” <span lang="TH">เท่านั้นเอง แผ่นดิน วันหนึ่งก็ต้องพังไปตามธรรมชาติ แต่พวกเจ้ารู้ธรรม
ไม่มีสิ่งใดพังได้</span><br />
<br />
<span lang="TH">สมัยมีชีวิต รักแผ่นดิน หวงแหนแผ่นดินหนักหนา
เมื่อดับขันธ์ละสังขารไปแล้ว สิ่งที่หวง มันไม่ใช่ ... สิ่งที่รักษา
มันไม่ใช่ของจริง ทุกวันนี้ อยากให้มวลมนุษย์ ประชาชนของพ่อทั้งหลาย ...
ให้รู้ธรรม รู้ที่จะทำ แล้วรู้ที่จะปฏิบัติธรรม..นะลูก ไม่ต้องไปปฏิบัติที่ไหน ปฏิบัติที่จิตของเรา
เพราะจิตมันไม่สูญสลายไปไหน ขันธ์มันมีแต่สูญสลาย มันมีแต่เสื่อม มันมีแต่พัง</span><br />
<br />
<span lang="TH">สิ่งที่ปรารถนาสูงสุด คือ
ให้มนุษย์รู้ธรรม...นี่คือสิ่งที่ปรารถนาสูงสุด เพราะฉะนั้น ...
พวกเจ้าทั้งหลายต้องพยายามเป็นเสียงบุญบอกข่าว เจรจาเรื่องราวที่จะเกิดขึ้นให้แก่มวลมนุษย์ทั้งหลาย
ให้มีส่วนในจิตของพลังบุญทั้งหลาย ในการหล่อหลอมองค์อินทร์ขึ้นมา เพื่อดูแลและปกปักรักษาแผ่นดินนี้
... ให้เหตุที่มันเกิด....ให้มันน้อยที่สุด ... ให้สิ่งที่มันจะเสีย.....ให้มันน้อยที่สุด
แต่จะละไม่ให้เกิดไม่ได้ และจะไม่ให้มันเสียก็คงเป็นไปไม่ได้
แต่ทำ...ให้มันน้อยที่สุด ให้สิ่งที่เกิดให้มันสมบูรณ์...เหมือนการสร้างรั้ว สร้างกำแพง
สร้างเกราะแก้ว ป้องกันสิ่งเลวร้ายทั้งหลายมิให้มันเกิด</span> <br />
<br />
<span lang="TH">ถาม การจัด </span>“<span lang="TH">การเสวนาภัยพิบัติ</span>” <span lang="TH">เพื่อที่จะให้คนได้รับรู้รับทราบสิ่งที่จะเกิดขึ้น ในแง่ของวิทยาศาสตร์ และให้
</span>“<span lang="TH">ผู้มีธรรม</span>” <span lang="TH">สอนใน </span>“<span lang="TH">การเตรียมใจ</span>” <span lang="TH">เพราะเราต้อง </span>“<span lang="TH">เตรียมทั้งตัว
</span>– <span lang="TH">เตรียมทั้งใจ</span>”<br />
<br />
- <span lang="TH">การเตรียมตัว คือ ให้ภาควิทยาศาสตร์เขาพูดว่า
เราจะรู้ได้ยังไงถึงการสั่นสะเทือน การแตกแยกของแผ่นดิน และ</span><br />
- <span lang="TH">การเตรียมใจ ก็คือ การนำคนเข้าสู่ธรรม เมื่อมีธรรมในใจแล้ว
เขาจะไม่รู้สึกหวั่นไหว..ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น</span><br />
<br />
- <span lang="TH">เราควรจะดำเนินการนี้ก่อน เพราะอันนี้คือการจุดประกาย แล้วจากนั้นก็มีการจัดปฏิบัติธรรมมวลรวม
ด้วยการประชาสัมพันธ์ เพื่อที่จะให้คนเข้ามาปฏิบัติเพื่อที่จะอุทิศกุศลตรงนี้ </span>“<span lang="TH">เพื่อแผ่นดิน</span>” <span lang="TH">คือทุกครั้งเมื่อเราแผ่เมตตา
เราจะให้แค่ตัวเองกับญาติในวงใกล้ของเรา แต่ครั้งนี้ </span>“<span lang="TH">เพื่อให้ประเทศ"</span><br />
<br />
<span lang="TH">ตอบ ครั้งนี้ที่จะเกิดขึ้น สิ่งที่มันจะเกิด มีเทพผู้หญิงคนหนึ่งที่ได้รับกิจ-การนี้
สิ่งที่จะต่อยอดได้ ทุกคนต้องถวายบุญแก่พระแม่ธรณี เพราะสิ่งที่มันจะเกิด มันเกิดจากการเคลื่อนตัว
การเสด็จของท่าน การพลิก การย่าง การก้าวของท่าน มันถึงเกิด จำคำไว้ให้ดีนะ!!
ภายในสิ้นปี พ.ศ.ใหม่ที่จะมาถึงนี้ จะมีคลื่นยักษ์สูงเทียมฟ้า
ทำลายสิ่งทั้งหลายที่จะเกิดขึ้น จำไว้ให้ดี!! แต่เหตุนี้จะเกิดขึ้นในเมืองไหน...บอกไม่ได้
แต่สิ่งที่เห็น...ต้องเกิดแน่นอน จำไว้ให้ดี!!</span><br />
<br />
<span lang="TH">เพราะฉะนั้น เหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้น ต้องทำให้ก่อนที่เศียรพรหม จะเสด็จโองการที่ได้ดำรัส
ตรัสไว้ในเบื้องต้น เจ้าทั้งหลายต้องขับเคลื่อนให้มันเกิดขึ้นมาเสียก่อน
สิ่งที่ดำรัสให้เจ้าทำ คือสร้างเหตุใหม่
สร้างเหตุใหม่...ให้ผลนั้นเป็นผลที่ประเสริฐ ผลที่ประเสริฐก็จะดับผลที่เป็นอกุศลได้
เพราะฉะนั้น เจ้าทั้งหลาย ... อย่าฟังเหมือนเป็น </span>“<span lang="TH">นิทาน</span>”.
<span lang="TH">อย่าฟังเหมือนเป็น </span>“<span lang="TH">สิ่งที่เล่าจากปากสู่ปาก</span>”<br />
<br />
<span lang="TH">ขณะนี้ทุกอย่างกำลังขับเคลื่อน ระเบิดลูกนี้เขาถูกจุดแล้ว
ถูกจุดชนวนแล้ว รอให้ชนวนนี้ไปถึงที่ระเบิดเท่านั้นเอง เจ้าจะมัวแสวงหาทรัพย์ภายนอกกันอยู่ทำไม!!
เมื่อถึงกาลที่เกิดขึ้น อัฐสักสลึงก็ไม่มีค่า ทองสักเส้นก็ไม่มีประโยชน์ สิ่งที่กำลังจะมีประโยชน์แก่ชีวิตของเรา
แก่ดวงจิตของเรา คือบุญ คือกุศล บุญที่มันจะเกิดได้ กุศลที่มันจะเกิดได้</span><br />
<br />
<span lang="TH">ต้องเป็นสิ่งที่ทำ ... </span>“<span lang="TH">อย่างฉลาด</span>” <span lang="TH">ไม่ใช่ทำเพราะ ... </span>“<span lang="TH">อยากได้บุญ</span>”<br />
<span lang="TH">ต้องเป็นสิ่งที่ทำ ... </span>“<span lang="TH">อย่างมีสติ</span>” <span lang="TH">ไม่ใช่ทำเพราะ ... </span>“<span lang="TH">อยากได้ดี</span>”<br />
<br />
<span lang="TH">แต่ทำ...เพราะต้องการให้ค้ำจุนให้สิ่งต่างๆพ้นภัยได้
เจ้าจะทำให้พ้นคนเดียว แลจะเห็นแก่ตัวเกินไป ก็ต้องพิจารณาถึง คนใกล้ตัว
ถ้ามันเกิดขึ้นมา ... ลูกก็หาแม่ไม่เจอ แม่ก็หาลูกไม่เจอ.. น้องก็หาพี่ไม่เจอ
พี่ก็หาน้องไม่เจอ จะเศร้าใจสักขนาดไหน!! เมื่อทุกอย่างมันมีการขับเคลื่อน มันมีการกระทำเกิดขึ้น
แม้แต่เพียงคิดจะทำในสิ่งที่ดี...กุศลก็เกิดแล้ว</span><br />
<br />
<span lang="TH">ถาม เทพ-พรหมฝ่ายสัมมาทิฏฐิจะช่วยป้องกันได้ไหม</span>?<br />
<br />
<span lang="TH">ตอบ เทพ-พรหมทางฝ่ายสัมมาทิฏฐิ กับ ฝ่ายมาร
ทั้งสองสิ่งนี้มันเป็นนามธรรม นามธรรมทั้ง </span>2 <span lang="TH">นามนี้กำลังขับเคลื่อน
ดีก็ขับ ชั่วก็ขับ ก็อยู่ว่าดีนี้</span> ...<span lang="TH">ใครจะดีกว่ากันเท่านั้นเอง
ดีที่สูงสุดก็คือ ดีที่ปฏิบัติธรรม ธรรมที่สูงสุดก็คือ ธรรมที่ไม่มีธรรม...ใครจะไปถึงตรงนั้นก่อนกันเท่านั้นเอง
มารก็มีหน้าที่ของมาร เทพที่เป็นสัมมาทิฏฐิ ก็เป็นตัวแทนแห่งความดี เป็นตัวแทนแห่งกุศล
มารก็เป็นตัวแทนแห่งอกุศล เป็นตัวแทนแห่งความชั่ว</span><br />
<br />
<span lang="TH">ทั้งสองคำนี้ ขาดคำหนึ่งคำใดไม่ได้ ขาดดีก็ไม่รู้จัก</span>“<span lang="TH">ชั่ว</span>” <span lang="TH">ขาดชั่วก็ไม่รู้จัก </span>“<span lang="TH">ดี</span>”
<span lang="TH">เพราะมันเป็นของคู่กัน แม้แต่กายขันธ์ </span>5 <span lang="TH">ก็มีทั้งเทพสัมมาทิฏฐิ
และมีมารสิงอยู่ในขันธ์ จะชนะมารได้ ก็เมื่อผู้นั้น</span>…<span lang="TH">มีธรรม
ขอให้ตั้งจิตทั้งหลาย เอา </span>“<span lang="TH">คาถาชนะมาร</span>” <span lang="TH">เผยแพร่ไปสู่มวลมนุษย์ คาถาช่วยไม่ได้ แต่ถ้าสวดคาถานี้...ขณะจิตที่สวดคาถานี้
จิตเป็นกุศล การแนะนำ หรือให้คนมาถือศีลปฏิบัติธรรม...ถือเป็น สิ่งที่แก้ตรงเหตุ
ถือเป็น สิ่งที่แก้ตรงจุด</span><br />
<br />
<span lang="TH">ถ้ารอช้าก็จะเสียการ เพราะทุกอย่างมันดำเนินแล้ว เจ้าทั้งหลาย จงจำคำเจรจานี้เอาไว้นะ!!
แผ่นดินประเทศสยามมีเทพเทวาสูงศักดิ์ สูงบารมีมากมาย
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่ดำรัสนี่ มันเกิดแน่นอน แต่ถ้ามีการแก้ไข การชะลอ
มันก็เกิด แต่อาจจะไม่ได้เกิดในแผ่นดินด้ามขวานทองนี้ แต่จำไว้เลยว่า จะต้องมีเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในเมืองใดเมืองหนึ่งในภูมิโลกนี้แน่นอน</span><br />
<br />
<span lang="TH">การที่บอก...พระแม่ธรณีจะเคลื่อน ภาพที่เห็น</span>…<span lang="TH">มันเป็นเหมือนดินที่เราเหยียบ
มันจะทรุดลงไป แล้วสัญญาณต่างๆที่มันจะเกิด มันเริ่มมาแล้ว มันเริ่มเกิดแล้ว
ความหมายที่ดำรัสเหมือนจุดเล็กจะเป็นจุดใหญ่แล้ว เป็นอย่างนี้</span> … <span lang="TH">เกิดทั่ว!!อนาคตอีกหลายเวลานะ</span><br />
<br />
Ø <span lang="TH">แผ่นดินด้ามทองนี้จะแบ่งเป็น </span>3 <span lang="TH">ส่วน
ให้จำคำไว้!! แต่กำหนดบอกเวลาไม่ได้</span><br />
Ø <span lang="TH">น้ำจืดจะผสมน้ำเค็ม น้ำเค็มจะผสมน้ำจืด จำเอาไว้ให้ดี!!</span><br />
Ø <span lang="TH">เมืองไทยจะกลายเป็นเกาะ (ทะเลจะไปอยู่ที่ภาคเหนือ
แล้วบางส่วนก็จะหายไปเลย)</span><br />
<br />
<span lang="TH">ทำหน้าที่ </span>“<span lang="TH">ขับเคลื่อน</span>” <span lang="TH">ตรงไหนหยุดได้ก็หยุด
ตรงไหนต่อได้ก็ต่อ ถ้าเรา ไม่รู้จักหยุด......เราก็ </span>“<span lang="TH">มีแต่ทุกข์</span>”
<span lang="TH">ถ้าเรา รู้จักหยุด.......มันก็</span> “<span lang="TH">หมดทุกข์</span>”
<span lang="TH">ทุกคนมีหน้าที่ต่อยอด แต่ทุกวันนี้ที่ยอดมันไม่โต เพราะไปต่อแต่ต้นมันอย่างเดียว
สร้างแต่เหตุเก่าๆ สร้างแต่เหตุที่มันซ้ำซาก สร้างแต่เหตุที่รับผลมาแล้ว ไม่รู้จัก
</span>“<span lang="TH">สร้างเหตุใหม่ - สร้างเหตุที่ประเสริฐ</span>” <span lang="TH">จะได้เกิดผลที่ </span>“<span lang="TH">เป็นบุญ-เป็นกุศล</span>” <span lang="TH">เพราะการนี้ ทรัพย์ภายนอกช่วยเราไม่ได้
มีแต่ทรัพย์ภายในที่จะขับเคลื่อนเราได้</span><br />
<br />
<span lang="TH">สตางค์คงไปซื้อทางขึ้นสวรรค์ไม่ได้ แต่สตางค์เปิดประตูนรกได้</span>
…<span lang="TH">จำเอาไว้ให้ดี!! การจัดปฏิบัติธรรมแบบนี้ ต้องจัดให้เป็นการต่อเนื่องยาวไปเรื่อยๆ
ถ้าไม่ต่อเนื่อง...มันก็ไม่ถึงยอด จะ</span>“<span lang="TH">เพื่อประเทศ"
ก็ได้ หรือ</span>“<span lang="TH">เพื่อพระเจ้าแผ่นดิน</span>” <span lang="TH">ก็ได้
การทำอะไรที่เป็น</span> “<span lang="TH">สาธารณะ</span>” <span lang="TH">การทำอะไรที่ทำให้เกิดประโยชน์โดยส่วนใหญ่
. การนั้น</span> “<span lang="TH">เป็นการหนัก</span>” <span lang="TH">หนัก คือ
ไม่ได้แบกหาม ... หนักนั้น คือ </span>“<span lang="TH">หนักใจ</span>” <span lang="TH">แล้วเราจะ</span> “<span lang="TH">หนักใจ</span>” <span lang="TH">ทำไม เพราะใจมันอยู่กับเรา</span><br />
<br />
<span lang="TH">ถ้าเราไม่รู้จัก </span>“<span lang="TH">เบาใจ</span>” <span lang="TH">เราก็ทุกข์อยู่ตลอด เพราะใจมันอยู่กับกายเรา ไม่ได้อยู่กับคนอื่น ที่เรา </span>“<span lang="TH">หนักใจ</span>” <span lang="TH">เพราะเราเอาใจไปอยู่กับ </span>“<span lang="TH">คนอื่น</span>” <span lang="TH">มันถึง </span>“<span lang="TH">หนักใจ</span>”
<span lang="TH">ถ้าใจอยู่กับตัวเรา ก็ไม่หนัก การที่จะเกิดขึ้นนี่ ที่น่าห่วงที่สุด
ก็คือเมืองหลวง ใต้ธรณีของเมืองหลวงไปนี่ มันเป็นเหมือนลูกโป่งแล้ว
จำเอาไว้ให้ดี!!</span> (<span lang="TH">เพราะเมืองหลวงเป็นที่ที่มีกิเลสมากที่สุด)
ต้องดับตัวนี้ก่อน ถ้าดับตัวนี้ได้ ทุกอย่างจะแผ่ไปเอง จะทางไกล หรือ ทางใกล้
ทุกสายสัญญา หรือเชื้อชาติก็มีอยู่ในเมืองหลวงทุกจังหวัด</span><br />
<br />
<span lang="TH">เมื่อการเจรจานำทางสว่างแก่พวกเจ้า เจ้าก็เป็นเหมือนแสงเทียนที่จะไปนำทางสว่างให้แก่มนุษย์
มวลมนุษยชาติต่อไป ชาติที่ดีที่สุด ก็คือ วันที่เราไม่มีชาติ (คือความเกิด) แล้ว นั่นคือสิ่งที่ดีที่สุด
แต่วันนี้ มนุษย์ทั้งหลายในพื้นปฐพีนี้ยังมีชาติอยู่ ยังอาศัยสมมุติอยู่ เมื่อทุกอย่างกำลังมีเหตุที่จะทำให้สมมุติที่เรายังต้องอาศัยอยู่พังทลายลง
มนุษย์ทั้งหลายคงอยู่ไม่ได้ เหตุการณ์ที่จะให้ทำ คือ กำลัง</span> “<span lang="TH">ดับสมมุติของคนที่จิต</span>”
<span lang="TH">ค่อยๆดับไป</span><br />
<br />
... <span lang="TH">จะดับไฟกองโต แค่น้ำขันเดียว.........คงดับไม่หมด</span><br />
... <span lang="TH">จะดับไฟกองโต แค่น้ำแก้วเดียว.......คงดับไม่ได้</span><br />
... <span lang="TH">ต้องใช้น้ำหลายขัน หลายแก้ว......... ถึงจะดับไฟกองโตได้</span><br />
<br />
<span lang="TH">แต่ทั้งสามโลก สามภูมินี้
มีน้ำอยู่บ่อเดียวที่จะดับไฟกองโตได้โดยฉับพลัน คือ </span>“<span lang="TH">น้ำแห่งธรรม...แห่งพระสัมมาสัมพุทธเจ้า</span>”
<span lang="TH">แต่พวกเจ้า มวลมนุษย์ทั้งหลายยังไม่เจอน้ำบ่อนี้ หรือ
บางคนเจอแล้วก็ยังมิได้ตักมากิน เมื่อเจ้าพิจารณาแล้วว่า...น้ำบ่อนี้เป็นน้ำที่สะอาด
ก็อย่าเสียเวลา!! ตักขึ้นมากิน ตักน้ำในบ่อนี้ขึ้นมากิน แล้วก็ตักเผื่อคนอื่นเขาได้กิน...จะได้ดับไฟกองโตนี้</span><br />
<br />
<span lang="TH">ชีวิตของเจ้าทั้งหลายทำเพื่อประโยชน์ตัวเองมามากแล้ว ทำเพื่อประโยชน์ให้ลูกให้หลานก็มากแล้ว
ถ้าการนี้เป็นประโยชน์ส่วนรวม ถ้าจิตของเจ้าคิดทำ ... คงไม่เสียชาติเกิด!!
เพราะฉะนั้น</span> <br />
<br />
<span lang="TH">ผู้ใด มีปัญญา........ให้ ใช้ปัญญา</span><br />
<span lang="TH">ผู้ใด มีทรัพย์.......ก็ให้ ใช้ทรัพย์ ในการนี้</span><br />
<span lang="TH">ผู้ใด มีธรรม........ก็ให้ ใช้ธรรม</span><br />
<span lang="TH">ผู้ใด มีเสียง.........ก็ให้ ใช้เสียง เจรจาไป</span><br />
<br />
<span lang="TH">ให้เจ้าคิด พิจารณาว่าสิ่งที่เราจะทำ หรือ สิ่งที่เราจะต้องเสียสละ ก็ทำเพื่อลูกหลานของเราไม่ให้นับ
</span>1 <span lang="TH">เท่านั้นเอง ขอบอกให้ชัดอีกครั้งว่า ... สิ่งที่ดำรัสเป็นความจริง
แล้วดำรัสด้วยจิตแห่งภูมิธรรมที่ได้ปฏิบัติ บำเพ็ญเพียรมาหลายภพหลายชาติแล้ว
ดำรัสแห่งจิตแห่งสัมมาทิฏฐิ ขอให้พวกเจ้าทั้งหลายทำหน้าที่ขับเคลื่อนล้อเฟืองทุกล้อ</span>…<span lang="TH">ให้เครื่องจักรทำ งาน แล้วผลิตผลให้เกิดแก่ลูกหลานและแผ่นดินไทยของเรา</span><br />
<br />
<span lang="TH">เครื่องสักการะทั้งหลายที่นำมาถวาย ขอให้เจ้ามีความอุดม ขอให้เจ้ามีภูมิธรรมที่เป็นแก่นแท้
แล้วให้ย้อนคิด พิจารณา ... ถ้าเหตุการณ์สิ่งที่ดำรัสมันเกิดขึ้น ข้าวของทั้งหลายเหล่านี้...เจ้าคงมิได้เห็น
เพราะฉะนั้น พวกเจ้าก็เหมือน</span> “<span lang="TH">ไม้ที่ใกล้ฝั่ง
ลูกหลานของเจ้าก็เหมือน </span>“<span lang="TH">ต้นไม้ที่เพิ่งโต</span>” <span lang="TH">เหมือน</span> “<span lang="TH">เรือที่เพิ่งออกจากท่า</span>” <span lang="TH">ถ้าวันหนึ่งวันใด เจ้าละขันธ์ </span>5 <span lang="TH">ไปแล้ว มีภูมิแห่งกุศลที่ได้จุติเป็นเทพเยี่ยงพ่อ
คงจะทนเห็นลูกหลานอยู่ในวิกฤตไม่ได้ คงจะทนเห็นความวินาศเกิดขึ้นกับลูกหลานไม่ได้</span><br />
<br />
<span lang="TH">เพราะฉะนั้น เหตุการณ์นี้ ขันธ์ ยังพร้อม สติ ยังทำงาน จิต
ยังขับเคลื่อน ขอให้ทั้งสามนี้อยู่ในขอบเขตแห่งธรรมนะลูก
แล้วความสำเร็จจะบังเกิดนะลูกนะ เอานะ วันนี้ได้ทำหน้าที่ของเราแล้ว
ต่อไปนี้เป็นเรื่องของเจ้าแล้ว ... สืบคำดำรัสกระแสรับสั่ง
จากนามธรรม....สร้างให้เป็นรูปธรรม จากรูปธรรม..ก่อให้เป็นนามธรรมในจิตมนุษย์ต่อไป
ขอให้ลูกทั้งหลาย จงร่วมโมทนา และสืบสานพระศาสนา สืบสานธรรมนำทางสว่างให้แก่รูปธรรมและนามธรรมต่อไป</span><br />
<br />
<span lang="TH">ข้อความที่บอกกล่าวนี้เป็น "คำเตือนจากเทพพรหมสัมมาทิฏฐิ - ผู้มีธรรม"ที่ห่วงใยลูกไทยหลานไทย
อยากให้ทุกดวงจิตได้มีโอกาสพัฒนาจิตตน สร้างกุศล สวดมนต์ ปฏิบัติธรรม
เพื่อเสริมสิริมงคลให้แก่ตนเองและครอบครัว หากต้องเผชิญหน้ากับภัยพิบัติ
บุญกุศลจะช่วยหนุนนำให้รอดปลอดภัย หรือ จิตใจไม่ตกอยู่ในห้วงแห่งความทุกข์โศกมากนัก</span><br />
<br />
<span lang="TH">สาส์นจากสมเด็จพรหมนเรศวร เกี่ยวกับ "ภัยพิบัติ"</span> <br />
<span lang="TH">และพระคาถาพระพุทธเจ้าชนะมาร (ฉบับส่งต่อได้)</span><br />
Posted by hs0pdo , <span lang="TH">ผู้อ่าน : </span>1361 , 00:13:12 <span lang="TH">น.</span><br />
<span lang="TH">วันอังคาร ที่ </span>16 <span lang="TH">กุมภาพันธ์ พ.ศ.</span>2553<br />
<br />
<span lang="TH">ที่มา </span><a href="http://www.oknation.net/blog/hs0pdo1/2010/02/16/entry-2" target="_blank"><span lang="TH" style="color: blue;">สาส์นจากสมเด็จพรหมนเรศวร เกี่ยวกับ
"ภัยพิบัติ" และพระคาถาพระพุทธเจ้าชนะมาร (ฉบับส่งต่อได้)</span></a> <br />
<div style="text-align: left;">
<span style="font-size: small;"><span style="font-family: Arial,Helvetica,sans-serif;"><br /></span></span></div>
<div style="text-align: left;">
<span style="font-size: small;"><span style="font-family: Arial,Helvetica,sans-serif;">ที่มาจาก <a href="http://borad.palungjit.com/">borad.palungjit.com</a></span></span></div>
<div class="blogger-post-footer">ด้วยความปรารถนาดีจาก...บล็อกเตือนภัยพิบัติโลก</div>Anonymoushttp://www.blogger.com/profile/09362385019399728087noreply@blogger.com0กรุงเทพมหานคร ประเทศไทย13.7522222 100.493888913.2586137 99.8484419 14.2458307 101.1393359tag:blogger.com,1999:blog-5294450998007589243.post-27426232780800550062012-12-13T21:50:00.001+07:002012-12-13T21:50:28.686+07:00สิ่งดีๆ ที่จะเกิดขึ้นตั้งแต่วันที่ 12-12-2012 เป็นต้นไป<b></b><br />
<div align="center">
<b><span style="font-size: large;"><span style="color: navy;">สิ่งดีๆที่จะเกิดขึ้นตั้งแต่วันที่ 12-12-2012 เป็นต้นไป !!!</span></span></b></div>
<div align="center">
<b><span style="font-size: large;"><span style="color: navy;"> </span></span></b></div>
<b><span style="font-size: medium;"><div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<a href="http://files.palungjit.com/attachment.php?attachmentid=2396290&stc=1&thumb=1&d=1355294946" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" height="269" src="http://files.palungjit.com/attachment.php?attachmentid=2396290&stc=1&thumb=1&d=1355294946" width="320" /></a></div>
<div align="center">
<span style="color: red;"> </span></div>
<div align="center">
<span style="color: red;">(นอกจากเรื่องภัยพิบัติแล้ว ยังมีสิ่งดีๆเกิดตามมาอีกด้วย)</span></div>
</span></b><br /> <br />
<div align="center">
</div>
<br />
<br />
<br /> <b><u><span style="color: blue;">mead</span></u></b> สมาชิก<br /> <br />
มีเรื่องที่เชื่อว่าหลายคนคงสนใจและอยากทราบว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง
นับจากวันที่ 12-12-12 นี้ เป็นต่้นไป
ก็เลยนั่งแปลบทความนึงมาฝากให้อ่านกันหน่อย
อย่าเพิ่งคาดหวังว่าจะมีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้นในช่วงนี้
จนน่าวิตกกังวลกันครับ ทำใจสบายๆร่มๆไว้ดีที่สุดแล้วครับ
วิวัฒนาการมักจะค่อยเป็นค่อยๆไป แบบนี้แหละครับ<br />
------------------------------------------------------------------------<br />
<br />
<a name='more'></a> What is Beyond 12.12.12 & 12.21.2012..By Ibrahim Hassan 12.12
เป็นวันศักดิ์สิทธิ์ในการเลื่อนระดับสำหรับ Gaia ในวันนั้น
เครือข่ายของพลังงานจะเสร็จสมบูรณ์
ซึ่งเมื่อแล้วเสร็จจะช่วยให้มีการไหลเวียนของพลังงาน "เปลวไฟสีม่วง"
ซึ่งพลังงานนี้มีอยู่ในโลกมาก่อนแล้ว
แต่ไม่ได้อยู่ในระบบการไหลเวียนที่สมบูรณ์ในรูปแบบของ "เปลวไฟ"
และตอนนี้มันก็จะเริ่มไหลในรูปแบบของ...เปลวไฟอันสว่างไสว (Flare)<br /> <br />
และเหตุผลในการเพิ่มการไหลเวียนของพลังงานนี้
(ที่ผันแปรในลักษณะของการสื่อสารโดยตรงกับพลังงานแสงอาทิตย์)
ซึ่งจะเริ่มเตรียมตัวเองสำหรับการเปลี่ยนแปลงที่ใหญ่ที่สุดในธรรมชาติ
ด้วยความถี่ซึ่งจะถูกส่งมาจากดวงอาทิตย์ในวันการจัดตำแหน่งที่ 21-12
ที่ดวงอาทิตย์ดวงหลัก จะเข้าไปทำงานเกี่ยวกับการสนับสนุนดวงอาทิตย์ของเรา
ผ่านทางพลังงาน การทำงานร่วมกันก็จะส่งถึงกันในวันนั้น<br /> <br /> <b><span style="font-size: medium;"><span style="color: purple;">การทำงานของเปลวไฟสีม่วงบนโลก เริ่มต้นที่ 12.12.12</span></span></b><br /> <br /> <b>1 ชำระล้างกรรม</b> (โดยการชดใช้กรรม ใครทำดีก็ได้รับกรรมดี ใครทำชั่วก็ได้รับกรรมชั่ว) <br /> <br />
กรรมส่วนบุคคลของแผ่นดิน และเปลวไฟสีม่วงเจะเข้าไปจัดการกับมัน
พลังงานของเปลวไฟสีม่วง เป็นผู้รับผิดชอบในระดับแรกสำหรับ :
ทำความสะอาดกรรมส่วนบุคคลบนโลก {Gaia} และพระอาทิตย์
พี่พักพิงร่วมกันของเธอ
ซึ่งจะมีผลทำให้การเพิ่มในการเคลื่อนไหวของโลกเป็นวงกว้าง
ผ่านการเคลื่อนย้ายทวีปและทะเล
ทางด้านของพลังงานแม่เหล็กไฟฟ้าในเครือข่ายกระแสพลังงานที่เกิดขึ้น
จะเป็นเช่นเดียวกับการตกแต่งสารเคมีของพวกเขาเพื่อที่จะกลับเข้ามาสู่สภาพ
เดิม <br /> <br />
มันจะเกิดขึ้นในช่วงสถานะหนึ่ง ก่อนหน้าการเปลี่ยนแปลงทั้งหมดที่จะเกิดขึ้นภายในสามวันเท่านั้น <b><span style="color: red;">ซึ่งเป็นเหตุผลว่าทำไมพวกเขาจึงมาพร้อมกับการคลอไปด้วยภัยพิบัติทางธรรมชาติ</span></b>
และนี่คือวิธีการที่ยุคใหม่ได้เข้ามาถึง
ซึ่งกิจกรรมเหล่านี้กำลังจะเกิดขึ้นตามขั้นตอน
และเขาจะไม่นำเราเข้าสู่ยุคใหม่ แต่จะเข้าไปในอีกมิติหนึ่ง
ขั้นตอนเหล่านี้จะใช้เวลาหลายปี
จนกระทั่งการปรับเปลี่ยนทางกระแสไฟฟ้าเสร็จสมบูรณ์
เช่นเดียวกับการเปลี่ยนแปลงที่สมบูรณ์ ในลักษณะของภูเขาแม่น้ำ มหาสมุทร
ต้นไม้ และรูปแบบของพืช ให้เป็นรูปทรงใหม่ของพวกเขา
วัตถุประสงค์ของการยืดระยะเวลาเหล่านี้
ก็คือการเปลี่ยนแปลงเราไปสู่สถานะใหม่ของวิวัฒนาการ ไม่ใช่การลงโทษ
และไม่ใช่มีผลกระทบทางด้านลบของผู้คนอันเป็นผลมาจากการเปลี่ยนแปลงนี้ ...<br /> <br />
ดังนั้นในขั้นตอนแรกในปี 2013 มันจะเกิดอย่างเบาที่สุด
และดำเนินการต่อไปขั้นตอนที่สอง ซึ่งเป็นส่วนที่ยากที่สุดในปี 2015
ต่อจากนั้น ขั้นตอนที่สามจะค่อยผ่อนคลายลง เริ่มจาก 2016 จนถึง 2020 ...
ขั้นตอนหลังจากนั้นจะได้รับผลกระทบเบาลงจนกระทั่งโลกก้าวไปถึงสถานะที่สำคัญ
หลังจากปี 2032 ผลที่ได้จากขั้นตอนที่ยากลำบากในปี 2015 นี้จะทำให้สองทวีป:
Lumoria และ Atlantis ปรากฎขึ้นมา ตามด้วยทวีป Shirlanka
จะปรากฏขึ้นมาเช่นเดียวกับสองทวีปแรก : หนึ่งคือทวีปทางใต้ของออสเตรเลีย
และส่วนทีเหลืออยู่ทางซ้ายของทวีปอเมริกาเหนือ<br /> <br /> <b><span style="color: blue;">การเปลี่ยนแปลงจะเกิดขึ้นในสองขั้นตอนนี้:เฟสของมิติที่สี่ ตั้งแต่ 2013-2020 เฟสของมิติที่ห้าอย่างหมดจด 2020-2032</span></b><br /> <br />
วิธีการที่เปลวไฟสีม่วงจะส่งผลกระทบต่อมนุษย์โดยรวมและวิธีการที่จะชำระล้าง
กรรมของพวกเขา?
พลังงานนี้จะทำงานโดยการได้รวบรวมพลังแห่งความดีและความชั่วร้าย
ในแพลตฟอร์มเดียวกัน:ก่อนหน้านี้
กองกำลังของความชั่วร้ายเข้าครอบงำและทำงานอยู่ในเงามืด
ขณะที่กองกำลังแห่งความดี ไม่เป็นที่โดดเด่นหรือเห็นได้ชัดเจน
อย่างไรก็ตามในปี 2013 เปลวไฟสีม่วง
จะเข้าไปควบคุมอำนาจของความชั่วร้ายที่จะออกมา ให้อ่อนกำลังจากภายใน
และระเบิดการแผ่ขยายอำนาจลง {รัฐบาลเงา}
เปลวไฟสีม่วงเป็นไปเพื่อการสนับสนุนกองกำลังของแสงสว่าง
ที่จะมีการแสดงตนจริงบนพื้นดิน
ที่เป็นเช่นเดียวกับอัยการและจำเลยที่ยืนอยู่บนเวทีเดียวกันเพื่อการตัดสิน
พิพากษา<br /> <br />
นี่คือการต่อสู้เพื่อการเปลี่ยนแปลงให้จะเกิดความเป็นธรรม
..และเรื่องนี้จะนำมาซึ่งการเรียกร้องมากขึ้น
ในการอนุมัติรัฐธรรมนูญใหม่และกฎหมายผ่านสู่ผู้คน
เช่นเดียวกับความปรารถนาที่จะนำความยุติธรรม สันติภาพ และความรัก
และจะนำไปสู่ความขัดแย้งซึ่งจะส่งผลในรูปแบบของการเปิดเผยแผนการลับและข้อ
เท็จจริงที่จะประหลาดใจทุกคน
และมันยังจะนำไปสู่การเปิดเผยความจริงและการประกาศระบบการเงินใหม่
และการนำเทคโนโลยีใหม่ที่สะดวกสบายขึ้นมาใช้ ทั้งหมดนี้จะเกิดขึ้นในปี
2013!<br /> <br /> <b>2 การถอดรหัสดีเอ็นเอของเรา</b><br /> <br />
ทุกคนรู้ว่าว่ามนุษย์บนโลกนี้ ได้ผ่านขั้นตอนของวิวัฒนาการมาแล้วหลายครั้ง
หนึ่งในขั้นตอนที่พวกเขากำลังทำงานอยู่บนรหัสดีเอ็นเอเพียง 2
สายดีเอ็นเอเท่านั้นซึ่งนำไปสู่การมีขีดจำกัด
ในหลายความสามารถและความเข้าใจของเขา
เช่นเดียวกับการแยกเขาออกจากความศักดิ์สิทธิ์ ในวันที่ 2012/12/12
เปลวไฟสีม่วงจะเริ่มการถอดรหัสดีเอ็นเอ
และการสร้างการเชื่อมต่อกับดีเอ็นเอทั้ง 12 สาย ดังนั้นจักระทั้ง 7
จะถูกทำให้เปลี่ยนแปลงไปเป็น 12 จักระ
แต่นี้ก็ไม่จำเป็นหรือหมายความว่าคุณจะสามารถได้รับความสามารถเต็มรูปแบบจาก
ดีเอ็นเอทั้ง 12 สาย<br /> <br /> <b>วัตถุประสงค์ของมันคือดังนี้ :</b><br /> <br />
ก่อนหน้านี้คุณถูกจำกัด ความสามารถของคุณไว้ที่ 2 สายดีเอ็นเอ
และหากคุณมีความก้าวหน้า มีตระหนักรู้ที่สมบูรณ์
และอยากที่จะก้าวไปดีเอ็นเอที่สามหรือสูงขึ้นไป
โดยที่คุณจะไม่ได้รับโอกาสที่จะทำเช่นนั้นในทางตรงหรือทางกายภาพได้
แต่คุณสามารถที่จะบรรลุเป้าหมายนี้ในระดับของการพัฒนาภายในของคุณ
โดยการเพิ่มระดับของจิตสำนึกของคุณจนกว่าจะถึงการตรัสรู้ที่เต็มสมบูรณ์
แต่พลังอำนาจตามธรรมชาติทางกายภาพของคุณ
ยังคงถูกจำกัดด้วยจิตสำนึกของดีเอ็นเอเพียง 2 สายเท่านั้น<br /> <br />
อย่างไรก็ตาม หลังจากที่กระบวนการถอดรหัสนี้เกิดขี้น
ทุกๆคนจะได้รับประโยชน์จากการนำมาซึ่งความตระหนักรู้
ที่จะเปิดใช้งานทางกายภาพผ่านดีเอ็นเอ
ความหมายถ้าคุณไม่ได้พัฒนาจิตสำนึกที่อยู่ด้านบนของ 2 สายดีเอ็นเอ
ดีเอ็นเอของคุณที่ถอดรหัสจะมีเพียงสองเท่านั้นที่จะทำงาน
ในขณะที่ส่วนที่เหลือก็จะเตรียมพร้อม รอการพัฒนาในอนาคตของคุณต่อไป
ดังนั้นเมื่อใดก็ตามที่ความก้าวหน้าทางจิตสำนึกของคุณพัฒนาไปสู่ดีเอ็นเอที่
สาม คุณจึงจะได้รับความสามารถนั้นๆของคุณกลับคืนมา <br /> <br />
และถ้าคุณมุ่งมั่นดำเนินการภายในจิตสำนึกของคุณ เพื่อเปิดใช้ดีเอ็นเอที่ 6
ดีเอ็นเอนั้น ก็จะถูกเปิดใช้งานได้ทันที ในรูปแบบทางกายภาพของมันสำหรับคุณ
ทั้งหมดนี้เพื่อมอบให้สำหรับคุณ ที่จะได้รับพลังทั้งหมดที่มาพร้อมกัน
สำหรับเป็นข้อมูลของคุณ
นี่คือความจริงทั้งหมดที่เปิดใช้งานของระดับดีเอ็นเอ
และอะไรก็ตามที่เป็นความตระหนักรู้ มันจะดำเนินไปอย่างอัตโนมัติ
ที่จะนำพาคุณไปสู่มิติที่แตกต่าง ขณะที่มิตินั้นก็เชื่อมโยงกับดีเอ็นเอ
ไปจนถึง 12 สายดีเอ็นเอ และ 12 มิติ ปี 2013
จะเป็นปีแห่งการกระตุ้นเพื่อการตื่นรู้ของคุณ
ที่จะหันไปทำงานในการถอดรหัสดีเอ็นเอของคุณ<br /> <br />
21st of Dec. 2012 ในวันนั้น เปลวไฟสีฟ้า
และเปลวไฟสีม่วงจะไปรวมกับพลังงานสีทองที่ส่งมาจากหัวใจของกาแลคซี
เพื่อที่จะเปิดประตู ..ซึ่งหมายถึงการปลดปล่อยโลกนี้ออกจากการคุมขัง
ที่ได้รับการครอบงำอยู่ถึงนานถึง 13,000 ปี ..ที่ผ่านมา
สิ่งนี้จะเกิดขึ้นราว 8 นาทีเท่านั้น
ซึ่งเพียงพอแล้วที่จะเปิดประตูในวันที่ 2012/12/21
พลังงานที่งดงามนี้จะทะลุแทรกซึมเข้าไปไปยังศูนย์กลางของโลกใบนี้
เพื่อให้พระวิญญาณบริสุทธิ์ของ Gaia แม่ของเรา
ซึ่งจะเปิดการป่าวประกาศ:จุดเริ่มต้นการเกิดขึ้นของมิติที่ห้า
(ในแง่ของพลังงาน)จุดเริ่มต้นของการเปิดใช้งานในทันทีของมิติที่สี่ของพื้น
ผิวของโลก<br /> <br /> <b>"นักรบแห่งสายรุ้ง"</b><br /> <br />
ในวันนั้น "นักรบแห่งสายรุ้ง"
จะได้เสร็จสิ้นภารกิจของพวกเขาในการสร้างสะพานใหม่
ซึ่งจะเชื่อมโยงระหว่างโลกและท้องฟ้า เพื่อให้เกิดการเคลื่อนไหลที่คล่องตัว
เป็นวันสำเร็จการศึกษาและเลื่อนย้ายไปสู่ห้องเรียนใหม่ทางจิตวิญญาณ
ในมิติที่ห้าหรือมิติที่เจ็ด และอื่นๆ ที่จะช่วยให้ผู้ที่มาจากฟากฟ้า เช่น
ผู้รู้จากสภาสูงและสหพันธ์จักรวาลของแสงสว่างที่จะมีการแสดงตนบนโลกใบนี้
แน่นอน ไม่ได้หมายความว่า "การติดต่อครั้งแรก" นั้นจะเป็นที่ยอมรับ
(ว่าเป็นจริง) แต่หมายถึงว่าประตูจะเปิดอย่างเต็มที่
และบรรยากาศบนโลกพร้อมสำหรับมิติที่ห้า
และพร้อมต่อการแสดงตนของพวกเขาบนโลกใบนี้....<br /> <br />
สำหรับการติดต่อครั้งแรก "ที่ชัดเจนและอย่างเป็นทางการ"
มีขั้นตอนเบื้องต้นที่จำเป็นก่อนที่มันจะเกิดขึ้น เช่น ระบบเศรษฐกิจใหม่
เทคโนโลยีใหม่ การเปิดเผยข้อมูล และขั้นตอนเหล่านี้จะเสร็จสมบูรณ์ระหว่าง 6
ถึง 9 เดือนนับจากจุดเริ่มต้นของปีใหม่ ในวันนี้ ทุกคนมีโลกเป็นของตัวเอง
ซึ่งเป็นไปตามระดับที่เขาตระหนักถึง: มีผู้ที่รู้สึกถึงความรักและสันติภาพ
...มีผู้ที่เชื่อมต่อกับจิตสำนึกของพระเจ้า
มีผู้ที่เชื่อมต่อกับตัวตนอันสูงส่งของตนเอง
ผู้ที่จะสามารถมองเห็นคุรุผู้รู้แจ้ง
ผู้ที่จะได้เห็นพี่น้องของพวกเขาจากดวงดาวอันไกลไพ้น
ผู้ที่ติดต่อกับลำดับชั้นทางจิตวิญญาณ .... ฯลฯ<br /> <br />
ทุกทุกคนจะได้รับการจัดหมวดหมู่ตามระดับของการรับรู้ของเขาและเธอ
ตามระดับของสวรรค์และมิติที่สนับสนุนเครดิตแห่งความตระหนักรู้
การเตรียมกำหนดการที่จะเกิดขึ้นในปี 2013
"ว่าเราจะได้พูดคุยกันก่อนหน้านี้แล้วเกี่ยวกับ การติดต่อครั้งแรก
ที่จะเข้ามาช่วยทุกคนที่พบกับความยากลำบากในการเลื่อนระดับขึ้น
จนกว่าการติดต่อครั้งแรกจะมาถึง ที่จะเรียกหาเรา
ซึ่งจะช่วยเตรียมความพร้อมของเรา ร่วมกับชาวโลกใต่้พิภพ
ที่มีพี่น้องของเราชาวอากาธ่า [Agarthians]
และสนับสนุนเราผ่านทางเทคโนโลยีชีวภาพ
ที่จะเปิดใช้งานพลังอำนาจให้กับบรรดาผู้ที่ไม่สามารถจะทำเช่นนั้นได้ด้วยตัว
เอง ก่อนที่จะถึง"การติดต่อครั้งแรก"
เพื่อให้เป็นไปในขั้นตอนแรกของความตระหนักรู้ที่เต็มพร้อม<br /> <br /> <b><span style="color: purple;">จาก
21 ธันวาคม จนถึง 23 ธันวาคม
2012:สามวันสำหรับประตูมิติที่จะเสร็จสมบูรณ์พร้อม
กับสามชนิดของการเกิดคราส (Eclipse) 3 วันที่มีคุณค่ามาก
ที่เขาได้มาถึงคุณด้วยความรักและแสงสว่างอันมั่นคง จากการรอคอยที่ยาวนานถึง
26.000 ปี ...</span></b><br /> <br />
ดังนั้นอย่าปล่อยให้วันนั้นผ่านเลยไป
โดยปราศจากการเชื่อมต่อโดยตรงระหว่างคุณและตัวตนที่สูงส่งของคุณ
โดยการป้อนลึกเข้าไปในตัวเองผ่านสมาธิและการสื่อสารภายในกับสภาผู้ที่สูง
ขึ้นไปของแองเจิล และขอให้พวกเขาเตรียมความพร้อมให้สำหรับการเลื่อนระดับ
คุณต้องมีการเจรจากับสิ่งศักดิ์สิทธิ์
นี้ไม่ได้เป็นเพียงสิ่งที่มาจากภายในอย่างเป็นนัย
คุณจะต้องถามและชี้แจงตัวเลือกของคุณ
พยายามที่จะกำหนดระบุให้กับวันพิเศษเหล่านี้
เฉลิมฉลองกับสิ่งที่เป็นสัญลักษณ์ เพื่อต้อนรับยุคใหม่ของคุณ ทั้งหมดในปี
2013 จะเต็มไปด้วยความประหลาดใจและเหตุการณ์สำคัญ ...<br /> <br />
ฉันต้องการจะชี้ให้เห็นจุดที่สำคัญมาก วิธีการที่ถูกต้องในการทำ
สำหรับมนุษย์เพื่อเตรียมความพร้อมของตัวเอง
ที่จะได้รับความตระหนักรู้เต็มรูปแบบ ภายในสามเดือนแรกของการเปิดประตู
โดยไม่รอสิ่งอื่นใด
และนำตัวเองไปช่วยผู้อื่นที่ไม่สามารถดำเนินการกับตัวเองได้
ช่วยให้เขาเกิดความมั่นใจได้ว่าตัวเองอยู่ในเส้นทางในการเข้าร่วมกับกอง
กำลังแห่งแสงสว่าง ที่จะช่วยเหลือผู้คนบนโลกใบนี้
ทางที่ดีคือการไม่นั่งและรอความช่วยเหลือจากกองกำลังของแสงสว่าง
เมื่อพวกเขาเรียกคืนคำบัญชาในมิติที่สี่บนโลก สิ่งที่ฉันหมายถึง
คือเริ่มต้นจาก 21st ธันวาคม 2012
การเชื่อมต่อระหว่างคุณและท้องฟ้าจะได้รับการเปิดขึ้น
และคุณจะไม่ต้องขอความช่วยเหลือจากใครในเรื่องใดๆเลย
เพราะคุณสามารถขอจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์
ที่จะเป็นจริงด้วยการเปิดพลังของความคิดสร้างสรรค์
ผ่านความสามารถเหล่านี้กลับมาสู่คุณ<br /> <br />
ดังตัวอย่างเหล่านี้:ทำไมต้องรอให้เทคโนโลยีใหม่
เช่นรถยนต์ต่อต้านแรงโน้มถ่วง (ที่ใกล้จะมาถึง) แต่ต้องใช้เวลา
เมื่อคุณสามารถส่งการสื่อสารทางไกลผ่านใจของคุณ ทำไมถึงต้องรอเงินทุน
เพื่อการสร้างบ้านใหม่ที่ทันสมัยล่ะ
เมื่อคุณสามารถสร้างมันด้วยตัวเองจริงๆก็ได้
เหตุใดเราต้องรอเทคโนโลยีใหม่ในการรักษา จากโรคที่ยากจะรักษา
เมื่อคุณสามารถรักษาตัวเองและคนอื่นๆได้ ...พี่น้องที่รักของฉัน
คุณยังไม่ได้ตระหนักถึงว่าคุณเองก็เป็นหนึ่งที่มีค่า มีความชำนาญที่สุด
และเป็นรูปแบบสิ่งมีชีวิตขั้นสูงของชีวิตที่สร้างขึ้นโดยพระเจ้า
..หยุดการรอคอยเหล่านี้ และกลายเป็นในชนชั้นแรกของผู้เลื่อนระดับ
ที่จะฟื้นฟูความตระหนักรู้เต็มรูปแบบของพวกเขาเถิด ...
จงอยู่ในหมู่ผู้ที่สืบเชื้อสายมาจากพระเจ้า
เพื่อมองให้เห็นภาพมุมกว้างยิ่งขึ้น
และช่วยเหลือให้ผู้อื่นที่เขาสามารถจะเลื่อนระดับและก้าวหน้าต่อไปได้<br /> <br />
จาก พี่ชายของคุณ<br />
The Enlightened Master<br />
Ibrahim Hassan<br /> <br /> <span style="color: purple;">ที่มา : Ascension Earth : What is Beyond 12/12/12 & 12/21/12 - The Enlightened Master Ibrahim Hassan - December 9th, 2012</span><br /> <br /> <a href="http://board.palungjit.com/f2/%E0%B8%82%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%84%E0%B8%A7%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%88%E0%B8%B2%E0%B8%81%E0%B8%95%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B8%A1%E0%B8%B4%E0%B8%95%E0%B8%B4-%E0%B8%81%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%A7%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B9%82%E0%B8%94%E0%B8%94%E0%B8%97%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%92%E0%B8%99%E0%B8%B2%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B9%89%E0%B8%87%E0%B8%A2%E0%B8%B4%E0%B9%88%E0%B8%87%E0%B9%83%E0%B8%AB%E0%B8%8D%E0%B9%88%E0%B8%82%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%A1%E0%B8%99%E0%B8%B8%E0%B8%A9%E0%B8%A2%E0%B8%8A%E0%B8%B2%E0%B8%95%E0%B8%B4-%E0%B9%84%E0%B8%9B%E0%B8%AA%E0%B8%B9%E0%B9%88%E0%B8%A1%E0%B8%B4%E0%B8%95%E0%B8%B4%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88-5-a-246190-325.html" target="_blank">http://board.palungjit.com/f2/%E0%B8...46190-325.html</a><div class="blogger-post-footer">ด้วยความปรารถนาดีจาก...บล็อกเตือนภัยพิบัติโลก</div>Anonymoushttp://www.blogger.com/profile/09362385019399728087noreply@blogger.com0กรุงเทพมหานคร ประเทศไทย13.7522222 100.493888913.505449200000001 100.17803190000001 13.9989952 100.8097459tag:blogger.com,1999:blog-5294450998007589243.post-56850893539094744022012-12-11T22:40:00.001+07:002012-12-11T22:40:26.888+07:00สรุป งานสัมมนา "พระอาจารย์รัตน์ เตือนภัยพิบัติ 2012-2013" 17 ธันวาเป็นต้นไปเตรียมตัวให้ดี<img alt="" border="0" src="http://files.palungjit.com/attachment.php?attachmentid=2339741&stc=1&d=1352340091" /><br />
<br />
วันที่ 17 ธันวาคม พ.ศ. 2555 เป็นต้นไป
พลังงานในโลกและสุริยะจักรวาลจะเริ่มหม้วนตัวเข้าหาสู่แกนกลางพลังงานของกา
แลคซี่ทั้ง 3 อย่างช้าๆ <br /> <br />
มนุษย์อาจเริ่ม<br />
<br />
รู้สึกว่าการเคลื่อนไหว การเดิน ฯลฯ แตกต่างไปจากเดิม
ลมหายใจติดขัด เกิดความแปรปรวนใรระบบสื่อสาน ระบบนำร่องของการเดินทาง
ถึงเวลาต้องใช้พีระมิดฐาน 8 เหลี่ยม เพื่อปรับสภาพของมนุษย์
ให้เหมือนกับสภาพแวดล้อมภายนอก
และพลังพีรามิดช่วยทำหน้าที่เป็นแกนพลังงานโลกชั่วคราว
และช่วยให้ใจมีที่ยึดเหนี่ยว<br /> <br />
การสร้างแกนพลังงานโลกใหม่<br /> <br />
หากปล่อยให้พลังงานสะสม รวมตัว จนเป็นแกนพลังงานโลกตามธรรมชาติ
คงต้องใช้เวลานานร่วม 4 เดือน จึงต้องหาตัวช่วยเพื่อม้วน
ดึงพลังงานเข้าหาศูนย์กลางของแกนพลังงานโลกให้เร็วขึ้น โดยพลังงานจะค่อยๆ
ถูกม้วนตามเข็มนาฬิกา<br /> <br />
<a name='more'></a>
ในขณะที่บางส่วน หรือซึกหนึ่งของโลก
พลังงายยังคงมีทิศทางการหมุนแบบทวนเข็มนาฬิกา คือ หมุนจากขวาไปซ้าย
เมื่อพลังงานมีทิศทางการหมุนที่ขัดแย้งหรือสวนทางกัน
สงครามพลังงานจึงเกิดขึ้นปั่นแมกม่า ลาวาร้อนจัด
จากใต้มหาสมุทรปะทุขึ้นสู่บนผิวโลก
แผ่กระจายกว้างใหญ่ไพศาลออกไปจนสุดประมาณ หาขอบเขตไม่ได้
ทำให้เกิดภัยธรรมชาติทุกรูปแบบ เช่น ภูเขาไฟระเบิด แผ่นดินไหว
เกิดการยุบตัวและเปล่ยนสลับที่ของชั้นเปลือกโลก
ทำให้น้ำในมหาสมุทรเปลี่ยนทิศทางตามไปด้วย เกิดคลื่นซึนามิทั่วทุกทวีป<br /> <br />
เหตุการณ์ความรุนแรงทางกายภาพ
จะยังคงดำเนินต่อไปจนเกินความสามารถที่จะกำหนดหรือบอกได้ว่า
วันไหนจะเกิดเหตุการณ์ใด ณ ตำแหน่งใด ประเทศใด จึงควรสังเกตดู
ฟังข่าวสารและหาที่หลบภัย<br /> <br />
การปรับระนาบของ 3 กาแลคซี่<br /> <br />
ตั้งแต่วันที่ 17 ธันวาคม 2555
พลังงานในโลกและสุริยะจักรวาลจะเริ่มม้วนตัวเข้าสู่ศูนย์กลางหรือแกนกลางของ
กาแลคซี่ทั้ง 3 อย่างช้าๆ และระหว่างในวันที่ 21 ธันวาคม 2555 - 14
กุมภาพันธ์ 2556
สุริยะจักรวาลจะเข้าสู่ศูนย์กลางหรือแกนกลางพลังงานของกาแลคซี่ทั้ง 3
อย่างสมบูรณ์ ส่งอิทธิพลให้เกิดการเปลี่ยนแปลง
มีผลกระทบอย่างมหาศาลอย่างคาดไม่ถึงต่อแรงโน้มถ่วงของโลกที่ตั้งอยู่ในระดับ
23.5 องศา<br />
<br />
<span style="color: red;"><b>3 มกราคม – 14 กุมภาพันธ์ 2556</b></span>
เป็นเวลารวม 42 วัน อาจจะไม่มีการเดินทางด้วยยานพาหนะทุกชนิด และ
อาจไม่มีการทำงาน และ ไม่มีการประกอบอาชีพใดๆบนโลกใบนี้ก็อาจเป็นได้
หากทุกคนไม่สามารถยืนทรงตัว และ
ไม่สามารถเดินได้ด้วยสองขาของตนในช่วงเวลาดังกล่าว<br /> <br />
พระอาจารย์รัตน์ รตนญาโณ เจ้าอาวาสวัดดอยเกิ้ง อ.แม่สะเรียง
จ.แม่ฮ่องสอน
ซึ่งเป็นพระอาจารย์ใหญ่สายวิปัสสนากรรมฐานที่สำคัญในยุคปัจจุบันท่านหนึ่ง
ในสายสมาธิหมุน (หมุนพระธรรมจักร)
ท่านศึกษารายละเอียดเชิงลึกจากสาส์นของชาวมายัน
และจารึกโบราณจากสโตนเฮ้นจ์ ที่ประเทศอังกฤษ และ
ทำกรรมฐานเชิงลึกขั้นถอดจิตออกจากกายได้ โดยให้ลูกศิษย์ทำการตรวจสอบ
เป็นข้อมูลคู่ขนาน คือ พระชัยวัฒน์ พนมยงค์ หลานฯพณฯ ปรีดี พนมยงค์
และ ดร.สรัญฯ อาจารย์คณะประมง มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ พบว่า
ได้ข้อมูลตรงกัน <br /> <br />
เนื่องจากข้าพเจ้า นายมงคล กริชติทายาวุธ
ซึ่งได้เข้ารับการอบรมการปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐาน
เป็นครั้งแรกจากพระอาจารย์รัตน์ฯ และ พระอาจารย์รัตน์ฯ แจ้งว่า
การอบรมการปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานในครั้งนี้
จะเป็นการจัดอบรมเป็นครั้งสุดท้ายของปี 2555 ในระหว่างวันที่ 8-9 ธันวาคม
2555 ณ ห้องกาหลา มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต
โดยได้แจ้งให้ทราบว่าตั้งแต่วันที่ 17 ธันวาคม 2555 เป็นต้นไป
ท่านจะกลับขึ้นเขาไปที่แม่สะเรียง จ.แม่ฮ่องสอน
เพื่อทำกิจช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ต่อไป ใครจะนินทาให้ร้ายอย่างไร
จะเชื่อหรือไม่เชื่อในเรื่องที่ท่านนำมาเตือนภัยนี้
ก็สุดแต่จะพิจารณากันเอาเอง<br /> <br />
ขออนุญาตเรียนย้ำว่า ท่านพระอาจารย์รัตน์ฯ ได้องค์ความรู้ฯ
จากการศึกษาค้นคว้าในศาสตร์โบราณ และ จารึกโบราณ
ว่าด้วยการเปลี่ยนขั้วโลกใหม่ และ เสริมด้วยองค์ความรู้ฯ
ที่ได้มาจากการศึกษาทาง “จิต” ที่สงบนิ่งได้องค์ฌาน เป็นญาณทัศนะ
ถอดจิตออกจากกายไปรับรู้เรื่องราวในอดีต และ
ทราบเรื่องราวที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ทำให้พระอาจารย์รัตน์ฯ
รู้ถึงเหตุและผล ของแต่ละปรากฏการณ์ ในความเชื่อมโยงของแต่ละเหตุการณ์
ได้ด้วยการใช้ แรงสืบต่อ หรือ แรงสันตติ สาวหาเหตุและผล ของการเกิดขึ้น
ตั้งอยู่ และ สลาย ของสรรพสัตว์ ปรากฏการณ์ สุริยจักรวาล กาแลคซี่
และจักรวาล ฯลฯ <br /> <br />
ทำให้ได้เห็นความจริงที่ผูกโยงเป็นเงื่อนไขว่า เมื่อสิ่งนี้มี
สิ่งนั้นย่อมมี เพราะความเกิดขึ้นแห่งสิ่งนี้ สิ่งนั้นจึงเกิด
เมื่อสิ่งนี้ไม่มี สิ่งนั้นย่อมไม่มี เพราะความดับไปแห่งสิ่งนี้
สิ่งนั้นจึงดับไป ซึ่งเป็นความรู้ที่ไม่ได้เกิดมาจากการทำงานของสมองและใจ
ตามปกติที่สามัญชนกระทำกัน จึงไม่ใช่การพยากรณ์ มิใช่การทำนาย
แต่เป็นการบอกแจ้งให้ทราบว่า หรือ เพียงแจ้งให้ท่านทราบว่า
ถ้าสิ่งนี้เกิดขึ้นแล้ว อะไรจะเกิดตามมาในลำดับต่อไป <br /> <br />
ตามเงื่อนไขที่ผูกโยงไว้อย่างเป็นเหตุและผลต่อกัน
ส่วนท่านใดจะเชื่อหรือไม่เชื่อนั้น หาใช่สิ่งสำคัญไม่ เพียงแต่ว่า
หากมีปัจจัยนี้เกิดขึ้นแล้ว พระอาจารย์รัตน์ฯท่านจึงออกมาเตือนให้ทราบว่า
จะมีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้นต่อไป
เพื่อให้การช่วยเหลือมนุษยชาติให้ได้มากที่สุด<br /> <br />
ในส่วนของการได้เรียนรู้ เกี่ยวกับการทำวิปัสสนา
การตรวจหาสิ่งที่มีชีวิต สิ่งที่ไร้ชีวิต และ การรักษาโรคนั้น
ขออนุญาตไม่กล่าวถึงในวันนี้ แต่ขอกล่าวถึงในส่วนที่ท่านพระอาจารย์รัตน์
รตนญาโณ ได้มาเตือนเรื่องภัยพิบัติใหญ่ที่จะเกิดขึ้นบนโลกใบนี้
โดยสรุปดังนี้<br /> <br /> <b><span style="color: red;">“ในระหว่างวันที่ 3 มกราคม –
14 กุมภาพันธ์ 2556 เป็นเวลารวม 42 วัน
จะไม่มีการเดินทางด้วยยานพาหนะใดๆทุกชนิดในโลก ไม่ว่ารถยนต์
รถจักรยานยนต์ รถจักรยานถีบด้วยเท้า ไม่มีเรือบิน หรือ
การเดินทางในทางน้ำ ระบบการสื่อสารคมนาคมล่มในทุกระบบ และ
ผู้คนทั้งหลายจะไม่สามารถเดินทางไปทำงานในสถานที่ต่างๆได้ แม้จะเป็น Home
office ก็ลุกจากที่นอนมาทำงานไม่ได้ หมายความว่า ในช่วงเวลา 42
วันดังกล่าว จะไม่มีการประกอบอาชีพใดๆบนโลกใบนี้
เป็นช่วงที่ไม่มีโจรขโมย เพราะ ทุกคนที่อยู่บนโลกใบนี้
ไม่สามารถยืนทรงตัวได้ และ
ไม่สามารถเดินได้ด้วยสองขาของตนในช่วงเวลาดังกล่าว
เนื่องจากถูกพลังงานอันมหาศาลกดทับร่างของทุกคนบนโลก ไม่ให้ทรงตัวยืนได้
ต้องล้มลงนอนทุกคน จะกินอาหาร จะดื่มน้ำ ก็จะต้องนอนกินนอนดื่ม
รวมทั้งนอนขับถ่ายด้วย”</span></b><br /> <br /> <b>ทั้งนี้ ท่านแจ้งว่ามีสาเหตุมาจากการเปลี่ยนขั้วโลกใหม่นั่นเอง</b><br /> <br />
เพราะทุกๆรอบ 13,000 ปี สุริยจักรวาล กาแลคซี่ทางช้างเผือก และ
กาแลคซี่ไตรแองกุลัม จะโคจรมาอยู่ในแนวเดียวกัน ซึ่งจะมีผลให้ โลก
และสุริยจักรวาล จะเปลี่ยนเข้าสู่แรงดึงดูดของกาแลคซี่ไตรแองกุลัม
ทางทิศตะวันออก <br /> <br />
เดิมนั้น พระอาจารย์รัตน์ รตนญาโณ ได้เปิดสอนหลักวิปัสสนากรรมฐาน
โดยการเคลื่อนที่ของจิต ด้วยอุบายหลัก 2 วิธี คือ การเจริญสติ
เพื่อฝึกจิตให้เห็น การเกิด – ดับ ของการกระทบที่เกิดขึ้น เป็นปัจจุบันขณะ
และ<br /> <br />
อุบายของการหมุนธรรมจักร
เพื่อฝึกจิตไม่ให้ติดในการกระทบที่เกิดขึ้นทั้งสองส่วน คือ ที่อายตนะภายนอก
และ อายตนะภายใน อีกทั้งยังได้ประยุกต์ หลักการเคลื่อนที่ของจิต
มาเป็นการเคลื่อนที่ของพลังจิต ของพลังงาน โดยใช้ศาสตร์พีระมิด
ของชาวแอตแลนตีส เป็นตัวขับเคลื่อนที่สำคัญ เพื่อประโยชน์ในการเสริมสร้าง
ฟื้นฟู บำบัด รักษาร่างกายด้วยตนเองให้แก่ผู้สนใจมานาน<br /> <br />
พระอาจารย์ฯ ท่านว่า
เรื่องภัยพิบัติที่จะเกิดขึ้นกับโลกของเราในเร็วๆนี้นั้น แท้ที่จริงแล้ว
กล่าวได้ว่า เป็นเรื่องที่ต้องเกิดขึ้นเป็นธรรมดา และ
ไม่เลื่อนเวลาอีกแล้ว<br /> <br /> <b><span style="color: deepskyblue;">เพราะโลกของ
เราเคยเปลี่ยนแปลงเช่นนี้มาแล้ว นับครั้งไม่ถ้วน เป็นสิ่งที่ต้องเกิดขึ้น
ตามความรู้ที่ได้จาก สโตนเฮนจ์ (Stone Henge) ซึ่งบ่งชี้ว่า ทุกๆ 13,000
ปี จะมีการสลับเปลี่ยนขั้วของแรงดึงดูด ที่มีอิทธิพลต่อโลก สุริยจักรวาล
เนื่องจากกาแลคซี่ ที่มีอิทธิพลต่อสุริยจักรวาลมีด้วยกันถึง 3 กาแลคซี่
ได้แก่<br /> <br />
1. กาแลคซี่ทางช้างเผือก (Milky Way Galaxy)
มีศูนย์กลางของแรงดึงดูดอยู่ทางทิศเหนือในปัจจุบัน โลก สุริยจักรวาล
ตกอยู่ภายใต้แรงดึงดูดของกาแลคซี่นี้<br /> <br />
2. กาแลคซี่ไตรแองกุลัม (Triangulum Galaxy) มี
ศูนย์กลางของแรงดึงดูดอยู่ทางทิศตะวันออก
มีขนาดเล็กกว่ากาแลคซี่ทางช้างเผือก ในอนาคตโลก สุริยจักรวาล
จะถูกดึงเข้าสู่แรงดึงดูดของกาแลคซี่นี้ ตามวาระการวนครบรอบอีกครั้ง<br /> <br />
3. กาแลคซี่อันโดรเมดา (Andromeda Galaxy) เป็นกาแลคซี่ที่มีขนาดใหญ่มาก แผ่อิทธิพลควบคุมทั้ง 2 กาแลคซี่ ไม่ส่งผลกับโลกโดยตรง</span></b><br /> <br />
ดังนั้น จึงพอสรุปได้ว่า ใน 1 รอบใหญ่ คือประมาณ 26,000 ปี
ตามปฏิทินดาราศาสตร์ที่สโตนเฮนจ์ โลก สุริยจักรวาล
จะตกอยู่ภายใต้แรงดึงดูดของกาแลคซี่ทางช้าง เผือก 13,000 ปี
และสลับไปอยู่ภายใต้แรงดึงดูดของกาแลคซี่ไตรแองกุลัม อีก 13,000 ปี <br /> <br />
การประสบกับภัยพิบัติอย่างรุนแรง
ถึงกับมีการเปลี่ยนแปลงทางกายภาพของพื้นผิวโลก นั่นคือ
จะมีการเปลี่ยนพื้นที่ตั้งของภูเขา ไปเป็นมหาสมุทร
จากป่าฝนไปเป็นทะเลทราย จากเขตร้อนกลายเป็นเขตหนาว ฯลฯ
นอกเหนือจากเป็นการทำงานตามวาระของธรรมชาติแล้ว
ยังมีองค์ประกอบที่ส่งผลร่วมอย่างร้ายแรง คือ
การกระทำของมนุษย์ในแต่ละยุคสมัยด้วย<br /> <br />
เมื่อประมาณ 26,000 ปีที่ผ่านมา เป็นช่วงวาระที่โลก
สุริยจักรวาล อยู่ภายใต้แรงดึงดูดของกาแลคซี่ไตรแองกุลัม
ที่สมบูรณ์ไปด้วยพลังงานที่ดี เช่น กระแสลมปราณ และ มโนธาตุ
ส่งผลให้มหาอาณาจักรแอตแลนตีส เจริญสูงสุดในทุกด้าน<br /> <br />
แต่จุดเสื่อมย่อมเพาะเชื้อก่อกำเนิดมาจากจุดสูงสุดเสมอ
เมื่อคนเรามีความรู้มาก เก่งมาก จึงนำไปสู่การผลิตอาวุธสงครามที่ร้ายแรง
เรียกว่า “อาวุธเส้นแสง” <br /> <br />
เมื่อ อาวุธเส้นแสง ถูกนำมาใช้ในการทำสงคราม สิ่งที่เกิดตามมา คือ
เกิดแรงอัดกระแทกอย่างมหาศาลลงสู่พื้นดิน พร้อมๆ
กับการโคจรมาเรียงตัวเป็นเส้นตรงของ สุริยจักรวาล กาแลคซี่ทางช้างเผือก
และกาแลคซี่ไตรแองกุลัม <br /> <br />
ด้วยขนาดของกาแลคซี่ทางช้างเผือกที่ใหญ่กว่า
จึงทำให้แกนขั้วโลกจากทิศตะวันออก พลิกเปลี่ยนชี้ไปทางทิศเหนือ
มหาอาณาจักรแอตแลนตีส จึงจมลง เปลี่ยนสภาพจากแผ่นดิน
กลายเป็นมหาสมุทรในชั่วข้ามคืน เกิดการเปลี่ยนแปลงลักษณะทางกายภาพ
บนพื้นผิวโลกอย่างมโหฬารไปทั่วทุกส่วนของ โลก ตามอัตราส่วนของการมีพื้นน้ำ
3 ส่วน และพื้นดิน 1 ส่วน มนุษย์เสียชีวิตมากมายเหลือคณานับ
เป็นการสิ้นสุดของยุคทองแห่งแอตแลนตีส<br /> <br />
ชาวแอตแลนตีสกลุ่มหนึ่ง มี ผู้นำเป็นนักบวชที่มีพลังจิตสูง
ได้ลงเรือเดินทางออกจาก มหาอาณาจักรแอตแลนตีส
ก่อนจะเกิดเหตุภัยพิบัติอย่างรุนแรง ล่วงหน้าประมาณ 1 เดือน
ขึ้นฝั่งในแถบลุ่มแม่น้ำไนล์ ประเทศอียิปต์ในปัจจุบันนี้
การถ่ายทอดอารยธรรมแอตแลนตีส จึงได้เริ่มขึ้นอีกครั้ง สัญลักษณ์
สิ่งแรกที่ยิ่งใหญ่แสนมหัศจรรย์ที่นักบวชได้สร้างขึ้นด้วยพลังจิต
และอาศัยความช่วยเหลือจากชาวดาวอังคาร คือ การสร้างสฟิงซ์ (Sphinx) ด้วย
เทคนิคการใช้พลังจิต เปลี่ยนวัตถุเป็นพลังงานแสง
และเปลี่ยนพลังงานแสงเป็นวัตถุ เป็นรูปสิงโตหมอบ
เหยียดขาหน้าทั้งคู่ไปด้านหน้า ลำตัวทอดยาวไปตามแนวทิศตะวันออก
และทิศตะวันตก เพื่อเป็นสิ่งบ่งบอกว่า ในอนาคตข้างหน้า เมื่อถึงวาระครบ
13,000 ปีอีกครั้ง <br /> <br />
ณ ที่ตั้งสฟิงซ์แห่งนี้ จะกลายเป็นตำแหน่งของขั้วโลกใหม่ และ
ขั้วโลกจะชี้ไปทางทิศตะวันออก
อยู่ในอิทธิพลแรงดึงดูดของกาแลคซี่ไตรแองกุลัม อีกครั้ง
โดยใช้เวลารอบใหม่เป็นเวลานานอีกประมาณ 13,000 ปี<br /> <br />
ชาวแอตแลนตีส มีความชำนาญในการใช้พลังพีระมิดอย่างหลากหลาย
และได้ถ่ายทอดสู่ชาวอียิปต์จากรุ่นสู่รุ่น จนกระทั่งอีกหลายพันปีต่อมา
จึงได้มีมหาพีระมิดเกิดขึ้น <br /> <br />
เชื้อสายชาวแอตแลนตีสรุ่นต่อๆมา มีการย้ายถิ่นฐาน
สร้างเมือง สร้างประเทศใหม่
อารยธรรมแอตแลนตีสจึงกระจายออกไปหลายส่วนของโลก ที่รู้จักกันดี คือ
ชนเผ่ามายา หรือ มายัน ผลงานชิ้นสำคัญของพวกเขา คือ การจัดวางเสาหิน
แท่งหิน ขนาดมหึมาเป็นรูปวงกลมซ้อนกันอยู่ 3 วง เรียกว่า สโตนเฮนจ์ (Stone
Henge) อยู่ที่เมือง ซาลเบอรี่ (Salisbury) ประเทศอังกฤษ
มีเทคนิคการสร้างเหมือนกับการสร้างสฟิงซ์ คือ<br /> <br />
การใช้พลังจิต เปลี่ยนวัตถุเป็นพลังงานแสงก่อน และ
เมื่อนำไปจัดวางได้เรียบร้อยแล้ว จึงเปลี่ยนพลังงานแสง
คืนกลับเป็นวัตถุอีกครั้ง<br /> <br />
สโตนเฮนจ์ เป็นปฏิทินดาราศาสตร์
ใช้หลักคำนวณจากการโคจรของกาแลคซี่ ทั้ง 3 ใน 1 รอบ คือ 26,000 ปี
โดยสามารถถอดรหัสได้ว่า ในช่วงระยะเวลา 26,000 ปี สุริยจักรวาล
จะตกอยู่ภายใต้แรงดึงดูดของกาแลคซี่ทางช้างเผือก 13,000 ปี และ อีก 13,000
ปี จะสลับมาอยู่ในอิทธิพลของกาแลคซี่ไตรแองกุลัม<br /> <br />
ฉะนั้น การสร้างสโตนเฮนจ์ มีจุดมุ่งหมาย เพื่อเตือนภัยแก่ชาวโลก เมื่อถึงวาระของการสลับเปลี่ยนขั้วของแรงดึงดูดอีกครั้ง <br /> <br />
การเกิดภัยพิบัติในอนาคตอันใกล้นี้ เป็นความสัมพันธ์
เชื่อมโยงระหว่างอดีตกับปัจจุบัน และอนาคต ระหว่างกาแลคซี่ทั้ง 3
กับสฟิงซ์ สโตนเฮนจ์ และ แกนพลังงานโลก โดยมีทั้งมนุษย์
และธรรมชาติเป็นพลังงานขับเคลื่อน<br /> <br />
แกนพลังงานโลก เป็นแกนพลังงานที่ทอดยาวควบคู่ไปกับแกนสสาร
ที่ปัจจุบันชี้ไปทางขั้วโลกเหนือและใต้ แกนพลังงานประกอบด้วยพลังงานสำคัญ 3
ประการ คือ <br /> <br />
1. พลังงานแม่เหล็กโลก หรือ
พลังงานแรงดึงดูดจากศูนย์กลางกาแลคซี่ทางช้างเผือก เป็นแรงร้อยรัดที่ดึงโลก
ให้อยู่กับสุริยจักรวาล และ กาแลคซี่ ตามลำดับ
เป็นพลังงานที่มีคุณสมบัติที่ร้อนและหนัก มีสีเข้ม คล้ายสีเทา เกือบดำ
และอยู่นอกสุดของแกนพลังงาน<br /> <br />
2. พลังงานกระแสลมปราณ มีสีออกเหลือง ออกส้ม
เป็นพลังงานที่โลกเราได้รับมาจากดวงอาทิตย์ เป็นพลังงานที่ดี มีประโยชน์
เป็นเสมือนภูมิต้านทานร่างกาย ที่มนุษย์ทุกคนได้รับอย่างเท่าเทียมกัน
โดยลมหายใจเข้า<br /> <br />
3. พลังงานมโนธาตุ มีสีออกขาว อยู่ชั้นในสุดของแกนพลังงาน เป็นพลังงานดี ช่วยเสริมจิตใจให้มีคุณธรรม<br /> <br />
เทคโนโลยี ที่เกิดจากการผลิตอุตสาหกรรมหนัก
ทำให้เกิดสารตกค้าง CFC หรือ สาร คลอโรฟลูออโรคาร์บอน
และยังไม่มีวิธีการใดที่สามารถทำลายสาร CFC นี้ได้สำเร็จ<br /> <br />
สาร CFC มีคุณสมบัติ “เบา กว่าธาตุอื่นๆทุกชนิด” จึง
สามารถแทรกเข้าไปทำลายแกนพลังงานโลก เริ่มขบวนการทำลายมาตั้งแต่ประมาณปี
พ.ศ. 2540-2544 จนกระทั่งแกนพลังงานโลกตัน ทำให้แรงร้อยรัด หรือ
พลังงานแม่เหล็กโลก ที่ส่งออกมาจากกาแลคซี่ทุกวินาที
ไม่สามารถไหลทะลุผ่านขั้วโลกเหนือ-ใต้ได้
พลังงานจึงแผ่กระจายไปทั่วทุกส่วนของโลก ทั้งพื้นน้ำ มหาสมุทร พื้นแผ่นดิน
แผ่นหิน เปลือกโลก ร่างกายมนุษย์ สัตว์ และ พืช ฯลฯ<br /> <br />
ความร้อนและหนัก จึงฝังตัวติดแน่น สะสมเป็นเชื้อร้ายแฝงอยู่ และเพิ่มอันตรายมากทวีคูณ เกินกว่าจะ<br />
พรรณนาได้ กล่าวได้เพียงว่า พลังงานแม่เหล็กโลก
จากกาแลคซี่ทางช้างเผือกในปัจจุบัน คือ พลังงานสำคัญที่ทำลายมนุษย์
และเปลี่ยนโลกใบนี้ในอนาคต<br /> <br />
ผู้คนที่อาศัยอยู่บนโลกใบนี้ คือ
ผู้ปล่อยยักษ์ใจร้ายตนนี้ออกมาเอง และหากสมมุติว่า
จะเนื่องด้วยเหตุผลใดก็ตาม
ทำให้ภัยพิบัติจากการเปลี่ยนขั้วโลกใหม่ไม่เกิดขึ้น มนุษย์ สัตว์ และ พืช
ทั้งหลาย ก็อาจถูกทำลายอย่างรุนแรง ด้วยพลังงานแม่เหล็กโลก และ
พลังกระแสไฟฟ้าลบ อาจสิ้นชีวิตลงเกือบ 3 ใน 4 ส่วนของประชากรโลก ภายใน 14
กุมภาพันธ์ 2556 โดยประเทศไทย
จะเป็นประเทศที่มีประชากรเหลือมากกว่าประเทศอื่นๆ และ
พุทธศาสนาจะเจริญรุ่งเรืองสูงใน 2,500 ปีต่อจากนี้<br /> <br />
พลังงานกระแสลมปราณ และ พลังมโนธาตุ
เป็นสิ่งจำเป็นต่อการดำรงชีวิตของมนุษย์ ได้ลอยสูงขึ้นๆ
ไปอยู่ในบรรยากาศชั้นบนสูง เกินกว่ามนุษย์จะนำเข้าสู่ร่างกายได้
ด้วยลมหายใจ เข้า ดังนั้น ด้วยองค์ความรู้ของพระอาจารย์รัตน์ รตนญาโณ
จึงได้นำพลังพีระมิดมาใช้เพื่อช่วยมนุษยชาติในการแก้ปัญหาดังกล่าว<br /> <br />
พลังงานกระแสแม่เหล็กขั้วลบ จากกาแล็กซี่ทางช้างเผือก และ
พลังงานไฟฟ้าขั้วลบจากกาแล็กซี่อัลโดรมีด้า
ได้แผ่กระจายเข้ามาในโลกอย่างรุนแรงหนาแน่นมาก ในทุกพื้นที่บนโลก
โดยจะเกิดการสั่นไหวอย่างรุนแรงของแผ่นเปลือกโลก
จะเกิดการเคลื่อนที่สับเปลี่ยนของผืนแผ่นดิน แผ่นน้ำ จะเกิดลมพายุ
จะเกิดน้ำท่วมใหญ่มากกว่าปรากฏการณ์ในปี 2554 หลายสิบเท่าตัว
จะเกิดการหล่นกระจายของแผ่นฝ้าน้ำแข็ง
เพดานโลกที่เกิดจากการสะสมของควันน้ำมัน บางก้อนมีน้ำหนักถึง 40 กิโลกรัม
ฯลฯ <br /> <b><span style="color: red;"><u><br />
สิ่งที่จะยืนยันว่าจะมีเหตุการณ์ดังกล่าวจะเกิดขึ้นนั้น จะเริ่มเห็นชัดมากขึ้นตั้งแต่วันที่ 17 ธันวาคม 2555 เป็นต้นไป ถ้า<br /> </u></span></b><br /> <b><span style="color: darkorchid;">1.
การยืน หรือ เดินของตัวเรา ญาติพี่น้อง พ่อแม่ ปู่ย่าตายาย
ลุงป้าน้าอา ลูกหลาน หากเริ่มปรากฏอาการโครงเคลงตอนลุกขึ้นยืน หรือ
ในเวลาเดิน หรือ มีอาการสะดุดคล้ายตกหลุมอากาศ ภูมิต้านทานโรคลดต่ำลง
มีอาการป่วยง่าย มีอาการอ่อนเพลียมาก และ/หรือ<br /> <br />
2. มีแผ่นดินไหวในสถานที่ต่างๆมากขึ้น ถี่ขึ้น และ/หรือ<br /> <br />
3. มีภูเขาไฟระเบิดในสถานที่ต่างๆมากขึ้น ถี่ขึ้น และ/หรือ<br /> <br />
4. มีแผ่นดินยุบตัวลงในสถานที่ต่างๆมากขึ้น ถี่ขึ้น และ/หรือ<br /> <br />
5. ระบบนำร่องของเรือเดินทะเลมีปัญหา เกิดอุบัติเหตุทางเรือในสถานที่ต่างๆ ถี่ขึ้น และ/หรือ<br /> <br />
6. ระบบนำร่องของเครื่องบินมีปัญหา ทำให้เกิดเครื่องบินตก เครื่องบินชนกัน ในสถานที่ต่างๆถี่ขึ้น และ/หรือ<br /> <br />
7. ระบบสื่อสารคมนาคมมีปัญหา ไม่ว่าทีวี โทรศัพท์ อินเทอร์เน็ท ไอแผ็ด
ไอโฟน หรือ ระบบไฟฟ้าสายเมนใต้น้ำ ใต้ดินระเบิด จะมีการขัดข้องบ่อย
สะดุดบ่อย สายหลุดบ่อยกว่าที่เคยปรากฏ โดยปรากฏในสถานที่ต่างๆ ถี่ขึ้น
และ/หรือ<br /> <br />
8. ระบบการสื่อสารผ่านดาวเทียมทั่วโลกมีปัญหา</span></b><br /> <br />
หากมีเหตุต่างๆหลายประการเกิดขึ้น และต่อมา ในช่วงตั้งแต่วันที่
25 ธันวาคม 2555 เป็นต้นไป ถ้า มีแรงดันที่ท้องของแต่ละคนมากขึ้น
จนรู้สึกอยากโค้งตัวลง หรือ งอตัวลง จึงจะรู้สึกสบาย คือ
เกิดสภาวะการยืดตัวตรงลำบาก ซึ่งจะเห็นได้จากคนอื่นๆ และ ตัวของเราเอง
มีการหายใจติดขัด ไม่คล่องจมูกมากขึ้น และ สิ่งบอกเหตุ 8
ประการก็มีมากขึ้น ท่านทั้งหลายที่อยู่ในเขตภาคใต้ ภาคกลาง
ภาคตะวันออก และ ภาคตะวันตก ขอให้ท่านรีบเดินทางไปหาที่พักในเขตภาคเหนือ
และ ภาคอิสาณโดยเร็ว
น่าจะมีเหตุร้ายแรงเกิดขึ้นในพื้นที่ที่ท่านอยู่อาศัยในปัจจุบันโดยเร็ว
(ชายทะเลใหม่อาจไปอยู่ที่สระบุรี ลพบุรี และ นครสวรรค์
สำหรับพื้นที่ภาคกลาง จะมีปริมาณน้ำท่วมสูงกว่าปี 2554 ได้)<br /> <br />
นั่นคือ จะมีการเปลี่ยนสัณฐานของโลกครั้งใหญ่ พื้นดินในเขตภาคใต้ ภาคกลาง ภาคตะวันออก และ ภาคตะวันตกนั้น อาจยุบจมหายไปได้<br /> <br /> <span style="color: yellowgreen;">ความ
รุนแรงมากที่สุด น่าจะเกิดขึ้นในระหว่างวันที่ 3 มกราคม – 14 กุมภาพันธ์
2556 เป็นเวลารวม 42 วัน ที่อาจไม่มีการทำงาน และ
ไม่มีการประกอบอาชีพใดๆได้ นั่นคือ จะไม่มีการเดินทางด้วยยานพาหนะทุกชนิด
หากอยู่ระหว่างการเดินทาง ต้องหยุดการเดินทางทั้งหมด
เพราะพลังงานของกระแสแม่เหล็กโลก และ พลังงานกระแสไฟฟ้าลบ
เข้ามาในโลกอย่างรุนแรงหนาแน่น จนไม่เหลือช่องว่าง และ
ทุกคนอาจไม่สามารถทรงตัวยืน เดิน ตามปกติได้ และ
อาจต้องเคลื่อนไหวโดยการคลานสี่เท้า รวมทั้งต้องนอนตะแคงใบหน้ากินอาหาร
หรือ กรอกน้ำใส่ปากในช่วง 42 วันดังกล่าวนี้ก็อาจเป็นได้ </span><br /> <br />
ก่อนหน้าวิกฤติช่วง 42 วันนี้ ท่านต้องรีบเตรียมสำรองอาหาร
ที่รับประทานได้ง่ายที่สุด หากเป็นแคปซูลได้ยิ่งดี
อาหารที่ไม่ต้องเสียเวลาปรุง ไม่ต้องสนใจในรสชาติ ขอให้ท้องอิ่ม
เพื่อให้มีลมหายใจอยู่ให้รอด 42 วันที่ยืนเดินไม่ได้
ท่านต้องเตรียมอาหารและน้ำดื่มบนพื้นห้องนอน <br /> <br />
อาหารที่ท่านต้องรีบเตรียมการโดยด่วน อาทิ
อาหารที่ใช้รับประทานในอวกาศต่างๆ เช่น อาหารที่ผลิตใส่ในแคปซูลเม็ด
หากหาไม่ได้ ก็ต้องเป็นประเภทนำใส่ปากรับประทานได้เลย เพราะช่วง 42
วันดังกล่าว จะไม่มีไฟฟ้าใช้ ผู้ที่อยู่คอนโดมิเนียมทั้งหลายจะเดือดร้อน
อาหารแห้งที่ต้องเตรียมพร้อม เช่น สาหร่ายประเภทต่างๆ ไมโล โอวัลติน
ถั่วต่างๆ เมล็ดทานตะวัน เม็ดมะม่วง ข้าวเม่า ข้าวตัง กล้วยอบแห้ง
ผลไม้อบแห้ง ฯลฯ ต้องหาอาหารที่ไม่ต้องขับถ่ายมากมารับประทาน<br />
น้ำดื่มสะอาดจำนวนมาก พร้อมหลอดดูด ต้องเตรียมไว้ให้มากพอ<br /> <br />
ท่านต้องนอนกับพื้น และ มองหาที่พอคลานไปขับถ่ายได้ อย่าลืม
จะทรงตัวยืนไม่ได้ในช่วงระหว่างวันที่ 3 มกราคม – 14 กุมภาพันธ์ 2556
เป็นเวลารวม 42 วัน สำหรับเรื่องอาบน้ำนั้น ไม่ต้องสนใจ <br /> <br /> <br /> <br /> <b><span style="color: red;">
หลังจาก 14 กุมภาพันธ์ 2556 ไปแล้ว ในช่วง 7 วันแรก
ไม่ควรออกมานอกบ้าน เพราะพลังงานในโลกจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก
ยังปรับสมดุลไม่ได้ดี ร่างกายของมนุษย์อาจมีอันตราย</span></b><br /> <br /> <span style="color: yellowgreen;">
หลังจาก 21 กุมภาพันธ์ 2556 ไปแล้ว ต่อไปในประเทศไทยจะมีอุณหภูมิเฉลี่ย
17-24 องศาเซลเชียส มีอุณหภูมิใกล้เคียงกับเกาหลี และ ญึ่ปุ่น
ในช่วงเดือนมีนาคม – เมษายน 2556 ประเทศไทยจะมีอากาศเย็นสบาย
พระอาจารย์รัตน์ฯ ให้ติดตามดูต่อไป</span><br /> <br />
สำหรับผู้ที่อยู่ภาคอิสาณนั้น พื้นที่ริมฝั่งโขงทั้งหมด
จะได้รับอันตรายจากเขื่อนใหญ่หลายแห่งในประเทศจีนแตก
ภูเขาหิมาลัยจะทรุดตัวลง ปริมาณน้ำแข็งจะละลายเป็นปริมาณน้ำมหาศาล
ย่อมท่วมเข้ามาในพื้นดินริมโขงทุกจังหวัดของไทย และ ลาว<br /> <br /> <span style="color: red;"><b><u>ช้า
ที่สุด คือ ต้องอพยพออกจากพื้นที่ในเขตภาคใต้ ภาคกลาง(กรุงเทพฯ
นนทบุรี ปทุมธานี สมุทรปราการ สมุทรสาคร สมุทรสงครม ฯลฯ) ภาคตะวันออก
และ ภาคตะวันตก โดยรีบเดินทางไปเข้าที่พักในเขตภาคเหนือ และ ภาคอิสาณก่อน
24 นาฬิกาของวันที่ 2 มกราคม 55 จะปลอดภัยมากกว่า</u></b></span><br /> <br />
มนุษย์เรานั้น ประกอบด้วย จิตและกาย หากยังมีความคิดว่า
“ชีวิตเป็นสิ่งมีค่า ควรรักษาไว้” จึงควรแสวงหาทางรอด
ตามวิถีความเชื่อของแต่ละบุคคล สำหรับผู้ที่ให้ความสำคัญกับการฝึกจิต
ควรเข้าใจให้ชัดเจนว่า พลังงานแม่เหล็กโลกที่ไม่ได้อยู่ในแกนพลังงานโลก
เป็นพลังงานกั้นบัง ฉุดรั้ง เป็นเสมือน ตัณหาที่ฉาบทาโลก
ส่งผลให้การฝึกจิต ทำได้ยากยิ่งขึ้น หากโลกเราได้แกนพลังงานใหม่
เปลี่ยนเป็นขั้วโลกตะวันออก เป็นกาแลคซี่ใหม่ที่
สมบูรณ์ด้วยพลังงานกระแสลมปราณ พลังมโนธาตุ
ซึ่งเหมาะแก่การฝึกจิตเป็นอย่างยิ่งในช่วงหลังจากปรากฏการณ์ครั้งสำคัญนี้
แล้ว ในช่วงเวลานี้ พีระมิดแปดเหลี่ยมเท่านั้น
ที่ช่วยพอประทังให้ประคับประคองความเป็นอยู่ได้บ้าง ด้วยการถอดจิต หรือ
กายละเอียดไปพักนอกกาแล็คซี่ทั้งสาม ที่ขอบอนันตจักรวาล
ซึ่งบรรดาศิษย์จำนวนหนึ่งของพระอาจารย์รัตน์ฯก็ต้องเร่งฝึกทุกวัน
นับแต่วันนี้ (ที่ 9 ธันวา 55) เพื่อให้ทันภายใน 3 มกรา 56<br /> <br />
ในที่สุด คำมั่นสัญญาที่เคยให้ไว้ ก็จะสำเร็จตามจิตประสงค์
มหาอาณาจักรแอตแลนตีส ที่เคยจมหายไปร่วม 13,000 ปี
จะได้มีโอกาสโผล่ขึ้นมาอวดโฉมอีกครั้ง พื้นที่มหาสมุทรแอตแลนติค
จะกลายเป็นพื้นดินขึ้นมาใหม่ ส่วนที่เคยเป็นพื้นดินในทวีปอเมริกา อัฟริกา
ยุโรป และ เอเชียหลายส่วน จะกลายเป็นผืนน้ำที่ถาวรใน 13,000
ปีต่อจากนี้ไป<br /> <br />
สิ่งเตือนใจ คือ อายุขัยของมนุษย์ และ สัตว์ นั้นแสนจะสั้น
มีอายุได้อย่างมากเฉลี่ยแล้วประมาณ 100 ปีเป็นอย่างมาก
หากยังดับกิเลสได้ไม่หมดสิ้น ท่านย่อมจุติ หรือ ตายไป แล้วไปปฏิสนธิ
หรือ ไปเกิด หรือ อุบัติบังเกิดในภพภูมิต่างๆ เวียนว่ายตายเกิดต่างภพ
ต่างภูมิ ตามผลกรรมของตน หรือ
ผลของการกระทำที่เคยสร้างไว้ในครั้งยังมีชีวิตอยู่ และถ้าหากไม่เคยฝึกจิต
คงไม่สามารถรู้ถึงเหตุและผล ของการตกอยู่ในสังสารวัฏ
และการวนรอบของปรากฏการณ์ทุกอย่างได้
จึงมักจะเชื่อเฉพาะสิ่งที่รู้ได้ด้วยสมอง และ
สัมผัสต่างๆด้วยตนเองเท่านั้น <br /> <br />
ทั้งๆที่ความจริงที่มีอยู่ในโลกของเรานั้น
ทุกคนเชื่อในสิ่งที่มองไม่เห็น แต่ก็เชื่ออย่างสนิทใจว่ามี เช่น มีลม
มีอากาศ มีคลื่นวิทยุ มีคลื่นโทรทัศน์ มีคลื่นโทรศัพท์
มีรังสีเอ็กซเรย์ มีรังสีแกรมม่า มีรังสีแอลฟ่า มีแสงอุลตราไวโอเล็ต
ฯลฯ แต่ ถามจริงๆเถอะว่า มีใครมองเห็นสิ่งต่างๆตามตัวอย่างเหล่านี้บ้าง
แม้จะมองไม่เห็น ทุกคนที่มีความรู้ ก็ย่อมเชื่ออย่างสนิทใจว่ามีอยู่จริง
แต่ ในเรื่องพลังจิต กับถูกปฏิเสธว่า ไม่มีอยู่ จริง<br /> <br />
เรื่องของจิต และ พลังจิตของแต่ละท่านนั้น เป็นเรื่องที่มีอยู่จริง
แต่มีมากน้อยแตกต่างกันเท่านั้น ท่านที่ไม่เคยมีพลังจิต หรือ
มีเพียงน้อยนิด โปรดอย่าปรามาส หรือ
สบประมาทครูบาอาจารย์ที่ท่านมีพลังจิตที่เหนือกว่า เข้าทำนองว่า
“ไม่เชื่อ ก็อย่าลบหลู่" แต่ ก็มิได้บังคับให้ท่านต้องเชื่ออย่างงมงาย <br /> <br />
เพียงแต่เรื่องใดที่ท่านไม่มีฐานความรู้ หรือ
ไม่มีองค์ความรู้ในเรื่องนั้นๆมาก่อน ก็อย่าด่วนปฏิเสธทันที หรือ
ดูหมิ่นความรู้ของผู้อื่น ที่นำเรื่องราวมาบอกกล่าวตักเตือน
โปรดทำการศึกษาและติดตาม ทดลองและลงมือปฏิบัติ สักวันหนึ่งในอนาคต
ท่านอาจได้พบความจริง เพียงแต่ หากลังเล หรือ ล่าช้าในการลงมือปฏิบัติ
ในวันที่ท่านยอมรับความจริงนั้น อาจเป็นวันสุดท้ายของชีวิตท่านก็ได้
เข้าทำนองว่า “ไม่เห็นโลงศพ ก็ไม่หลั่งน้ำตา”<br /> <br />
ขอให้ท่าน และ ครอบครัวของท่าน มีสติในทุกสถานการณ์ มีความปลอดภัย
รอดพ้นจากความทุกข์ยากลำบากในช่วง 42 วันดังกล่าว
เพื่อจะได้มีชีวิตในยุคพลังงานใหม่ที่ดี ที่ผู้คนมีจิตใจที่ดีงาม
มีศีลธรรมสูง และ ขั้วโลกได้เปลี่ยนเป็นขั้วตะวันออก-ตะวันตก
แทนขั้วเหนือ-ใต้<br /> <br /> <span style="font-size: large;"><b><span style="color: blue;">ด้วยความปรารถนาดี จาก นายมงคล กริชติทายาวุธ </span></b></span><br />
อดีต Senior Vice President บมจ.ธนาคารกรุงไทย และ
ผู้อำนวยการหลักสูตรวิปัสสนากรรมฐาน เจ้าของเว็บไซต์ mongkoldham.com
และ ที่ปรึกษาสมาคมค้นคว้าทางจิตแห่งประเทศไทย ฯลฯ ผู้รวบรวม
และเรียบเรียงอย่างกระทันหัน<br />
<br />
<span style="font-size: large;"><b><span style="color: red;">โหลดไฟล์ของอาจารย์มงคลได้ในลิ้งค์ด้านล่าง</span></b></span><br /> <br />
ไฟล์แนบข้อความ<br />
ชนิดของไฟล์: <a href="http://files.palungjit.com/attachment.php?attachmentid=2392085&d=1355064422" target="_blank">3 มค- 14 กพ 56 อาจจะไม่มีการเดินทาง และไม่มีการทำงานบนโลก</a> <br />
<br />
ขอขอบคุณที่มาจาก <a href="http://board.palungjit.com/">http://board.palungjit.com</a><div class="blogger-post-footer">ด้วยความปรารถนาดีจาก...บล็อกเตือนภัยพิบัติโลก</div>Anonymoushttp://www.blogger.com/profile/09362385019399728087noreply@blogger.com1กรุงเทพมหานคร ประเทศไทย13.7522222 100.493888913.505449200000001 100.17803190000001 13.9989952 100.8097459tag:blogger.com,1999:blog-5294450998007589243.post-59757246023927474662012-12-07T23:36:00.000+07:002012-12-07T23:36:11.612+07:00คำบอกกล่าวเรื่องภัยพิบัติ จากหลวงพ่อสุมโน ภิกขุ<b></b><br /> <br />
<div align="center">
<img alt="" border="0" src="http://files.palungjit.com/attachment.php?attachmentid=2377809&stc=1&d=1354291884" /></div>
<br /> <b><u><span style="color: blue;">ณคอนสะหวัน</span></u></b> สมาชิก<br /> <br />
ขออนุญาตเผยแพร่คำบอกกล่าวเรื่องภัยพิบัติ จากหลวงพ่อสุมโน
ภิกขุ(หลวงพ่อเพชร) แห่งสำนักป่าอรัญวาสี 1 (เพชรบูรณ์) สำนักป่าอรัญวาสี 2
(กาญจนบุรี) ถ้าท่านใดสนใจติดตามได้ที่เฟสบุ๊คของท่านที่ลูกศิษย์จัดทำขึ้น
และมีตารางการสอนมโนมยิทธิในแต่ละเดือนของหลวงพ่อด้วยค่ะ<br /> <br /> <b><span style="color: blue;">เมล็ดธรรมจากขุนเขา ตอน ภัยพิบัติ </span></b><br /> <span style="color: red;">(กรุณาใช้วิจารณญาณในการอ่าน)</span> <br /> <br />
ลูกศิษย์ : หลวงปู่ครับผมขออนุญาตถามนอกเรื่อง เรื่องภัยพิบัติอะไรแบบเนี่ย <br /> <br />
หลวงปู่ : อืม เอาอย่างนี้นะ แต่ข้าไม่รู้ว่าเมื่อไหร่
เดี๋ยวเอ็งไปที่สำนักข้าที่เพชรบูรณ์ สำนักข้าที่เมืองกาญเนี่ย ทำไมหนอ?
หลวงพ่อถึงสร้างวัดอยู่ในที่สูงอย่างนี้ แล้วศาลาอะไรก็ใหญ่โตมโหฬารจุคนได้
400-500 คน และก็เป็นวัดป่า
ทำไมข้าบ้าสร้างศาลาอาคารแต่ละหลังเนี่ยไม่ใช่หลังเล็กๆ ข้าสร้างไว้ทำอะไร?
ที่ข้าทำอย่างนั้น ข้าไม่ได้ทำโดยพลการ องค์สมเด็จเป็นองค์สั่งให้ข้าทำ
ข้าก็ทำ แล้วก็ ภัยพิบัติเนี่ย มีแน่นอน 100% ลูกเอ้ย
แต่คนดีที่มีศีลมีธรรมจะรอด บุคคลชั่วมันจะจมน้ำตายห่ากันหมด เพราะอะไร?
มันห่วงสมบัติ มันมัวแต่จะไปเอาของอันนั้นออก เอาอันนี้ออก น้ำตูมมา ตาย! <br /> <br />
ลูกศิษย์ : ใช่ หนูก็เป็น (หัวเราะ) เพราะว่าตอนน้ำท่วมลำลูกกา
หนูไปแบกตู้เย็นมาก่อนเลยอ่ะ (หัวเราะ) ไม่ มันเป็นสิ่งเดียวที่แบบว่ามัน
(เหลืออยู่) อืมครับ <br /> <br />
หลวงปู่ : ความจริงเนี่ย มึงน่าจะไปงัดเสาปูนแบกออกไป <br /> <br />
ลูกศิษย์ : หลวงปู่บอกว่าถ้ามีข่าวซึนามิเกิดที่ไหนนะครับหลวงปู่ <br /> <br />
หลวงปู่ : ถ้าได้ยินข่าวว่าน้ำมันเริ่มท่วมสมุทรปราการนะ
จงรีบออกจากกรุงเทพให้เร็วที่สุด อย่าห่วงอะไรทั้งสิ้น
น้ำมันรถเติมไว้ให้เต็ม ทั้งแก๊สทั้งน้ำมัน
แล้วตีรถออกนอกกรุงเทพให้เร็วที่สุด
ถ้าจังหวัดกาญฯคิดว่ามันใกล้ดิ่งไปหาข้า
ถ้าอยู่ใกล้เพชรบูรณ์ไปสำนักเพชรบูรณ์ รับรองที่เพชรบูรณ์
ถ้าน้ำมันท่วมภูเขาลูกนั้นก็ กูก็ช่วยอะไรไม่ได้แล้ว <br /> <br />
แล้วก็ปักษ์ใต้นี่ วัดหลวงปู่ทวดวัดช้างไห้ที่ปัตตานีอ่ะนะ
มันจะเหลือเป็นเกาะ เกาะก็ไม่ใหญ่โตเท่าไหร่หรอก
ที่เหลือเป็นเกาะนั้นก็เพราะบารมีหลวงปู่ทวด
เหลือเป็นแผ่นดินเป็นเกาะอยู่เท่านั้น
ไม่ใหญ่โตอะไรมากมายจะเหลือเฉพาะที่วัดเท่านั้น นอกนั้นน้ำทะเลซัดหายหมด
อินโดนีเซีย มาเลเซีย ภาคใต้ประเทศไทย น้ำเนี่ยนะ นู้นน่ะนะ สระบุรีนู้น <br /> <br />
เอาอย่างนี้ดีกว่านะ เรือรบมันจะวิ่งอยู่บนยอดตึกใบหยก
แล้วผู้คนจะตายไม่ใช่น้อยๆ แต่คนดีมีศีลมีธรรมรอด ไม่ตาย
คนเหี้ยทั้งหลายแหล่รับรองไม่รอด เพราะเค้าล้างคนชั่ว ข้าก็พูดแบบนี้แหละ
ตามภาพที่ข้าเห็น เกิดแน่ แต่ข้าไม่รู้ว่าเมื่อไหร่
อยากจะรู้ไหมว่าเมื่อร้อยล้านปีที่แล้วอ่ะ ทะเลมันไปอยู่ตรงไหน?
รู้จักภูกระดึงไหม? รู้จักเขาวงพระจันทร์ไหม?
ทำไมเปลือกหอยทะเลอยู่บนเขาวงพระจันทร์
แล้วทำไมเปลือกหอยทะเลอยู่บนยอดเขาภูกระดึง ทะเลทั้งนั้น
ที่เรานั่งกันอยู่นี้มันท้องทะเลนะ น้ำทะเลมัน แห้งไปๆ
ก็กลายเป็นแผ่นดินให้เราอยู่กัน ... <br /> <br />
จบ..ดูเพิ่มเติม <a href="https://www.facebook.com/luangpoo" target="_blank">https://www.facebook.com/luangpoo</a> <br /> <br /> <span style="color: red;">หลวง
พ่อไม่ได้บอกว่าจะเกิดเมื่อไหร่แต่ก็เป็นที่น่าสังเกตุ
ที่ท่านบอกว่าถ้าได้ยินข่าวว่าน้ำท่วมสมุทรปราการให้รีบออกจากรุงเทพฯ ทันที
ตรงนี้น่าจะเป็นสัญญาณเตือน </span><br /> <br />
ขอฝากกระทู้บอกบุญสร้างห้องพักและห้องน้ำ สำหรับผู้ปฎิบัติธรรมที่สำนักป่าอรัญวาสี 2 ด้วยจ้า <br /> <a href="http://board.palungjit.com/f105/%E0%B8%9C%E0%B8%A5%E0%B8%9A%E0%B8%B8%E0%B8%8D%E0%B8%A1%E0%B8%AB%E0%B8%B2%E0%B8%A8%E0%B8%B2%E0%B8%A5-%E0%B9%80%E0%B8%8A%E0%B8%B4%E0%B8%8D%E0%B8%A3%E0%B9%88%E0%B8%A7%E0%B8%A1%E0%B8%97%E0%B8%B3%E0%B8%9A%E0%B8%B8%E0%B8%8D%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B8%A7%E0%B8%87%E0%B8%9B%E0%B8%B9%E0%B9%88%E0%B8%AA%E0%B8%B8%E0%B8%A1%E0%B9%82%E0%B8%99-%E0%B8%A0%E0%B8%B4%E0%B8%81%E0%B8%82%E0%B8%B8-%E0%B8%9E%E0%B8%B6%E0%B9%88%E0%B8%87%E0%B8%AD%E0%B8%AD%E0%B8%81%E0%B8%88%E0%B8%B2%E0%B8%81%E0%B8%99%E0%B8%B4%E0%B9%82%E0%B8%A3%E0%B8%98%E0%B8%AA%E0%B8%A1%E0%B8%B2%E0%B8%9A%E0%B8%B1%E0%B8%95%E0%B8%B4-13-%E0%B8%97%E0%B8%B4%E0%B8%A7%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%95%E0%B8%A3%E0%B8%B5%E0%B8%88%E0%B9%89%E0%B8%B2-333788.html" target="_blank">ผลบุญมหาศาล เชิญร่วมทำบุญหลวงปู่สุมโน ภิกขุ พึ่งออกจากนิโรธสมาบัติ 13 ทิวาราตรีจ้า</a><br />
<br />
ที่มา: <a href="http://board.palungjit.com/">board.palungjit.com</a><br />
<br /><div class="blogger-post-footer">ด้วยความปรารถนาดีจาก...บล็อกเตือนภัยพิบัติโลก</div>Anonymoushttp://www.blogger.com/profile/09362385019399728087noreply@blogger.com1กรุงเทพมหานคร ประเทศไทย13.7522222 100.493888913.505449200000001 100.17803190000001 13.9989952 100.8097459tag:blogger.com,1999:blog-5294450998007589243.post-92205498317570115212012-09-15T22:38:00.001+07:002012-09-15T22:38:08.435+07:00ขั้นตอนการเปลี่ยนแปลง ทางกายภาพโลกจากดาวถ่วงดุล (เนบิรุ)<span style="color: black;">องค์ความรู้ ของ พระอาจารย์รัตน์ รตนญาโณ
เกี่ยวกับเรื่องภัยพิบัติที่อาจจะเกิดขึ้นในปลายปี พ.ศ. 2555 นั้น
มีรายละเอียดแทบทุกอย่างเหมือนกับความรู้ที่ปรากฏอยู่ในกระทู้ของคุณลุงคน
เชียงใหม่ ในเว็บพลังจิต</span> (<a href="http://board.palungjit.com/%E0%B8%9A%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%97%E0%B8%B6%E0%B8%81%E0%B8%82%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%84%E0%B8%B8%E0%B8%93%E0%B8%A5%E0%B8%B8%E0%B8%87%E0%B8%84%E0%B8%99%E0%B9%80%E0%B8%8A%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%87%E0%B9%83%E0%B8%AB%E0%B8%A1%E0%B9%88%E0%B8%96%E0%B8%B6%E0%B8%87%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B9%86-%E0%B9%80%E0%B8%A3%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%A0%E0%B8%B1%E0%B8%A2%E0%B8%9E%E0%B8%B4%E0%B8%9A%E0%B8%B1%E0%B8%95%E0%B8%B4-311084.html" target="_blank">เว็บบอร์ด พลังจิต ดอทคอม</a>) <br /> <br /> <span style="color: black;">ซึ่ง
ให้ข้อมูลโดย “คุณวิกรม หลานของพระคุณลุง” และหลายท่านคงพร้อมที่จะเชื่อ
เพื่อรักษาชีวิตของตนเองและครอบครัว ฉะนั้น
หากมีความเชื่อแล้วควรเจาะลึกลงไปในหลายๆ รายละเอียด หาข้อมูล เหตุ และผล
ของการเกิดขึ้น ตั้งอยู่ และสลาย ของแต่ละเหตุการณ์อย่างถี่ถ้วน รอบคอบ</span><br /> <br /> <span style="color: black;">องค์
ความรู้ของ พระอาจารย์รัตน์ รตนญาโณ
ได้กล่าวถึงมหันตภัยโลกครั้งใหญ่ที่จะเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้นี้ว่า
เป็นปรากฏการณ์ของการเปลี่ยนแปลงทางกายภาพของโลก ที่เกิดขึ้นเป็นธรรมดา
เมื่อเวียนมาครบรอบ 13,000 ปี นั่นหมายความว่าเมื่อกาลเวลาผ่านไปประมาณ
13,000 ปี โลกเราจะมีการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างกายภาพใหม่กันอีกครั้ง </span><br /> <br /> <span style="color: black;">และ
เป็นเช่นนี้เสมอ ไม่ใช่เป็นเหตุการณ์ประหลาด
และจำเพาะจะต้องเกิดขึ้นในยุคนี้เท่านั้น
มหันตภัยที่จะเกิดขึ้นเปรียบเหมือนกับการรื้อบ้านหลังเก่าทิ้ง
เพราะใช้อยู่อาศัยมานาน จนเสา พื้น ฝ้า เพดาน หลังคา ผุ รั่ว
เกินความสามารถที่จะซ่อมแซมให้ดีได้ดังเดิม
การรื้อและสร้างใหม่จึงเป็นทางออกที่ดีที่สุด</span><br /> <br />
<a name='more'></a> <b><span style="color: purple;">ผู้ที่จะก้าวผ่านการเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ในแต่ละครั้ง ต้องอาศัย “แสงสว่าง” ซึ่งมีอยู่ 2 ชนิด</span></b><br /> <br /> <span style="color: black;">1.
แสงแห่งธรรม หมายถึง การบรรลุธรรม
บุคคลผู้สามารถเข้าถึงแสงสว่างของจิตได้แล้ว บุคคลผู้นั้นย่อมพ้นทุกข์
ก้าวผ่านมหันตภัยครั้งยิ่งใหญ่นี้ได้อย่างแน่นอน</span><br /> <br /> <span style="color: black;">2.
แสงสว่างที่ปลายทางรอด เป็นเทคนิคของการแสวงหาทางรอดของครู อาจารย์ ผู้รู้
แต่ละท่าน ที่จะช่วยเหลือลูกศิษย์ ด้วยการให้ปัญญา แนวทางเพื่อรักษาชีวิต
และการอยู่รอด ด้วยวิธีการที่แตกต่างกันตามความชำนาญ ความเป็นเลิศ
ของแต่ละองค์ แต่ละท่าน สำหรับพระอาจารย์รัตน์ รตนญาโณ ท่านได้แนะนำการใช้
“พลังพีระมิด” มาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2540 </span><br /> <br /> <span style="color: black;">นับ
เป็นเวลาร่วม 15 ปีแล้วที่พระอาจารย์รัตน์ รตนญาโณได้บอกถึง “เหตุ”
การเปลี่ยนแปลงของระบบสุริยจักรวาลมาโดยตลอด และ “เหตุ”
สุดท้ายของการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้
เกิดจากการเรียงตัวของดาวทุกดวงในสุริยจักรวาล รวมทั้งดาวอาคันตุกะ
จากนอกระบบสุริยจักรวาล ซึ่งเดินทางมาเยือนในทุกๆ รอบ 13,000 ปี </span><br /> <br /> <br />
<div align="center">
<img alt="" border="0" src="http://yowusa.com/planetx/2001/planetx-2001-01a/image006.jpg" /></div>
<br /> <span style="color: black;">ดาว
อาคันตุกะดวงนี้มีมวลขนาดใหญ่มาก ใหญ่กว่าดาวพฤหัสหลายเท่าตัว
เป็นดาวเคราะห์สีแดงลักษณะกลมรี คล้ายลูกรักบี้
และในอนาคตจะโคจรเข้ามาเรียงตัวอยู่ติดกับโลกของเราเลยทีเดียว</span><br /> <br /> <span style="color: black;">ปรากฏการณ์
เรียงตัวของดวงดาว 12 ดวงนี้ จะเกิดขึ้นตั้งแต่วันที่ 21 ธ.ค. 55 – 14 ก.พ.
56 ซึ่งหมายความว่า ในช่วงเวลาดังกล่าว พลังงาน แรงดึงดูด จากดาวทุกดวง
จะมีมากที่สุด จนถึงขั้นสามารถทำให้แกนขั้วโลกจากทิศเหนือ-ใต้
พลิกเปลี่ยนเป็นชี้ไปทางทิศตะวันออก-ตะวันตก และ
ในอนาคตเราจะเห็นดวงอาทิตย์ขึ้นทางทิศตะวันตกแทนทิศตะวันออก</span><br /> <br /> <span style="color: black;">ขอ
เรียนย้ำอีกครั้งว่า
การเปลี่ยนแปลงทางกายภาพของโลกจนถึงขั้นเปลี่ยนขั้วโลกใหม่ได้นั้น
ไม่ได้จำเพาะว่าจะต้องเกิดขึ้นในวันที่ 21 ธ.ค. 55 เพียงวันเดียว
แต่สามารถเกิดขึ้นได้ทุกวัน ระหว่างวันที่ 21ธ.ค.55 จนถึงวันที่ 14ก.พ.56
(56วัน) กำหนดวันเกิดเหตุที่แน่นอน พระอาจารย์รัตน์ รตนญาโณ
จะติดตามและสังเกตการเปลี่ยนแปลงของพลังงานอย่างต่อเนื่อง
จึงจะสามารถระบุวันเกิดเหตุได้อย่างแม่นยำอีกครั้ง </span><br /> <br /> <span style="color: black;">แต่
ในอนาคตเมื่อใกล้กับวันเกิดเหตุการณ์จะมีสิ่งบอกเหตุที่สำคัญคือ
หากมองขึ้นไปบนท้องฟ้าด้านทิศเหนือ
มนุษย์จะเห็นว่าตำแหน่งของดาวเหนือเปลี่ยน
ราวกับว่าอยู่ไกลออกไปมากกว่าแต่ก่อน
จึงพลอยทำให้แสงสว่างของดาวเหนือลดลงด้วย
ทั้งๆที่ในความเป็นจริงแล้วดาวเหนือยังคงอยู่ที่เดิม
แต่แกนขั้วโลกต่างหากที่กำลังเปลี่ยนทิศ
ซึ่งสื่อความหมายว่าขั้วโลกพร้อมแล้วที่จะเปลี่ยนขั้วจากเหนือ-ใต้
เป็นขั้วตะวันออก-ตะวันตก</span><br />
<br />
<span style="color: black;"><b><span style="color: blue;"><span style="font-family: Arial;"><span style="font-size: medium;"><span style="color: darkorchid;">แ</span></span></span><span style="font-size: medium;"><span style="color: black;"><span style="font-family: arial;"><span style="color: deepskyblue;"><b><span style="color: darkorchid;">สงสว่างที่ปลายทางรอด : พลังพีระมิด</span></b></span></span></span></span></span></b><span style="color: blue;"><span style="color: black;"><span style="color: deepskyblue;"><br /> </span></span></span> <br />
พระอาจารย์รัตน์ รตนญาโณ
ได้เผยแพร่ความรู้ของชาวแอตแลนตีสเกี่ยวกับการใช้พลังพีระมิด
ด้วยจุดมุ่งหมายหลักที่สำคัญคือเป็นการเตรียมความพร้อม
ให้มนุษย์รู้จักการปรับโครงสร้างเซลล์
เนื่องจากทั้งในภาวะก่อนจะเกิดมหันตภัยอย่างน้อย 5 ปี
ซึ่งเป็นช่วงการเกิดวิกฤตพลังงานจากพายุสุริยะ และ
ช่วงเวลารับผลกระทบสูงสุดจากพลังงานย้อนกลับซึ่งเป็นพลังงานลบจาก
กาแลคซี่อันโดรเมดาในวันที่เปลี่ยนชะตาดาวเคราะห์โลก
ที่เปลี่ยนขั้วโลกจากทิศเหนือภายใต้แรงดึงดูดของกาแลคซี่ทางช้างเผือก
เข้าสู่ขั้วโลกตะวันออกภายใต้แรงดึงดูดของกาแลคซี่ไตรแองกุลัม
เป็นเวลาประมาณ 13,000 ปี<br /> <br />
ในทั้งสองช่วงเวลาที่กล่าวมา
มนุษย์จะได้รับพลังงานเสียเข้าสู่ร่างกายจากปริมาณน้อยไปหามากตามลำดับของ
วิกฤตพลังงาน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในช่วงการย้อนกลับของพลังงานลบจากกาแลคซี่
อันโดรเมดาที่ส่งแรงปะทะอย่างมหาศาล พุ่งเข้าหาพลังงานบวกของดวงอาทิตย์
ทำให้จุดดับใน ดวงอาทิตย์เกิดการระเบิดอย่างรุนแรง และ
ทวีความถี่มากยิ่งขึ้นตามลำดับ
โลกเป็นแหล่งรับมวลสารพิษและพลังงานแม่เหล็กโลกที่มีค่าเป็นลบซึ่งเกิดจาก
ปฏิกิริยาดวงอาทิตย์ และส่งไปถึงดวงจันทร์
ตามลักษณะของแรงดึงดูดระหว่างดวงดาวที่มีต่อกัน <br /> <br />
ในเส้นทางการย้อนกลับของแรงดึงดูดจากดวงจันทร์มายังโลกอีกครั้งเช่นนี้
โลกได้รับโมเลกุลสีแดงอมม่วงของน้ำจากดวงจันทร์ซึ่งมีมวลที่หนักกว่าน้ำใน
โลก
และโมเลกุลสีแดงอมม่วงเหล่านี้จะแทรกซึมลงในทุกส่วนของโลกที่มีน้ำเป็นองค์
ประกอบ เช่น ถ้ารวมตัวกับเมฆฝน
จะทำให้มีฝนตกหนักอย่างต่อเนื่องโดยเฉพาะแถบชายทะเล จนทำให้ฤดูกาลเปลี่ยน
คือมีแต่ฤดูฝน ไม่มีฤดูหนาว ถ้าฝังตัวลงในน้ำ จะสามารถ ยก ดัน
น้ำให้สูงขึ้น <br /> <br />
จึงเป็นสาเหตุทำให้พื้นที่ริมชายทะเลมีน้ำท่วมสูง
ซึ่งการท่วมสูงเช่นนี้มิได้เกิดจากการหนุนของน้ำทะเล
หากโมเลกุลสีแดงอมม่วงเหล่านี้แทรกซึมเข้าสู่เซลล์ที่ประกอบด้วย น้ำ เลือด
และน้ำเหลือง ทำให้มนุษย์มีปัญหาด้านสุขภาพ
เป็นสาเหตุของความเจ็บป่วยที่รักษาได้ยากยิ่งขึ้น เริ่มจากอาการปวด เมื่อย
ถ้าไปถึงสมองจะมีอาการมึนงง หากปริมาณโมเลกุลของน้ำเพิ่มมากขึ้น
จะมีอาการท้องเสีย ท้องเดิน เรื้อรัง รักษาไม่หายขาด
และในที่สุดเซลล์จะเน่า
เป็นการเน่าจากภายในเนื้อเยื่อก่อนและเน่าลามออกมาที่ผิวหนังออกสีแดงอมม่วง
<br /> <br />
(องค์ความรู้ของพระอาจารย์รัตน์ รตนญาโณ แนะนำการใช้หลอดแกนพีระมิด
ชนิดเจาะ 4 รู
เพื่อดึงพลังปราณช่วยดันและละลายโมเลกุลน้ำสีแดงอมม่วงจากดวงจันทร์ออก
จากร่างกาย) ยิ่ง ไปกว่านั้น หากโครงสร้างเซลล์ มืด ดำ คล้ำ ร่างกาย
จะดูดซับสารพิษจากพลังงานเสียได้มากและรวดเร็วกว่า
ทำให้เสียชีวิตได้เร็วเกินคาด
สำหรับบุคคลที่เคยฝึกจิตเรียนรู้หลักธรรมของศาสนา (ทาน ศีล สมถกรรมฐาน
วิปัสสนากรรมฐาน)
และรู้หลักการใช้พลังพีระมิดจะได้รับผลพลอยได้อย่างยิ่งยวด <br /> <br />
คือ ได้ทำความสะอาด ฟอก และซ่อมแซมเซลล์อยู่เป็นประจำ
กระทั่งกลายเป็นเซลล์ใส จึงดูดซับสารพิษได้น้อย และยังสามารถพื้นฟูเซลล์
ดันสารพิษเหล่านั้น ออกจากร่างกายได้อย่างรวดเร็ว
จึงยังคงรักษาชีวิตให้รอดอยู่ได้ และในครานี้มนุษย์บางคน บางกลุ่ม
จะรู้ซึ้งถึงอานิสงส์ของแสงสว่างแห่งธรรม สำหรับผู้ที่ยังไม่เข้าถึง “ธรรม”
คงต้องอาศัยแสงสว่างจากพลังมโนธาตุในพีระมิดของพระอาจารย์รัตน์ รตนญาโณ <br /> <br />
ช่วยให้พลังดุจดังเกราะกำบังประคองจิตให้เป็นปกติ
ไม่เสียสติไปกับความโหดร้ายรุนแรงของภัยธรรมชาติที่เกิดขึ้นในเวลาเดียวกัน
หลายอย่าง แต่ละอย่างล้วนแต่ไม่เคยเจอมาก่อน เช่น แผ่น ดินไหวอย่างรุนแรง
เสียงแผดร้อง คำรามอย่างบ้าคลั่งของฟ้า ลมพายุ
แผ่นน้ำแข็งที่เกิดจากคาร์บอนมอนนอกไซด์ หล่นจากฟากฟ้า และในท้ายที่สุดคือ
การเกิดน้ำท่วมใหญ่กวาดล้างสรรพสิ่งโสโครก ปฏิกูล
ผลพวงจากโลกใบเก่าทิ้งไปกับน้ำ ถึงจุดสิ้นสุดวิวัฒนาการที่เกิดจากน้ำมัน
หรือฟอสซิลดำ <br /> <br />
มนุษย์จะมีวิถีชีวิตที่เรียบง่ายไม่มีการใช้อุปกรณ์ใดๆ ที่เกี่ยวเนื่องด้วย
“ไฟฟ้า” อาศัยอยู่ในบ้านหลังใหม่ที่สร้างเสร็จสมบูรณ์
เต็มเปี่ยมไปด้วยพลังงานดี จิตใจโอบอ้อมอารี แบ่งปันกันใช้ เงินตราหมดค่า
และเริ่มมีวิวัฒนาการใหม่ไปตามลำดับ โดยเน้นเรื่องของ “จิต” เป็นหลัก
กล่าวได้ว่าเป็นอีกยุคสมัยหนึ่งที่การฝึกปฏิบัติธรรมจะกลับมาเฟื่องฟู
มนุษย์จะได้ศึกษา ปฏิบัติตามแก่นธรรมที่แท้จริงของพระพุทธองค์
เนื่องจากมีความเหมาะสมหลายๆอย่างเป็นองค์ประกอบ เช่น พลังงานปราณ
พลังมโนธาตุ สมบูรณ์ เหลือแต่ผู้มีศีลธรรม ไม่ต้องดิ้นรนแสวงหาทรัพย์
อากาศเย็นสบาย เพราะขั้วโลกเปลี่ยนทิศ
ประเทศไทยจึงอยู่ในเขตอบอุ่นไม่ใช่เขตร้อน ดังแต่ก่อน ฯลฯ</span><br />
<br />
<span style="color: black;"><b><span style="font-size: medium;"><span style="color: blue;">วิธีป้องกันและแก้ไข</span></span></b><br /> <br />
มนุษย์มีหลายทางเลือกเพื่อรักษาชีวิต องค์ความรู้ของ พระอาจารย์รัตน์
รตนญาโณ เสนออีกหนึ่งทางเลือก
เพื่อถนอมรักษาชีวิตที่มีค่าไว้ด้วยวิธีปฏิบัติตัวตลอดช่วงเวลา 3 วัน 3 คืน
วาระแห่งการปรับโครงสร้างของโลก และสุริยจักรวาล
ซึ่งมีผลสืบเนื่องมาจากสาเหตุ 2 ประการ คือ การทำหน้าที่ของ ดาวถ่วงดุล และ
การเรียงตัวของดาวทั้ง 12 ดวง ผนึกพลังงานบวกอัดแน่นเข้าด้วยกัน <br /> <br />
เมื่อพลังงานรวมตัวจนถึงอัตราสูงสุด จะเกิดการรีดตัวเป็นเส้นตรง
พุ่งออกจากกาแลคซี่ทางช้างเผือก ไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ
ตรงเข้าหาพลังงานลบของกาแลคซี่อันโดรเมดา
ซึ่งมีขนาดใหญ่กว่ากาแลคซี่ทางช้างเผือกหลายพันเท่าการ
พุ่งปะทะของพลังงานบวกกับพลังงานลบ
และการพลิกวงโคจรของดาวถ่วงดุลในครั้งนี้ ทำให้เกิดปรากฏการณ์ของ แสง เสียง
การสั่นไหว และน้ำในโลก ดังรายละเอียดต่อไปนี้<br /> <br /> <b><span style="color: blue;">1.
ในเวลาประมาณบ่ายสามโมง (15.00 น.) จะมีแสงสว่างวาบมาจากท้องฟ้า
เป็นแสงมหัศจรรย์ มีประกายเจิดจ้าอย่างไม่มีประมาณ ไร้สิ่งเปรียบเทียบ
เพราะเป็นแสงที่เกิดจากการปะทะ พุ่งชน
เสียดสีของพลังงานบวกกับพลังงานลบจากสองกาแลคซี่ ทั้งดาวเคราะห์ ดาวฤกษ์
ต่างได้รับแสงสว่างนี้ถ้วนทั่วกัน รวมทั้งมนุษย์ในโลก
เสียงโจษขานอึงคะนึงจากกลุ่มคนทั่วทิศทาง ถามไถ่กันขรมว่าเป็นแสงอะไร
หากได้ยินเช่นนี้แล้วให้รีบหลับตาหลบอยู่ในที่พักอาศัย
ไม่ต้องติดตามมวลชนออกไปเพื่อหาต้นกำเนิดของแสงบาดตา
ที่มีอานุภาพทำให้ตาบอดได้ทันที</span></b><br /> <br /> <b><span style="color: darkgreen;">2.
ถัดมาในตอนกลางคืนเวลาประมาณสามทุ่ม ( 21.00น. )
ถึงวาระที่ดาวอาคันตุกะหรือดาว ถ่วงดุลจะได้ทำหน้าที่ถ่วงดุลโดยมิได้ตั้งใจ
หากแต่เป็นเพราะ ถึงเวลาต้องโคจรออกจากระบบ สุริยจักรวาลแล้ว
ดาวถ่วงดุลจึงโคจรเคลื่อนที่ออกจากแนวเรียงตัวทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ
เข้าสู่วงโคจรเดิม คือมุ่งหน้าไปทางทิศตะวันออก
ด้วยมวลขนาดมหึมาและเข้ามาเรียงชิดติดกับโลกซึ่งเป็นดาวเคราะห์ที่มีขนาด
เล็กกว่ามาก จึงส่งอิทธิพลแรงดึงดูดอย่างมหาศาลต่อโลก สามารถ ดึง เบียด และ
พลิกแกนขั้วโลกที่ชี้ทิศเหนือ ให้หันไปทางทิศตะวันออกได้ทันที</span></b> <br /> <br /> <b><span style="color: darkred;">กระบวน
การ ดีดตัว พลิกตัว ของดาวถ่วงดุล และการพลิกเปลี่ยนทิศของแกนขั้วโลก
ทำให้เกิดเสียงดังกึกก้องกัมปนาท
เป็นพลังงานเสียงที่มีอัตราความดังสูงเกินพิกัด เสียงคำราม แผดก้อง
เขย่าขวัญ เกินประมาณดังมาจากทั่วสารทิศ ทำให้แก้วหูแตกได้ฉับพลัน
จึงควรหาอุปกรณ์สำหรับอุดหูเพื่อป้องกันแก้วหูแตก
หรือขวัญผวาไปกับการได้ยินสรรพสำเนียง แปลกประหลาดที่บาดหู บาดใจ เหล่านั้น</span></b><br /> <br /> <span style="color: navy;"><b>3.
การปะทะกันของพลังงานบวกกับพลังงานลบ ทำให้แสงมีคลื่นความถี่สูง
การพลิกวงโคจรของดาวถ่วงดุลและแกนโลก
ทำให้มีอัตราความดังของเสียงอย่างไม่มีประมาณพุ่งเข้ามาในโลกเต็มชั้น
บรรยากาศ แผ่นดิน ผืนน้ำ แผ่นหินเปลือกโลก
เป็นสาเหตุของการเกิดแผ่นดินไหวอย่างรุนแรง
โลกตกอยู่ในความมืดสนิทอย่างไม่รู้วันรู้เวลา
ถึงนาทีชีวิตที่ต้องพึ่งพลังพีระมิดจากหลอดแกนชนิดเจาะ 4 รู
ซึ่งนอกจากช่วยขับโมเลกุลสีแดงอมม่วงของน้ำจากดวงจันทร์ออกจากร่างกายแล้ว
ในวาระนี้ยังทำหน้าที่เป็นแกนพลังงานให้จิตเกาะเกี่ยว
ไม่เสียสติไปในช่วงที่มีแผ่นดินไหวอย่างรุนแรงเกินมาตรวัด</b></span><br /> <br /> <b><span style="color: darkred;">4.
ถึงเวลาของคลื่นความถี่สูง ที่เกิดจากการปะทะของพลังงานบวกกับพลังงานลบ
รวมทั้งการเกิดแผ่นดินไหวอย่างรุนแรง
จะส่งผลกระทบต่อแผ่นน้ำแข็งที่เกิดจากคาร์บอนมอนนอกไซด์
ซึ่งสามารถแก้ไขและป้องกันโดยใช้พลังพีระมิดจัดเรียงเป็น เครื่องสลาย เมฆ
หมอก ฝน หิมะ (A DEVICE TO MELT CLOUDS, DISINTEGRATE FOG AND THAW SNOW.)
ใช้ประโยชน์ได้ไกลในรัศมีโดยรอบประมาณ 5 กม. เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดฝนตก
ฟ้าผ่า และการหล่นจากท้องฟ้าของแผ่นน้ำแข็งที่เกิดจากคาร์บอนมอนนอกไซด์
กระแทกกระหน่ำซ้ำเติม
ทำให้การเผชิญสถานการณ์ของมวลมนุษยชาติเลวร้ายยิ่งขึ้นอีก</span></b><br /> <br /> <b><span style="color: darkgreen;">5.
เตรียมอาหารเสริมพลังพีระมิด
รัดเก็บติดไว้กับตัวเพื่อประทังชีวิตยามรู้สึกหิว ทานอย่างน้อยวันละ 3 เวลา
ตลอดช่วงเวลา 3 วัน 3 คืน และดื่มน้ำให้มาก
พลังมโนธาตุและพลังปราณในอาหารเสริมพลังพีระมิดเป็นพลังงานละเอียดที่จำเป็น
ต่อการดำรงอยู่ของจิตและกาย ในภาวะคับขันเป็นอย่างยิ่ง
หากเตรียมตัวพร้อมและปฏิบัติตนด้วยความไม่ประมาท
จะสามารถรักษาชีวิตรอดไว้ได้
มีโอกาสเริ่มชีวิตใหม่กันอีกครั้งกับขั้วโลกตะวันออก</span></b><br /> <br />
ตลอดระยะเวลาประมาณ 13,000 ปี ในอนาคตข้างหน้า “พีระมิด”
ซึ่งมีรากฐานมาจากอารยธรรมของชาวแอตแลนตีส
จะถูกนำมาใช้เป็นวิชาหรือศาสตร์พื้นฐานที่สำคัญของวิวัฒนาการทางจิต
หรือวิทยาศาสตร์ทางจิตอีกครั้ง และหากเมื่อถึงปลายยุคหน้า
เมื่อวิทยาศาสตร์ทางจิตเริ่มก้าวสู่จุดอิ่มตัวและจุดเสื่อม
เหตุการณ์การเรียงตัวของกลุ่มดาวในระบบสุริยจักรวาลจะเกิดขึ้นอีกครั้ง
และแกนขั้วโลกตะวันออกจะหันหลับไปหาขั้วโลกทางทิศเหนือ <br /> <br />
เป็นการรื้อบ้านหลังเก่าที่ผุพังทิ้งและสร้างบ้านหลังใหม่กันอีก
สลับไปมาเช่นนี้เป็นรอบๆ ดังความรู้ที่ปรากฏเป็นหลักฐานในปฏิทินมายัน
ซึ่งเป็นปฏิทินทางดาราศาสตร์
ที่บอกเล่ารายละเอียดถึงเหตุการณ์ต่างๆที่จะเกิดขึ้นในช่วงเวลาที่ระบบสุริย
จักรวาลโคจรเคลื่อนที่ผ่านทั้ง 3 กาแลคซี่ในรอบเวลา 1 วันจักรวาล หรือ
26,000 ปี ตามเวลาของโลก<br /> <br />
มนุษย์ในยุคพลังงานน้ำมันนี้ มีโอกาสดีที่ได้ร่วมรับรู้
และมีส่วนร่วมในประสบการณ์ที่ยิ่งใหญ่เกินกว่าจะเรียบเรียงได้ทั้งหมด
เป็นสิ่งที่ทรงคุณค่าแก่การจดจำ จารึก และจะกล่าวขานเป็นตำนานอีกครั้ง
ตามกาลเวลาที่ผ่านไปเนิ่นนาน เฉกเช่นเดียวกับตำนานของมหาอาณาจักรแอตแลนตีส
ที่ล่มสลายไปเมื่อ 13,000 ปีที่ผ่านมา
และทุกท่านคงจะเห็นพ้องต้องกันแล้วว่า “สิ่งใดเกิดขึ้นเป็นธรรมดา
สิ่งนั้นย่อมดับไปเป็นธรรมดา ตามกาละของการเกิดขึ้น ตั้งอยู่ และ สลาย”
วนไปมาเป็นรอบๆ อย่างไม่มีที่สิ้นสุดตลอดไป<br /> <br /> </span><br />
<div align="left">
<span style="color: black;"><span style="color: purple;"><b><span style="font-size: small;">องค์ความรู้ของพระอาจารย์รัตน์ รตนญาโณ </span><span style="font-size: small;">แสงสว่างที่ปลายทางรอด : พลังพีระมิด </span><span style="font-size: small;">เรียบเรียงโดย จีรพันธุ์ ประศาสน์วุฒิ วันที่ 9 พฤศจิกายน พ.ศ.2554</span></b> </span></span></div>
<br /> <span style="font-family: Arial;">ที่มา <a href="http://board.palungjit.com/f178/%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A8%E0%B8%82%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%A7%E0%B9%81%E0%B8%9C%E0%B9%88%E0%B8%99%E0%B8%94%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B9%84%E0%B8%AB%E0%B8%A7-and-%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%84%E0%B8%B2%E0%B8%94%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%93%E0%B9%8C-51734-264.html" target="_blank">http://board.palungjit.com/f178/%E0%...51734-264.html</a></span><div class="blogger-post-footer">ด้วยความปรารถนาดีจาก...บล็อกเตือนภัยพิบัติโลก</div>Anonymoushttp://www.blogger.com/profile/09362385019399728087noreply@blogger.com0กรุงเทพมหานคร ประเทศไทย13.7522222 100.493888913.505449200000001 100.17803190000001 13.9989952 100.8097459tag:blogger.com,1999:blog-5294450998007589243.post-28725803541105583132012-09-15T22:23:00.001+07:002012-09-15T22:23:24.829+07:00"สาส์นเตือนภัย" จากเพื่อนชาวน้ำ<span style="color: #2916d9;"><span style="font-family: Arial;"><span style="font-size: small;"><span style="color: black;">จาก Crop Circle ข้างต้นในเยอรมัน เมื่อปี 2008 ชาวน้ำใน </span></span></span><span style="font-family: Arial;"><span style="font-size: small;"><span style="color: black;">4th</span></span></span><span style="font-family: Arial;"><span style="font-size: small;"><span style="color: black;"> และ 5th Density ได้กรุณามาส่งข่าวอนาคตเกี่ยวกับเหตุการณ์ของโลก ที่ดาวหาง </span></span></span><span style="font-family: Arial;"><span style="font-size: small;"><span style="color: black;">Planet X</span></span></span><span style="font-family: Arial;"><span style="font-size: small;"><span style="color: black;"> ซึ่งกำลังโคจรใกล้เข้ามา และได้เลื้อยมาอยู่ระหว่างโลกและดวงอาทิตย์ บังเส้นแรงสนามแม่เหล็กของดวงอาทิตย์ เกิด</span></span></span><span style="font-family: Arial;"><span style="font-size: small;"><span style="color: black;">ถ้วยเอ๊ดดี้</span></span></span><span style="font-family: Arial;"><span style="font-size: small;"><span style="color: black;">ขนาด
ใหญ่ (ก้ามปูยักษ์) และเมื่อเดือน ธันวาคม 2010 โลก ดาวศุกร์
และดาวคู่แฝดโลก ได้โคจร ลงไปในถ้วยนี้
และไม่สามารถโคจรรอบดวงอาทิตย์ต่อไปได้ จนกว่าจะพ้นออกมาจากคีมยักษ์ของ PX
ที่ส่งสนามแม่เหล็กของตนบีบลงมาที่ดาวทั้ง 3
ดวงในถ้วยเอ๊ดดี้เพิ่มมากขึ้นตลอดเวลา</span></span></span></span><br /> <br /> <span style="color: #2916d9;"><span style="font-family: Arial;"><span style="font-size: small;"><span style="color: black;">กราฟิค
ของชาวน้ำ บ่งบอกล่วงหน้าว่า จะเกิดเหตุรุนแรงโลกย้ายขั้ว ที่ตรงกับปลาย
Trimester ที่ 2 เดือนสิงหาคม ซึ่งพยากรณ์ล่วงหน้าของคุณ Zeta กล่าวไว้ว่า
โลกย้ายขั้วจะเกิดขึ้นก่อน 21 ธ.ค. 2012 เกิดขึ้นในปลาย Trimester ใด
Trimester หนึ่ง </span></span></span></span><br /> <br /> <span style="color: #2916d9;"><span style="font-family: Arial;"><span style="font-size: small;"><span style="color: black;">Trimester
ที่ 2 เป็นช่วงที่สนามแม่เหล็กของดวงอาทิตย์รุนแรงกว่า Trimester อื่นๆอีก
2 ช่วง ปัจจุบัน ( 14 ก.ย. 2554) ล่วงเลยเวลาของเดือนสิงหาคม
ที่โลกได้รับพลังงานสนามแม่เหล็กที่รุนแรงจากดวงอาทิตย์ และจาก PX
ผสมกันไปแล้ว</span></span></span></span><br />
<br />
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<a href="http://api.ning.com/files/buOoothjTGEkWPIBRF9KntDO5IlOGqwneaRD6lMZZk4ng9TKhvpo2OeDwpfsMWlvow2f1BGLBI*ZM5kXqOkR4q-keWVR3I9d/ekki7rG5hI.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" src="http://api.ning.com/files/buOoothjTGEkWPIBRF9KntDO5IlOGqwneaRD6lMZZk4ng9TKhvpo2OeDwpfsMWlvow2f1BGLBI*ZM5kXqOkR4q-keWVR3I9d/ekki7rG5hI.jpg" /></a></div>
<a name='more'></a><div class="wp" style="font-size: 1em; margin: 0px 0px 0.4em; padding-bottom: 0px; padding-left: 0px; padding-right: 0px; padding-top: 0px;">
</div>
<span style="color: #2916d9;"><span style="font-family: Arial;"><span style="font-size: small;"><span style="color: black;"><span class="Apple-style-span" style="-webkit-text-decorations-in-effect: none; -webkit-text-size-adjust: auto; -webkit-text-stroke-width: 0px; background-color: white; color: #333333; font: 13px/12px Georgia, Palatino, 'Palatino Linotype', Times, 'Times New Roman', serif; letter-spacing: normal; orphans: 2; text-align: left; text-indent: 0px; text-transform: none; white-space: normal; widows: 2; word-spacing: 0px;"><span style="text-decoration: underline;"><span style="color: blue;"><span class="Apple-style-span" style="-webkit-text-decorations-in-effect: none; -webkit-text-size-adjust: auto; -webkit-text-stroke-width: 0px; background-color: white; color: #333333; font: 13px/12px Georgia, Palatino, 'Palatino Linotype', Times, 'Times New Roman', serif; letter-spacing: normal; orphans: 2; text-align: left; text-indent: 0px; text-transform: none; white-space: normal; widows: 2; word-spacing: 0px;">
</span></span></span></span></span></span></span></span>
<div align="left" class="wp" dir="ltr" style="font-size: 1em; margin: 0px 0px 0.4em; padding-bottom: 0px; padding-left: 0px; padding-right: 0px; padding-top: 0px;">
<span style="color: #2916d9;"><span style="font-family: Arial;"><span style="font-size: small;"><span style="color: black;"><span class="Apple-style-span" style="-webkit-text-decorations-in-effect: none; -webkit-text-size-adjust: auto; -webkit-text-stroke-width: 0px; background-color: white; color: #333333; font: 13px/12px Georgia, Palatino, 'Palatino Linotype', Times, 'Times New Roman', serif; letter-spacing: normal; orphans: 2; text-align: left; text-indent: 0px; text-transform: none; white-space: normal; widows: 2; word-spacing: 0px;"><span style="color: #108710; font-family: Tahoma; font-size: small;">Original crop circle</span></span></span></span></span></span></div>
<span style="color: #2916d9;"><span style="font-family: Arial;"><span style="font-size: small;"><span style="color: black;">
<div align="left" class="wp" dir="ltr" style="font-size: 1em; margin: 0px 0px 0.4em; padding-bottom: 0px; padding-left: 0px; padding-right: 0px; padding-top: 0px;">
<br /></div>
<div align="center" class="wp" dir="ltr" style="font-size: 1em; margin: 0px 0px 0.4em; padding-bottom: 0px; padding-left: 0px; padding-right: 0px; padding-top: 0px;">
<span class="Apple-style-span" style="-webkit-text-decorations-in-effect: none; -webkit-text-size-adjust: auto; -webkit-text-stroke-width: 0px; background-color: white; color: #333333; font: 13px/12px Georgia, Palatino, 'Palatino Linotype', Times, 'Times New Roman', serif; letter-spacing: normal; orphans: 2; text-align: left; text-indent: 0px; text-transform: none; white-space: normal; widows: 2; word-spacing: 0px;"><img src="http://api.ning.com/files/9sHCwC8dbPu3c86EgMPA-bJhQAzG2WjRp2OcPOHME0JHKUOWRhHnyTZsIdoCOako1QHckAVxvTdql6biDdDEIlMktTqy2-ax/AMdiaSekNewsXX7X.jpg" /></span></div>
<div align="left" class="wp" dir="ltr" style="font-size: 1em; margin: 0px 0px 0.4em; padding-bottom: 0px; padding-left: 0px; padding-right: 0px; padding-top: 0px;">
<br /></div>
<div align="left" class="wp" dir="ltr" style="font-size: 1em; margin: 0px 0px 0.4em; padding-bottom: 0px; padding-left: 0px; padding-right: 0px; padding-top: 0px;">
<span class="Apple-style-span" style="-webkit-text-decorations-in-effect: none; -webkit-text-size-adjust: auto; -webkit-text-stroke-width: 0px; background-color: white; color: #333333; font: 13px/12px Georgia, Palatino, 'Palatino Linotype', Times, 'Times New Roman', serif; letter-spacing: normal; orphans: 2; text-align: left; text-indent: 0px; text-transform: none; white-space: normal; widows: 2; word-spacing: 0px;"><span class="Apple-style-span" style="-webkit-text-decorations-in-effect: none; -webkit-text-size-adjust: auto; -webkit-text-stroke-width: 0px; background-color: white; color: #333333; font: 13px/12px Georgia, Palatino, 'Palatino Linotype', Times, 'Times New Roman', serif; letter-spacing: normal; orphans: 2; text-align: left; text-indent: 0px; text-transform: none; white-space: normal; widows: 2; word-spacing: 0px;"><span style="color: #0e06b8; font-size: medium;">Crop circle edited by a member, dividing the circle into 12 months.</span></span></span></div>
<div align="left" class="wp" dir="ltr" style="font-size: 1em; margin: 0px 0px 0.4em; padding-bottom: 0px; padding-left: 0px; padding-right: 0px; padding-top: 0px;">
<br /></div>
<div align="left" class="wp" dir="ltr" style="font-size: 1em; margin: 0px 0px 0.4em; padding-bottom: 0px; padding-left: 0px; padding-right: 0px; padding-top: 0px;">
<span class="Apple-style-span" style="-webkit-text-decorations-in-effect: none; -webkit-text-size-adjust: auto; -webkit-text-stroke-width: 0px; background-color: white; color: #333333; font: 13px/12px Georgia, Palatino, 'Palatino Linotype', Times, 'Times New Roman', serif; letter-spacing: normal; orphans: 2; text-align: left; text-indent: 0px; text-transform: none; white-space: normal; widows: 2; word-spacing: 0px;"><span class="Apple-style-span" style="-webkit-text-decorations-in-effect: none; -webkit-text-size-adjust: auto; -webkit-text-stroke-width: 0px; background-color: white; color: #333333; font: 13px/12px Georgia, Palatino, 'Palatino Linotype', Times, 'Times New Roman', serif; letter-spacing: normal; orphans: 2; text-align: left; text-indent: 0px; text-transform: none; white-space: normal; widows: 2; word-spacing: 0px;"><img height="436" src="http://api.ning.com/files/wf0**qf7E4oAtOfzBP79KUy89es3fNDqW-m7PrhelgrPfLYMSWzAjTqnGNizAPN1kKIT*DTTxiU0wiRgYQ830C7V7BmNz8U7/xcopia.jpg?width=721" style="height: 464px; width: 587px;" width="536" /></span></span></div>
<div align="left" class="wp" dir="ltr" style="font-size: 1em; margin: 0px 0px 0.4em; padding-bottom: 0px; padding-left: 0px; padding-right: 0px; padding-top: 0px;">
<br /></div>
<div align="left" class="wp" dir="ltr" style="font-size: 1em; margin: 0px 0px 0.4em; padding-bottom: 0px; padding-left: 0px; padding-right: 0px; padding-top: 0px;">
<span class="Apple-style-span" style="-webkit-text-decorations-in-effect: none; -webkit-text-size-adjust: auto; -webkit-text-stroke-width: 0px; background-color: white; color: #333333; font: 13px/12px Georgia, Palatino, 'Palatino Linotype', Times, 'Times New Roman', serif; letter-spacing: normal; orphans: 2; text-align: left; text-indent: 0px; text-transform: none; white-space: normal; widows: 2; word-spacing: 0px;"><span class="Apple-style-span" style="-webkit-text-decorations-in-effect: none; -webkit-text-size-adjust: auto; -webkit-text-stroke-width: 0px; background-color: white; color: #333333; font: 13px/12px Georgia, Palatino, 'Palatino Linotype', Times, 'Times New Roman', serif; letter-spacing: normal; orphans: 2; text-align: left; text-indent: 0px; text-transform: none; white-space: normal; widows: 2; word-spacing: 0px;"><span class="Apple-style-span" style="-webkit-text-decorations-in-effect: none; -webkit-text-size-adjust: auto; -webkit-text-stroke-width: 0px; background-color: white; color: #333333; font: 13px/12px Georgia, Palatino, 'Palatino Linotype', Times, 'Times New Roman', serif; letter-spacing: normal; orphans: 2; text-align: left; text-indent: 0px; text-transform: none; white-space: normal; widows: 2; word-spacing: 0px;"><span style="background-color: #ebf29d; color: #245ff2; font-size: medium;">Another member has named and colour coded the orbs.</span></span></span></span></div>
<div align="left" class="wp" dir="ltr" style="font-size: 1em; margin: 0px 0px 0.4em; padding-bottom: 0px; padding-left: 0px; padding-right: 0px; padding-top: 0px;">
<br /></div>
<div align="center" class="wp" dir="ltr" style="font-size: 1em; margin: 0px 0px 0.4em; padding-bottom: 0px; padding-left: 0px; padding-right: 0px; padding-top: 0px;">
<span class="Apple-style-span" style="-webkit-text-decorations-in-effect: none; -webkit-text-size-adjust: auto; -webkit-text-stroke-width: 0px; background-color: white; color: #333333; font: 13px/12px Georgia, Palatino, 'Palatino Linotype', Times, 'Times New Roman', serif; letter-spacing: normal; orphans: 2; text-align: left; text-indent: 0px; text-transform: none; white-space: normal; widows: 2; word-spacing: 0px;"><span class="Apple-style-span" style="-webkit-text-decorations-in-effect: none; -webkit-text-size-adjust: auto; -webkit-text-stroke-width: 0px; background-color: white; color: #333333; font: 13px/12px Georgia, Palatino, 'Palatino Linotype', Times, 'Times New Roman', serif; letter-spacing: normal; orphans: 2; text-align: left; text-indent: 0px; text-transform: none; white-space: normal; widows: 2; word-spacing: 0px;"><span class="Apple-style-span" style="-webkit-text-decorations-in-effect: none; -webkit-text-size-adjust: auto; -webkit-text-stroke-width: 0px; background-color: white; color: #333333; font: 13px/12px Georgia, Palatino, 'Palatino Linotype', Times, 'Times New Roman', serif; letter-spacing: normal; orphans: 2; text-align: left; text-indent: 0px; text-transform: none; white-space: normal; widows: 2; word-spacing: 0px;"><img src="http://api.ning.com/files/kubJOsmRY3aaiwBagFSzocK7KfvLBXk0JRDvza3v8zKYrsoU428ugLU9UJG0v55NiubOIeMNIvshrUaEy2J2yuh*2chR7iuI/Secklendorf1.JPG" /></span></span></span></div>
<div align="left" class="wp" dir="ltr" style="font-size: 1em; margin: 0px 0px 0.4em; padding-bottom: 0px; padding-left: 0px; padding-right: 0px; padding-top: 0px;">
<br /></div>
<div align="left" class="wp" dir="ltr" style="font-size: 1em; margin: 0px 0px 0.4em; padding-bottom: 0px; padding-left: 0px; padding-right: 0px; padding-top: 0px;">
<span class="Apple-style-span" style="-webkit-text-decorations-in-effect: none; -webkit-text-size-adjust: auto; -webkit-text-stroke-width: 0px; background-color: white; color: #333333; font: 13px/12px Georgia, Palatino, 'Palatino Linotype', Times, 'Times New Roman', serif; letter-spacing: normal; orphans: 2; text-align: left; text-indent: 0px; text-transform: none; white-space: normal; widows: 2; word-spacing: 0px;"><span class="Apple-style-span" style="-webkit-text-decorations-in-effect: none; -webkit-text-size-adjust: auto; -webkit-text-stroke-width: 0px; background-color: white; color: #333333; font: 13px/12px Georgia, Palatino, 'Palatino Linotype', Times, 'Times New Roman', serif; letter-spacing: normal; orphans: 2; text-align: left; text-indent: 0px; text-transform: none; white-space: normal; widows: 2; word-spacing: 0px;"><span class="Apple-style-span" style="-webkit-text-decorations-in-effect: none; -webkit-text-size-adjust: auto; -webkit-text-stroke-width: 0px; background-color: white; color: #333333; font: 13px/12px Georgia, Palatino, 'Palatino Linotype', Times, 'Times New Roman', serif; letter-spacing: normal; orphans: 2; text-align: left; text-indent: 0px; text-transform: none; white-space: normal; widows: 2; word-spacing: 0px;"><span class="Apple-style-span" style="-webkit-text-decorations-in-effect: none; -webkit-text-size-adjust: auto; -webkit-text-stroke-width: 0px; background-color: white; color: #333333; font: 13px/18px Georgia, Palatino, 'Palatino Linotype', Times, 'Times New Roman', serif; letter-spacing: normal; orphans: 2; text-align: left; text-indent: 0px; text-transform: none; white-space: normal; widows: 2; word-spacing: 0px;"><span style="color: #088c08; font-size: medium;">Here is another one.</span></span></span></span></span></div>
<div align="center" class="wp" dir="ltr" style="font-size: 1em; margin: 0px 0px 0.4em; padding-bottom: 0px; padding-left: 0px; padding-right: 0px; padding-top: 0px;">
<span class="Apple-style-span" style="-webkit-text-decorations-in-effect: none; -webkit-text-size-adjust: auto; -webkit-text-stroke-width: 0px; background-color: white; color: #333333; font: 13px/12px Georgia, Palatino, 'Palatino Linotype', Times, 'Times New Roman', serif; letter-spacing: normal; orphans: 2; text-align: left; text-indent: 0px; text-transform: none; white-space: normal; widows: 2; word-spacing: 0px;"><span class="Apple-style-span" style="-webkit-text-decorations-in-effect: none; -webkit-text-size-adjust: auto; -webkit-text-stroke-width: 0px; background-color: white; color: #333333; font: 13px/12px Georgia, Palatino, 'Palatino Linotype', Times, 'Times New Roman', serif; letter-spacing: normal; orphans: 2; text-align: left; text-indent: 0px; text-transform: none; white-space: normal; widows: 2; word-spacing: 0px;"><span class="Apple-style-span" style="-webkit-text-decorations-in-effect: none; -webkit-text-size-adjust: auto; -webkit-text-stroke-width: 0px; background-color: white; color: #333333; font: 13px/12px Georgia, Palatino, 'Palatino Linotype', Times, 'Times New Roman', serif; letter-spacing: normal; orphans: 2; text-align: left; text-indent: 0px; text-transform: none; white-space: normal; widows: 2; word-spacing: 0px;"><img height="545" src="http://api.ning.com/files/Q1CD8FMWWDvjpGwRvfHVmndZ1ip*pmbZI5ekZvVpFslhABgFMwxtKQohoVtrJRKtinDlCueP-56m61r-vz3CvXYnpjRixub5/Secklendorf.bmp" style="height: 509px; width: 578px;" width="598" /></span></span></span></div>
</span></span></span></span><br />
<br /><br /> <span style="color: #2916d9;"><span style="font-family: Arial;"><span style="font-size: small;"><span style="color: black;">ดัง
นั้นเหตุการณ์โลกย้ายขั้วในปีนี้ก็มีโอกาสเกิดอีกที ในเดือน ธันวาคม 2011
แต่ก็ไม่ตรงกับเงื่อนไขของคุณ Zeta ที่ปลายเดือนธันวาคม
สนามแม่เหล็กดวงอาทิตย์รวมกับ PX ไม่รุนแรงในรอบปี และอีกเงื่อนไขที่คุณ
Zeta กล่าวไว้ ก่อนเกิดโลกย้ายขั้ว ยังมีเหตุการณ์แผ่นเปลือกโลกเคลื่อนตัว
ที่ชัดเจน เช่น</span></span></span></span><br />
<ul>
<li><span style="font-family: Arial;"><span style="font-size: small;"><span style="color: black;">การ
ขยับตัวของแผ่น อินโดนีเซีย-ออสเตรเลีย
ดันแผ่นที่อินเดียทั้งประเทศตั้งอยู่ สอดเข้าไปข้างใต้แผ่นหิมาลัย
และทำให้พื้นที่ประเทศอินโดนีเซียค่อยๆจมลง
ปัจจุบันพื้นที่ชายฝั่งของเกาะต่างๆในอินโดนีเซียได้ทะยอยจมอยู่ใต้คลื่นมาก
ยิ่งขึ้นทุกที</span></span></span></li>
</ul>
<span style="color: #2916d9;"><div align="center">
<span style="font-family: Arial;"><span style="font-size: small;"><span style="color: black;"><img alt="" border="0" src="http://ainews1.com/images/ELEVATIONAX_20%20ft%20drop.jpg" /></span></span></span></div>
</span><ul>
<li><span style="font-family: Arial;"><span style="font-size: small;"><span style="color: black;">เกาะทางใต้ และทางเหนือของประเทศญี่ปุ่น จะมีแผ่นดินไหวขนาดใหญ่มากกว่า 7 ริกเตอร์เกิดขึ้น</span></span></span></li>
<li><span style="font-family: Arial;"><span style="font-size: small;"><span style="color: black;">หลัง
จากเหตุแผ่นดินไหวที่ประเทศญี่ปุ่นแล้ว ประเทศอเมริกาจะเกิดการปรับตัวของ
นิวแมดริด ที่ค่อนข้างรุนแรง ปัจจุบันเริ่มเกิดแผ่นดินไหว 4-5.8 ริกเตอร์
ทะยอยเกิดขึ้นแล้ว ก่อนเกิดการย้ายขั้ว
และนิวแมดริดจะปรับตัวเพิ่มขึ้นตามไปอีกรอบหนึ่ง</span></span></span></li>
<li><span style="font-family: Arial;"><span style="font-size: small;"><span style="color: black;">ถัด
จากนิวแมดริดแล้ว ท้องมหาสมุทรแอตแลนติคจะอ้าออก
นำทวีปอเมริกาห่างออกจากยุโรปมากขึ้นอีกนับร้อยๆไมล์
และจะเกิดคลื่นสึนามิขนาด 200 ฟุตเข้าโจมตีประเทศกลุ่มยุโรป</span></span></span></li>
<li><span style="font-family: Arial;"><span style="font-size: small;"><span style="color: black;">ทาง
ทวีปอเมริกาใต้จะปรับตัวเคลื่อนไปทางตะวันตกและมีภูเขาใหม่เกิดขึ้นด้านริม
แปซิฟิคในบางประเทศ
ส่วนแถบแคริเบียนเกาะต่างๆจะเริ่มจมน้ำ...ควรงดไปท่องเที่ยวแถบนี้
แม้จะได้เห็นภาพวิวสวยงามก็ตาม</span></span></span></li>
<li><span style="font-family: Arial;"><span style="font-size: small;"><span style="color: black;">ทางตะวันออกกลาง เปลือกโลกจะบิดตัว ทำให้แผ่นอารเบียขึ้นไปดันพื้นที่แหล่งน้ำมันอิรักแตกหักเกิดเพลิงลุกไหม้บ่อน้ำมันของที่นั่น</span></span></span></li>
<li><span style="font-family: Arial;"><span style="font-size: small;"><span style="color: black;">ทวีปอาฟริกาจะปรับตัวยืดไปทางแอตแลนติค ส่วนตะวันออกเคลื่อนตัวมาทางอินเดียเกิดรอยแยกแถบกลางทวีป</span></span></span></li>
<li><span style="font-family: Arial;"><span style="font-size: small;"><span style="color: black;">ทางใต้ของประเทศรัสเซียมีการปรับตัวทะเลแดงขยายตัวและรอยต่อแผ่นยูเรเซี่ยนทางด้านเหนือติดกับรัสเซียยืดตัว ยุบตัว</span></span></span></li>
</ul>
<span style="color: #2916d9;"><span style="font-family: Arial;"><span style="font-size: small;"><span style="color: black;">เหตุใหญ่ๆเด่นๆเหล่านี้ คุณ Zeta พยากรณ์เอาไว้ล่วงหน้านานแล้ว ว่าจะเกิดขึ้นก่อน ที่โลกจะย้ายขั้ว และเกิด </span></span></span><a href="http://www.google.com/cse?cx=010085725032305267605%3Azrb3smyxoeu&ie=UTF-8&q=4th+density&siteurl=www.zetatalk7.com%2F" target="_blank"><span style="font-family: Arial;"><span style="font-size: small;"><span style="color: black;">Severe Wobble </span></span></span></a><span style="font-family: Arial;"><span style="font-size: small;"><span style="color: black;">9 วัน ต่อด้วยพื้นที่ทางซีกโลกด้านเหนือเส้นศูนย์สูตรมืด 3 วัน</span></span></span></span><br /> <br /> <span style="color: #2916d9;"><span style="font-family: Arial;"><span style="font-size: small;"><span style="color: black;">เมื่อ
กลับมาดูพยากรณ์ของ Crop Circle ที่เยอรมันอีกที หากพ้นเดือน ธันวาคม 2011
ไปได้ ก็ต้องคอยไปถึงปลายเดือนสิงหาคม 2012 ที่โอกาสโลกย้ายขั้วจะเกิดขึ้น
โดยคุณ Zeta ให้สังเกตเหตุการณ์ต่างๆของโลกตามไปตลอดเวลา อาการจะรุนแรง
และถี่ขึ้นไปตามลำดับ ในช่วงที่เกิด Severe wobble แกนโลกจะโยกไปมาวันละ 2
รอบ </span></span></span></span><br /> <br /> <span style="color: #2916d9;"><span style="font-family: Arial;"><span style="font-size: small;"><span style="color: black;">เกิด
แผ่นดินไหวแผ่นดินเลื่อนมากขึ้น จะมีแผ่นดินยุบ หลุมยุบ ถนนหนทางแตกหัก
สะพานพัง การบินหยุดชะงัก ซึ่งไม่ควรเดินทางใดๆในช่วงที่กำลังเกิด Severe
wobble ควรเฝ้าระวังมาใช้รอยต่อก่อนเกิด Severe wobble ชิง
การเดินทางไปสู่ที่หลบภัยต่างจังหวัดก่อนในช่วงนั้น
เป็นโอกาสสุดท้ายของการเสี่ยงชีวิต ไปสู่ที่หลบภัย</span></span></span></span><br /> <br /> <span style="color: #2916d9;"><span style="font-family: Arial;"><span style="font-size: small;"><span style="color: black;">ขอ
ขยายความชาวน้ำนิดหน่อย พวกเขาอยู่ใน Density สูงกว่าชาวมนุษย์
มีคลื่นความถี่สูงกว่า ใช้กายแสง ไม่ใช้กายเนื้อ แต่ไม่ใช้ยาน UFO
อาศัยในทะเลของโลกนี้เอง เพื่อตอบแทนในน้ำใจไมตรีของพวกเขา
ที่ห่วงใยความปลอดภัยของชีวิต มนุษย์ เมื่อเรา</span></span></span><span style="font-family: Arial;"><span style="font-size: small;"><span style="color: black;">สวดมนต์</span></span></span><span style="font-family: Arial;"><span style="font-size: small;"><span style="color: black;">แล้ว
ก็แผ่เมตตาให้แก่พวกเขาด้วย เป็นการตอบแทนสินน้ำใจ
และทำให้พวกเขามีกำลังใจเพิ่มมากขึ้น จะได้ส่งข่าวล่วงหน้ามาต่อเนื่อง
ในระยะกระชั้นชิด เมื่อใกล้เวลาวิกฤตที่มนุษย์ทั่วโลกจะต้องเผชิญร่วมกัน
เสมอหน้ากันทุกคน</span></span></span></span><br /> <br /> <span style="color: #2916d9;"><span style="font-family: Arial;"><span style="font-size: small;"><span style="color: black;">ที่มา</span> </span></span><a href="http://ainews1.com/article769.html" target="_blank"><span style="font-family: Arial;"><span style="font-size: small;">http://ainews1.com/article769.html</span></span></a></span><div class="blogger-post-footer">ด้วยความปรารถนาดีจาก...บล็อกเตือนภัยพิบัติโลก</div>Anonymoushttp://www.blogger.com/profile/09362385019399728087noreply@blogger.com0กรุงเทพมหานคร ประเทศไทย13.7522222 100.493888913.505449200000001 100.17803190000001 13.9989952 100.8097459tag:blogger.com,1999:blog-5294450998007589243.post-90755572816091859942012-08-13T22:03:00.001+07:002012-08-13T22:05:19.140+07:00สู่โลกใบใหม่ หลังปี 2012<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<a href="http://2.bp.blogspot.com/-KzbXy4ARsZQ/TYOeP2303EI/AAAAAAAABDo/OZqiHL8-lFE/s640/zz+spir+love.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" height="240" src="http://2.bp.blogspot.com/-KzbXy4ARsZQ/TYOeP2303EI/AAAAAAAABDo/OZqiHL8-lFE/s320/zz+spir+love.jpg" width="320" /></a></div>
<span style="color: red;"><span style="color: green;"><br />
ขอขอบคุณ ผู้พเนจร จากฟากฟ้า และคุณ Adithep Wetwirounwong <br />
ผู้พเนจร จากฟากฟ้า<br />
เด็กน้อยวัย 7 ขวบ กับข้อความต่างมิติ ถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้นในปี 2012 !!!</span><br /> <br /> <span style="color: red;">บท
สนทนากับเดวิดจาก Inua วันที่ : 13 มีนาคม 2011 เรื่อง : สิ่งที่เกิดขึ้น
และจะเกิดอะไรขึ้น! ที่มา :Humans Are Free: David from Inua: March 2011!
What is Happening and What Will Happen! ต่อไปนี้เป็นเรื่องราวของเด็ก 7
ขวบ
ที่แม่ของเขานำไปพบจิตแพทย์เพราะเขาได้รับการติดต่อด้วยเสียงของมนุษย์จาก
ดาวเคราะห์ดวงอื่น เด็กคนนี้ชื่อ"เดวิด"แม้อายุของเขาจะยังน้อยมากบนโลก
แต่เขาก็ได้ถือคำตอบของจักรวาลมาด้วย ดังที่คุณจะได้อ่านต่อไปนี้<br /> </span><br /> <span style="color: purple;">เด
วิดบอกจิตแพทย์ของเขาที่ชื่อ Aryana
ว่า...เสียงที่เขาได้ยินนั้นมาจากดาวเคราะห์ดวงอื่น
เขาเรียกเสียงที่เขาได้ยินว่า Aghton พวกเขาทั้งสองมาจากกลุ่มดาวอื่น
ซึ่งจะทำให้มีการติดต่อนี้ต่อไป จนกว่าเดวิดจะสิ้นสุดการเดินทางของเขาบนโลก
เขาจะอยู่ที่นี่ประมาณ 200 ปี หากเรานับปีเหมือนที่เราทำในตอนนี้
แต่เร็วๆนี้ เราจะเข้าใจถึงความแตกต่างกันของเวลาดังที่เป็นอยู่
และก่อนที่จะจบช่วงแรก เดวิดบอกว่า Aghton
ได้ขอให้จิตแพทย์ของเขาช่วยเขียนหนังสือเพื่อที่ข้อความของเขาได้ส่งกระจาย
ไปในวงกว้างยิ่งขึ้น. .<br /> <br />
เดวิตบอกว่า
โลกจะถูกทำให้การสั่นสะเทือนในการกระโดดเข้าสู่มิติที่สี่และที่ห้า
แต่อาจทำให้มนุษย์สับสน เพราะคิดว่าเราอยู่ในความหนาแน่นของมิติที่สาม
และมันจะเป็นการเปลี่ยนแปลงที่ดีของร่างกายมนุษย์
ที่จะทำให้ร่างกายโปร่งเบาขึ้น
พร้อมกับได้รับดีเอ็นเอสายใหม่ที่กระฉับกระเฉง<br /> <br />
เดวิดยังกล่าวว่า ดาวเคราะห์ทุกดวงมีภารกิจแตกต่างกัน
เมื่อมีก้าวกระโดดเกิดขึ้น (ที่มีการทดสอบใหม่ๆอยู่เสมอ) ภารกิจของโลกเรา
คือการจะได้สัมผัสกับการเปลี่ยนแปลงนี้ทั้งหมด
โดยรักษารูปร่างและโครงสร้างเอาไว้ สิ่งที่จะเกิดขึ้นนี้
ยังไม่เคยมีการทำมาก่อน
ดังนั้นเราทั้งหมดจะได้รับประสบการณ์นี้พร้อมกันเป็นครั้งแรก<br /> <br />
เดวิดกล่าวว่า โลกที่เขาจากมา เรียกว่า Inua และตั้งอยู่ใกล้กับ Orion
และนี่ เป็นส่วนหนึ่งจากบทสัมภาษณ์ของเขา..Aryana Havah
ได้พูดคุยกับเดวิดและถามคำถามที่สำคัญบางประการ
เกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นบนโลกและสิ่งที่จะมาถึง
ถ้าคุณไม่ทราบว่าเดวิดเป็นใครโปรดอ่านบทความเหล่านี้
:กรุณาเก็บข้อความไว้ในใจด้วยว่า เดวิดเกิดมาในร่างกายมนุษย์
ซึ่งเขาคำนึงแล้วว่าตัวเองเป็นมนุษย์ในช่วงชีวิตนี้ เมื่อเขาพูดถึงอดีต
ผมสังเกตเห็นว่าเขาหมายถึงเราคนเดียว ซึ่งเพราะเป็นชาติแรกของเขาในโลก</span></span><br />
<span style="color: red;"><span style="color: purple;"></span></span><br />
<a name='more'></a><span style="color: red;"><span style="color: purple;"> </span></span><br />
<span style="color: red;"><span style="color: purple;"> </span></span><br />
<span style="color: red;"><span style="color: purple;">บทสนทนา</span></span><br />
<span style="color: red;"><span style="color: purple;"><br /> </span></span><br />
13 มีนาคม 2011<br />
<br />
Aryana : เกิดอะไรขึ้นเมื่อวันที่ 1 มีนาคม? ที่คุณได้บอกฉันว่า มนุษย์ได้เลือกแล้ว<br />
David : มีเวลาไม่มากนัก และมนุษย์ได้เลือกเส้นทางแล้ว<br />
<br />
A : เราเลือกเส้นทางที่เป็นด้านบวกหรือไม่?<br />
D : เส้นทางทั้งหมดเป็นบวก เพราะมันจะนำทางไปสู่สิ่งที่ดีกว่าทั้งหมด มนุษยชาติจะตื่นตัวและจะทบทวนทัศนคติของตนใหม่<br />
<br />
A : คุณกล่าวว่าเราจะต้องเชื่อมต่อกับการสั่นสะเทือนของโลก เราจะทำสิ่งนี้ได้อย่างไร ?<br />
D : โดยการทำความเข้าใจในธรรมชาติและดาวเคราะห์โลก<br />
<br />
A : ช่วยอธิบายให้ชัดเจนขึ้นอีกหน่อย ว่าหมายถึงอย่างไร ?<br />
D : คุณเห็นมั๊ย ว่าโลกมีชีวิตและมีความตระหนักรู้
เธอรู้สึกถึงสิ่งที่คุณและผมคิด (หรือสิ่งมีชีวิตอื่นๆ )
เราถูกล้อมรอบด้วยพลังงาน และทุกอย่างที่เรารู้สึก คิดหรือทำ
คือการส่งผ่านข้อมูล ทุกอย่างของความคิดเป็นรูปแบบทางพลังงาน
สิ่งที่คุณให้ไป จะถูกส่งกลับมาที่คุณเสมอ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในขณะนี้!
เมื่อเราทำให้อารมณ์ก่อตัวเป็นตัวรูปเป็นร่างขึ้น หากคุณมีความกลัว
คุณก็จะได้รับความหวาดกลัวมากยิ่งขึ้น แต่ถ้าคุณผลิตหรือสร้างความสงบสุข
ความสงบก็จะห่อหุ้มคุณ<br />
<br />
A : ช่วยบอกหน่อย ว่าเราควรทำอย่างไร?<br />
D : ให้คิดบวก มีความเชื่อความศรัทธา และมองโลกในแง่ดี
แต่คุณต้องซื่อสัตย์ในทุกสิ่งที่คุณทำ (ผู้สร้างมีความยุติธรรม)
คุณไม่สามารถทำแต่สิ่งไม่ดี แต่ร้องขอเพื่อจะได้รับสิ่งดีๆได้
หรือการที่คุณโกหก แต่ขอความถูกต้อง ทุกสรรพสิ่งล้วนมีการเชื่อมต่อ
สิ่งที่คุณคิด สิ่งทีคุณพูด สิ่งที่คุณทำ จะต้องเป็นบวกเท่านั้น<br />
<br />
A : คุณได้ทราบข่าวแผ่นดินไหวในประเทศญี่ปุ่นหรือไม่ และคุณคิดอย่างไร?<br />
D : ใช่ มันก็จะเกิดขึ้นและจะเกิดในที่อื่นๆด้วย โลกกำลังทำความสะอาด<br />
<br />
A : แล้วที่ไหนล่ะที่จะมีความปลอดภัยสำหรับฉัน ฉันควรต้องย้ายหนีหรือไม่?<br />
D : หากภารกิจของคุณคือการย้ายล่ะก็ จนถึงตอนนี้ คุณต้องย้ายไปก่อนแล้ว<br />
<br />
A : หลายคนบอกว่าเราควรจะย้ายขึ้นไปบนภูเขา หรือที่สูงๆ<br />
D : บางที ผู้ที่บอกว่าจริงๆเราต้องย้ายนั้น ไม่ว่าจะได้เข้าพำนักที่ใดใดก็ตาม มันก็เป็นที่ดีที่สุดสำหรับเขาแล้ว<br />
<br />
Alex : นี้หมายความว่าเราได้เลือกเส้นทางของเราแล้ว
และสิ่งที่จะเกิดขึ้นหลังจากนั้น จะเป็นรูปแบบเฉพาะ
นำความเชื่อมั่นของจิตวิญญาณผู้นำทางของคุณด้วยตนเองและทำตามที่คุณรู้สึก!
ทุกอย่างจะถูกเปิดเผยหลังแผนอันศักดิ์สิทธิ์ เราจะต้องสงบ มีความสมดุล
และยึดมั่นอยู่ในแผน ยอมรับมันและยอมรับพลังงานใหม่
การดำรงอยู่ด้วยสมาธิมากขึ้น
จะเป็นการทำให้มี"ฟอง"แห่งความรักคุ้มครองอยู่เสมอ
จงมีพลังด้านบวกแห่งอนาคตอยู่ในหัวใจ จงอธิษฐานถึงมันเถิด...!<br />
<br />
และข้อมูลต่อไปนี้จะต้องส่งถึงผู้ที่ต้องการ กรุณาแบ่งปันให้กับคนที่คุณรู้จัก เพราะมันเป็นสิ่งสำคัญมาก<br />
<br />
A : ดวงอาทิตย์จะส่งผลกระทบต่อเราหรือไม่?<br />
D : ใช่ เป็นอันตรายมาก! มันจะกลายเป็นสิ่งที่ทำให้แย่ลง หลายๆคนจะบ้าคลั่ง เราควรจะทราบวิธีการป้องกันตัวเองเอาไว้<br />
<br />
A : ด้วยวิธีการใดหรือ?<br />
D : Aghton บอกว่า คุณมีความคิด ที่ถูกต้องอยู่แล้ว<br />
<br />
Alex : "Aghton" เขามีชีวิตอยู่ที่ดาว Inua
ที่ยังมีการมีการติดต่อเกือบตลอดเวลากับเดวิด และคอยช่วยเขา
เดวิดเป็นผู้ที่สามารถได้ยินเสียง" Aghton"
เช่นเดียวกับเสียงโทรศัพท์ภายในหัวของเขา "Aghton"
สามารถที่จะแสดงทุกอย่างที่เดวิดต้องการ เช่นเดียวกับภาพยนตร์
รวมทั้งอดีตของเขา เมื่อครั้งที่เขามีชีวิตอยู่บนดาว Inua
โปรดอ่านข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับดาวิดในลิงค์ที่ให้ไว้ข้างต้น<br />
<br />
A : กรงขังของฟาราเดย์?<br />
D : Aghton กล่าวว่าใช่ แต่ฉันเองก็ไม่ทราบว่าสิ่งนี้คืออะไร<br />
<br />
A : เป็นกรงโลหะที่จะสร้างเขตพื้นที่ที่ทะลุทะลวงเข้าไปไม่ได้ แต่นานเท่าไหร่ที่เราควรจะต้องอยู่ภายในนั้นล่ะ?<br />
D : 6 วัน สองวันต่อครั้ง -- (รวม 3 ครั้ง) --<br />
<br />
A : หลังจากนั้น ก็หมายความว่าจะมีไม่มีไฟฟ้าและระบบสาธารณูปโภค ฯลฯ ?<br />
D : ใช่<br />
<br />
A : ผู้ที่อาศัยอยู่ในอพาร์ทเม้นจำนวนมาก พวกเขาจะเป็นยังไง?<br />
D : ผมไม่ทราบ มีสิ่งหนึ่งที่แต่ละคนสามารถเลือกที่จะมีชีวิตอยู่<br />
<br />
A : ฉันไม่เห็นด้วย! มีคนที่ไม่ทราบว่าจะต้องทำอย่างไรและพวกเขาจะสับสนมาก<br />
D : พวกเขารู้สิ่งที่จะต้องทำ แต่เขาไม่สนใจมัน
พวกเขาควรจะทำในสิ่งที่พวกเขารู้สึกและปรารถนา! แต่ทุกอย่างถูกตั้งค่าแล้ว
มันจะเป็นวิธีการที่มันควรจะเป็นและมนุษย์จะมีการเริ่มต้นใหม่ (...)<br />
<br />
ผมรู้ถึงสิ่งที่จะถูกเปิดเผยให้ปรากฎ แต่ฉันไม่ต้องการที่จะบอกคุณ Aghton
กล่าวว่า มันไม่ใช่ภารกิจของฉัน
บรรดาผู้ที่ปกครองเหนือเราเกือบจะประสบความสำเร็จแล้ว
และแผนการของพวกเขานี้เกิดขึ้นด้วยความช่วยเหลือ (มนุษย์) ของคุณ!
จากนี้ไปมีเพียงผู้สร้างเท่านั้นที่สามารถช่วยเราได้
จะเกิดอะไรขึ้นต่อจากนี้ ขึ้นอยู่กับความดีของตัวเราเอง
ซึ่งหากปราศจากสิ่งนี้ สิ่งที่จะเกิดขึ้นนี้จะเลวร้ายมากสำหรับมนุษย์...<br />
<br />
จงปล่อยให้ทุกอย่างเกิดขึ้นไปตามแผน
และเราจะได้รับการปลดปล่อยจากการสั่นสะเทือนเชิงลบ
ฉันไม่สามารถพูดมากกว่านี้ได้ เพราะ Aghton
บอกว่าคุณจะไม่เก็บเรื่องนี้ไว้สำหรับตัวคุณเอง
สิ่งที่เราจำเป็นต้องทำคือการนำ"ความหวัง" ไม่ใช่ "ความกลัว"
ถ้าคุณเพียงแต่ขอ แต่ไม่ทำอะไรเลย มันก็ไร้ประโยชน์<br />
<br />
A : เราสามารถหลบหนีรังสีโดยอาศัยอยู่ในถ้ำได้หรือไม่?<br />
D : Aghton กล่าวว่าไม่ได้ การแผ่รังสีของดวงอาทิตย์ที่จะส่งไปถึงแกนโลก แต่การ"สั่นสะเทือนส่วนบุคคล"จะมีความสำคัญมาก!<br />
<br />
A : วิธีการที่เราจะสามารถยกระดับการสั่นสะเทือนของเรา จะตัองทำอย่างไร?<br />
D : ต้องเป็นผู้มีเมตตา จิตใจดีงาม และคิดบวก<br />
<br />
A : มีอะไรที่คุณสามารถบอกฉันได้อีกหรือไม่ ?<br />
D : เมื่อใดที่ทุกๆอย่างสิ้นสุดลงแล้ว ในที่สุด...มันก็จะดี...ดีมากจริงๆ
ผู้คนจะแตกต่างไปจากเดิมมาก พวกเขาจะรู้ถึงสิ่งพวกเขาผิดพลาดไป
โลกจะเต็มไปด้วยความเมตตา มีความเอื้อเฟิ้อเผื่อแผ่ต่อกัน
มันไม่ยากเกินไปหรอก เพราะว่าพวกเราเกือบจะถึงที่นั่นอยู่แล้ว!<br />
<br />
ฉันต้องการจะบอกกับคุณว่า
มีเส้นทางสายใหม่ที่ดีกว่าที่เราจะเดินและปฎิบัติตาม
แต่ก็มีเส้นทางสายหนึ่งที่ตรงกันข้ามอย่างมากด้วยเช่นกัน
โชคดีที่เราไม่ได้อยู่บนถนนสายนั้น อย่างไรก็ตาม
มนุษย์ส่วนใหญ่ที่ยอดเยี่ยม จะจัดการเพื่อสร้างความปลอดภัยต่อตัวเขาเองได้<br />
<br />
A : และเรายังคงจะต้องเผชิญกับ 2-3 ปีแห่งความยากลำบาก?<br />
D : ใช่<br />
<br />
A : มันจะเริ่มต้น เมื่อไหร่ ?<br />
D : ตอนนี้มันเริ่มต้นแล้ว ตั้งแต่เดือนมีนาคม<br />
<br />
A : นั่นหมายความว่า ทุกสิ่งทุกอย่างที่จะเรียบร้อยในปี ค.ศ. 2014?<br />
D : ใช่<br />
<br />
Alex : พี่น้องของฉัน นี้เป็นบทสนทนาเล็กๆบางส่วน กับเดวิด ฉันไม่สามารถบอกคุณได้ว่าฉันมีความสุขขนาดไหน หลังจากอ่านมัน<br />
<br />
เพื่อให้เดวิดได้จุติลงมาบนโลก..ชาว Inuakis
รวมทั้งสิ่งมีชีวิตจากดาวเคราะห์ดวงอื่นๆ ได้เข้ามาแทรกแซงใน Matrix ของโลก
เพื่อที่จะให้วิญญาณของพวกเขาส่งเข้ามาในการจุติบนโลก
พวกเขาอยู่ที่นี่แล้ว และนอกจากนี้
ยังมีการเพิ่มการสั่นสะเทือนของโลกด้วยการแสดงตนของพวกเขา
เพื่อสร้างแรงสั่นสะเทือนให้เพิ่มสูงขึ้น ก่อนและหลังการก้าวกระโดด<br />
<br />
บางส่วนของโลกเรา ก็มีจิตวิญญาณเก่าแก่ที่มาจากดาวเคราะห์ดวงอื่นๆ
อยู่มากมายด้วย เพื่อช่วยในมนุษย์โลกก่อนและหลังการเปลี่ยนแปลงในปี 2012
ซึ่งบางคนก็อาจจำอะไรไม่ได้ แต่มันมีอยู่ในโปรแกรมของพวกเขา
ที่จะไม่จำอะไรจนกว่าจะได้ระลึกรู้มันอีกครั้ง ในปี 2012<br />
<br />
ที่มาจาก <a href="http://board.palungjit.com%20/" target="_blank">http://board.palungjit.com </a><div class="blogger-post-footer">ด้วยความปรารถนาดีจาก...บล็อกเตือนภัยพิบัติโลก</div>Anonymoushttp://www.blogger.com/profile/09362385019399728087noreply@blogger.com2กรุงเทพมหานคร ประเทศไทย13.7234186 100.476231913.476614600000001 100.16037490000001 13.9702226 100.7920889tag:blogger.com,1999:blog-5294450998007589243.post-51407974015624247222012-05-12T20:59:00.001+07:002012-05-12T20:59:58.990+07:00สัตว์รู้ล่วงหน้าว่าจะเกิดแผ่นดินไหว<br />
<div align="center">
<a href="http://www.jirasit.rmutl.ac.th/wp-content/uploads/9910-70-2.jpg" target="_blank"><img alt="" border="0" src="http://www.jirasit.rmutl.ac.th/wp-content/uploads/9910-70-2.jpg" /></a></div>
<br />
จากการวิจัยของผู้เชี่ยวชาญด้านแผ่นดินไหวพบว่า
หากสัตว์ป่ามีพฤติกรรมผิดไปจากปกติ มักจะเกี่ยวข้องกับการเกิดภัยธรรมชาติ
เช่น แผ่นดินไหว
ทั้งนี้เพราะสัตว์มีความสามารถรู้ล่วงหน้าว่าจะเกิดแผ่นดินไหว
เป็นสัญชาตญาณอย่างหนึ่งในการเอาชีวิตรอด<br /> <br /> <b>พฤติกรรมผิดปกติของนก</b><br />
นกมีความรู้สึกต่อการเปลี่ยนแปลงของสภาพแวดล้อม
โดยเฉพาะนกพิราบป่าจะไวเป็นพิเศษ
ผู้เชี่ยวชาญด้านแผ่นดินไหวในประเทศจีนพบว่า
ขณะเกิดแผ่นดินไหวแรงสั่นสะเทือน 3 ริกเตอร์ขึ้นไป
ฝูงนกพิราบป่าที่อยู่ภายในรัศมี 50 กม.
จากศูนย์กลางแผ่นดินไหวจะรู้ล่วงหน้า และบินหนีไปภายใน 24 ชั่วโมง
นอกจากนี้กาและนกเลี้ยงบางชนิด เช่น นกแก้ว
ก็มีความรู้สึกไวต่อการเกิดแผ่นดินไหวเช่นกัน<br /> <br />
<a name='more'></a> <a href="http://www.jirasit.rmutl.ac.th/wp-content/uploads/animal1.gif" target="_blank"><img alt="" border="0" src="http://www.jirasit.rmutl.ac.th/wp-content/uploads/animal1.gif" /></a> ฝูงนกพิราบหรือกาจะบินหนีไปทันที<br /> <br /> <a href="http://www.jirasit.rmutl.ac.th/wp-content/uploads/animal2.gif" target="_blank"><img alt="" border="0" src="http://www.jirasit.rmutl.ac.th/wp-content/uploads/animal2.gif" /></a> นกในกรงก็แตกตื่นจะหนีออกจากกรง<br /> <br /> <b>พฤติกรรมผิดปกติของปลา</b><br /> <br /> <b>ปลาน้ำเค็ม</b><br />
เมื่อ ค.ศ.1995 ก่อนเกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ที่โกเบ ชาวประมงจับปลาได้มากกว่าปกติ และมีปลาจากทะเลลึกว่ายเข้ามาในเขตน้ำตื้นด้วย <br /> <br /> <a href="http://www.jirasit.rmutl.ac.th/wp-content/uploads/animal3.gif" target="_blank"><img alt="" border="0" src="http://www.jirasit.rmutl.ac.th/wp-content/uploads/animal3.gif" /></a> พบปลาแปลกๆ หรือปลาน้ำจืดในเขตน้ำตื้น<br /> <br /> <a href="http://www.jirasit.rmutl.ac.th/wp-content/uploads/animal4.gif" target="_blank"><img alt="" border="0" src="http://www.jirasit.rmutl.ac.th/wp-content/uploads/animal4.gif" /></a> ก่อนเกิดแผ่นดินไหวในบริเวณใกล้เคียงจะจับปลาได้มากกว่าเดิม 2-10 เท่า<br /> <br /> <b>ปลาน้ำจืด</b><br />
ปลาน้ำจืดในแม่น้ำหรือทะเลสาบที่มีความรู้สึกไวต่อการเกิดแผ่นดินไหวคือปลา
คาร์ป ก่อนเกิดแผ่นดินไหวรุนแรง
เคยมีคนเห็นปลาคาร์ปจำนวนมากกระโดดขึ้นมาบนผิวน้ำเหมือนตกใจหนีอะไรบางอย่าง
<br /> <br /> <a href="http://www.jirasit.rmutl.ac.th/wp-content/uploads/animal8.gif" target="_blank"><img alt="" border="0" src="http://www.jirasit.rmutl.ac.th/wp-content/uploads/animal8.gif" /></a> ปลาคาร์ปกระโดดขึ้นมาเหนือผิวน้ำ หรือมีท่าทางลุกลน<br /> <br /> <a href="http://www.jirasit.rmutl.ac.th/wp-content/uploads/animal6.gif" target="_blank"><img alt="" border="0" src="http://www.jirasit.rmutl.ac.th/wp-content/uploads/animal6.gif" /></a> ถ้าปลาดุกมีท่าทางตื่นตระหนก แสดงว่าอาจจะเกิดแผ่นดินไหว<br /> <br /> <b>พฤติกรรมผิดปกติของสัตว์เลื้อยคลาน</b><br />
ผลการวิจัยพบว่า สัตว์ที่รู้ล่วงหน้าว่าจะเกิดแผ่นดินไหวก่อนใครคืองู
ทั้งนี้เพราะงูจำศีลอยู่ในโพรงดิน (งูในประเทศเขตหนาว)
จึงรู้สึกถึงความผิดปกติได้ง่ายเมื่อมีการสั่นสะเทือนของเปลือกโลก
มีก๊าซซัลเฟอร์ไดออกไซด์ มีการเปลี่ยนแปลงของคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า ฯลฯ
และจะหลับภัยด้วยการเลื้อยขึ้นมาบนดินแม้จะเป็นช่วงฤดูหนาวก็ตาม<br /> <br />
ตัวอย่างเช่นเมื่อ ค.ศ. 1855 ก่อนเกิดแผ่นดินไหวที่ญี่ปุ่นหนึ่งวัน
พบฝูงงูเลื้อยขึ้นมาแข็งตายบนดิน เมื่อ ค.ศ. 1976
หนึ่งวันก่อนเกิดแผ่นดินไหวที่เมืองถังซานในประเทศจีน
ก็มีฝูงงูจำนวนมากเข้าไปหลบอยู่ในซอกหิน<br /> <br /> <a href="http://www.jirasit.rmutl.ac.th/wp-content/uploads/animal5.gif" target="_blank"><img alt="" border="0" src="http://www.jirasit.rmutl.ac.th/wp-content/uploads/animal5.gif" /></a><a href="http://www.jirasit.rmutl.ac.th/wp-content/uploads/animal7.gif" target="_blank"><img alt="" border="0" src="http://www.jirasit.rmutl.ac.th/wp-content/uploads/animal7.gif" /></a><br /> <br /> <b>พฤติกรรมผิดปกติของสัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำ</b><br />
กบก็แสดงพฤติกรรมผิดปกติเช่นเดียวกับงู เมื่อ ค.ศ. 1976
ไม่กี่ชั่วโมงก่อนที่จะเกิดแผ่นดินไหวรุนแรงที่เมืองถังซานในประเทศจีน
มีคนเห็นกบนับพันนับหมื่นตัวพากันอพยพ<br /> <br /> <a href="http://www.jirasit.rmutl.ac.th/wp-content/uploads/animal9.gif" target="_blank"><img alt="" border="0" src="http://www.jirasit.rmutl.ac.th/wp-content/uploads/animal9.gif" /></a><a href="http://www.jirasit.rmutl.ac.th/wp-content/uploads/animal10.gif" target="_blank"><img alt="" border="0" src="http://www.jirasit.rmutl.ac.th/wp-content/uploads/animal10.gif" /></a> <br /> <br /> <b>พฤติกรรมผิดปกติของสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม</b><br /> <a href="http://www.jirasit.rmutl.ac.th/wp-content/uploads/animal11.gif" target="_blank"><b><img alt="" border="0" src="http://www.jirasit.rmutl.ac.th/wp-content/uploads/animal11.gif" /></b></a> สุนัขที่เคยเชื่อง แสดงอาการดุร้ายขึ้นทันที<br /> <br /> <b>สุนัข</b><br />
ตอนที่เกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ที่โกเบ มีรายงานว่าสุนัขจะแสดงพฤติกรรมแปลกๆ
มากที่สุด สุนัขเป็นสัตว์ใกล้ชิดกับคน
จึงสังเกตความผิดปกติของสุนัขได้ง่าย และพบว่าก่อนเกิดแผ่นดินไหว
สุนัขจะมีอาการตื่นตระหนก วิ่งไปวิ่งมา บางตัวก้าวร้าวขึ้น
ส่วนบางตัวก็เห่าและหอน<br /> <br /> <b><a href="http://www.jirasit.rmutl.ac.th/wp-content/uploads/animal12.gif" target="_blank"><img alt="" border="0" src="http://www.jirasit.rmutl.ac.th/wp-content/uploads/animal12.gif" /></a> แมววิ่งไปมาอย่างงุ่นง่าน หรือปีนขึ้นต้นไม้สูง</b><br /> <br /> <b>แมว</b><br /> <br />
ก่อนเกิดแผ่นดินไหว แมวส่วนใหญ่จะหาที่หลบ ญี่ปุ่นมีคำโบราณกล่าวไว้ว่า
“ก่อนแผ่นดินไหว แมวจะปีนขึ้นต้นไม้สูง” และมีคนเห็นเช่นนี้จริงๆ
ก่อนเกิดแผ่นดินไหว แมวบางตัวแสดงอาการงุ่นง่าน วิ่งไปมา
และส่งเสียงร้องอย่างกระวนกระวาย<br /> <br /> <a href="http://www.jirasit.rmutl.ac.th/wp-content/uploads/animal13.gif" target="_blank"><img alt="" border="0" src="http://www.jirasit.rmutl.ac.th/wp-content/uploads/animal13.gif" /></a> หนูพากันหลบหนี<br /> <br /> <b>หนู</b><br />
เมื่อ ค.ศ. 1923 ก่อนเกิดแผ่นดินไหวรุนแรงที่คันโต หนูพากันหลบหนีไปหมด
และตอนเกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ที่โกเบ ก็พบปรากฎการณ์หนูพากันหลบหนีเช่นกัน
นอกจากนี้ยังพบว่าก่อนเกิดแผ่นดินไหวจะมีหนูติดกับดักเพิ่มขึ้น
และหนูบางตัววิ่งพล่านไปทั่ว<br /> <br /> <b><span style="font-size: x-small;">แหล่งข้อมูล</span></b><br />
หนังสือการ์ตูนวิทยาศาสตร์ช่วยให้เด็กฉลาด (เรื่อง..เอาชีวิตรอดจากแผ่นดินไหว)<br /> <br />
ที่มา <a href="http://www.jirasit.rmutl.ac.th/?p=186" target="_blank"><span style="color: blue;">http://www.jirasit.rmutl.ac.th/?p=186</span></a><br />
<br />
<span style="color: blue;">ขอขอบคุณข้อมูลจาก <a href="http://board.palungjit.com/">http://board.palungjit.com</a> </span><div class="blogger-post-footer">ด้วยความปรารถนาดีจาก...บล็อกเตือนภัยพิบัติโลก</div>Anonymoushttp://www.blogger.com/profile/09362385019399728087noreply@blogger.com1กรุงเทพมหานคร ประเทศไทย13.7234186 100.476231913.476614600000001 100.16037490000001 13.9702226 100.7920889tag:blogger.com,1999:blog-5294450998007589243.post-55538438518792514362012-05-12T20:50:00.000+07:002012-05-12T20:51:38.737+07:00ภัยพิบัติที่จะเกิดกับประเทศไทย ตั้งแต่ปี พ.ศ.๒๕๕๕-๒๕๖๐<div align="center">
<img alt="" border="0" src="http://files.palungjit.com/attachment.php?attachmentid=2043714&stc=1&d=1336720065" /></div>
<br />
<span style="font-family: Arial;">ประเทศไทยนับจาก <b><span style="color: red;">ปี พ.ศ. 2555-2559</span></b> อาจจะเลยไปถึงปีพ.ศ.2560 จะเป็นปีที่ประเทศไทยมีแต่ภัยอันตรายต่างๆ รุมเร้าเข้ามาเล่นงาน ทั้ง <b>“ภัยทางการเมือง”</b> พอเรื่องการเมืองเริ่มจะสงบ หรือเริ่มจะเข้าที่เข้าทาง ก็ต้องมาเจอกับ <b><span style="color: red;">“ภัยธรรมชาติ”</span></b> ที่นับวันจะรุนแรงขึ้นทุกปี โดยเฉพาะปี <b><span style="color: #002060;">“พ.ศ.2557”</span></b> จะเป็นปีหฤโหดมากที่สุดสำหรับประเทศไทย รวมไปถึงคนไทยอีกจำนวนมาก ที่ต้องสังเวยชีวิตและทรัพย์สินอย่างใหญ่หลวง จาก <b><span style="color: red;">“ภัยธรรมชาติ”</span></b> ที่กระหน่ำเข้าใส่อย่างชนิดไม่ทันตั้งตัว </span><br />
<br />
<span style="font-family: Arial;">นอก
จากจะเกิดการสูญเสียชีวิตและทรัพย์สินเป็นจำนวนมากแล้ว
ยังมีผู้คนอีกจำนวนมากจะไร้ที่อยู่อาศัย พ่อ-แม่-ลูกจะพลัดพรากจากกัน
เด็กกำพร้าจะมีมากมายเพราะสูญเสียพ่อแม่ไปกับสายน้ำ
ตึกรามบ้านช่องบางแห่งจะทะลายครืนลงมาอย่างน่าตกใจ หรือจะเรียกว่า <b><span style="color: red;">“ตึกถล่ม” </span></b>ก็
ไม่ผิด ถนนและสะพานหลายแห่งจะเสียหายจนใช้การไม่ได้
ประเทศต่างๆจะระดมความช่วยเหลือมายังประเทศไทย ข่าวใหญ่ข่าวดังไปทั่วโลก
กรุงเทพฯและปริมณฑล จะกลายเป็นทะเลสาป ไปในชั่วพริบตา </span><br />
<br />
<a name='more'></a><br />
<span style="font-family: Arial;">ต่างจังหวัดบางจังหวัดจะถูกคลื่นน้ำขนาดใหญ่ถล่มยับเยินแทบจะเรียกว่า <b>ราบเป็นหน้ากลอง</b> <b><span style="color: red;">ในปีพ.ศ.2557 ธรณีพิโรธสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง</span></b> ไม่อยากพูดว่าเพราะ <b><span style="color: #002060;">“เขื่อนบางแห่ง”</span></b>
จะแตกเดี๋ยวจะถูกฟ้องร้อง หาว่าทำให้เสียบรรยากาศการท่องเที่ยว
หรือข้อหาทำให้ประชาชนแตกตื่นตกใจ แต่อยากบอกซ้ำอีกครั้งให้ทุกคนจำไว้ว่า
ผมเคยพูดว่า <b><span style="color: #002060;">“ลูกชายคนเล็ก จะซื้อบ้านในกรุงเทพฯ แต่ผมห้ามไม่ให้ซื้อ”</span></b> ถึงปีพ.ศ.2557 ทุกคนจะเข้าใจและจะเห็นเหตุการณ์รุนแรงต่างๆ ตามที่ผมเขียนไว้ในวันนี้ </span><br />
<br />
<span style="font-family: Arial;">อย่าเพิ่งตื่นตระหนกตกใจจนเกินเหตุ เพราะบางเรื่อง หมอดูก็ทำนายผิดมาแล้วเหมือนกัน หมอดูไม่ใช่เทวดา แต่ <b><span style="color: #002060;">“หมอนิด” </span></b>เป็น
ห่วงทุกคนจึงขอให้ทุกคนอย่าประมาท อยากให้ทุกคนหมั่นสวดมนต์ ภาวนา
เอาไว้อย่างสม่ำเสมอ คนมีศีลธรรมจะรอดพ้น คนที่ปฎิบัติภาวนาจะปลอดภัย
ไม่ต้องลงทุนซื้อบุญด้วยเงินแม้แต่บาทเดียว เพียงแต่ลงทุนด้วย กาย วาจา ใจ
เท่านั้น ก็จะได้อานิสงส์แห่งบุญที่ยิ่งใหญ่ที่สุด ได้มากกว่าการสร้างโบสถ์
สร้างเจดีย์เสียอีก</span><br />
<br />
<span style="font-family: Arial;"><b><span style="color: red;">ใกล้ๆปลายปีพ.ศ.2557</span></b> ประเทศไทยอันตรายในเรื่อง <b><span style="color: red;">“ภัยธรรมชาติ”</span></b> ที่รุนแรงที่สุด หลังจากนั้นติดต่อไปถึงปี พ.ศ.2558 ประเทศไทยยังไม่พ้นภาวะแห่งกรรม เพราะจะมีบุคคล <b><span style="color: #0070c0;">“สำคัญ”</span></b> <b>ของประเทศสูญเสีย</b> ถึงตอนนั้นจะเกิดการช่วงชิงอำนาจกันระหว่าง <b><span style="color: #00b050;">“คนมีสี”</span></b>จะเกิดขึ้นตามมา <b><span style="color: red;">ปีพ.ศ.2557จะเป็นปีแห่งการทำลายล้าง</span></b>
พ่อค้า-นักธุรกิจและผู้ที่ลงทุนทำธุรกิจต่างๆ ควรจะต้องระวังให้มาก
ถ้าไม่หาทางป้องกันให้ดี ท่านจะเสียหายอย่างใหญ่หลวง
รวมไปถึงบริษัทหลายแห่ง
ยกเว้นบางบริษัทที่ถือครองสินค้าอุปโภค-บริโภคอยู่ในกำมือเท่านั้นแต่ก็ได้
รับผลกระทบด้วยไม่มากก็น้อยเหมือนกัน </span><br />
<br />
<span style="font-family: Arial;">ใน
ปีนั้นธนาคาร ทุกธนาคาร จะได้รับผลกระทบอย่างรุนแรง
สถาบันการเงินหลายแห่งจะสูญเสียอย่างมหาศาล
เพราะประชาชนเจอภัยทางธรรมชาติอย่างรุนแรง
จึงไม่สามารถที่จะหาเงินมาส่งคืนธนาคารได้ อ่วมแน่ๆสถาบันการเงินทั้งหลาย
หมู่บ้านจัดสรรต่างๆ จะได้รับผลกระทบอย่างรุนแรง
ประชาชนจะขยาดกับกรุงเทพฯและปริมณฑลไปนานทีเดียว
ราคาที่ดินในเขตที่เจอภัยพิบัติราคาจะตกต่ำลงมากทีเดียว
โรงงานบางแห่งจะถูกกระแสน้ำเข้าถล่มจนเสียหาย ถ้าเป็นโรงงานของชาวต่างชาติ
หรือแม้แต่ของนักธุรกิจชาวไทยที่โดนน้ำถล่ม
จะย้ายฐานการผลิตไปจากประเทศไทยบ้าง
ไปต่างจังหวัดที่ปลอดภัยสูงกว่าในกรุงเทพฯและปริมณฑล </span><br />
<br />
<span style="font-family: Arial;">จำไว้ <b><span style="color: red;">“กรุงเทพฯและปริมณฑล อันตราย”</span></b> มีสิทธิ์จมบาดาลภายในปี <b><span style="color: red;">พ.ศ.2557</span></b>
แต่คิดว่าคงจะยังไม่จมตลอดไป อาจจะจมบาดาลชั่วระยะเวลาหนึ่งเท่านั้น
แต่จะรุนแรงมากกว่าปีพ.ศ.2554 ที่ผ่านมาเป็นร้อยเท่า พันเท่า
จึงขอเตือนด้วยความเป็นห่วงคนไทยทุกคน <b><span style="color: red;">ผมมีสิทธิ์ถูกด่า มัดจำล่วงหน้าฟรีๆ</span></b>เพราะดันมาเขียนเรื่องที่ยังอยู่ห่างไกลนานเป็นปีๆ และไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่าจะเป็นจริงหรือไม่? </span><br />
<br />
<span style="font-family: Arial;">ผมไม่ใช่นักวิชาการ เป็นเพียงหมอดูธรรมดาคนหนึ่งเท่านั้น แต่อยากให้ทุกคนที่อ่านบทความในวันนี้ <b>ก๊อปปี้ หรือปริ๊นบทความนี้</b> แล้วนำไปอัดพลาสติกเก็บเอาไว้ดูเล่น เพราะ <b><span style="color: #002060;">“หมอนิด”</span></b> คงจะใกล้บ้ามากขึ้นทุกที จึงมานั่งทำนายเรื่องที่<b> <span style="color: #002060;">ยังไม่มี หมอดู ในประเทศไทย คนไหนกล่าวถึง</span>เลย</b> มันจะเป็นไปได้หรือ? มันจะเกิดขึ้นจริงหรือ? ยังไม่มีใครตอบได้ นอกจากกาลเวลาเท่านั้น จะเป็นเครื่องพิสูจน์ </span><br />
<br />
<span style="font-family: Arial;">ทางแก้นั้นยังพอมีอยู่บ้างถ้าทุกคนช่วยกันสวดมนต์ภาวนา ขอให้ประเทศไทยรอดพ้นจาก <b><span style="color: red;">“ภัยธรรมชาติ”</span></b> หากจะเกิดก็ขอให้อย่ารุนแรงมากนัก ทุกคนต้องร่วมมือและร่วมใจกันภาวนา สามารถช่วยให้บรรเทาลงได้ถ้ารีบทำกันตั้งแต่ตอนนี้ <b><span style="color: red;">ใครจะด่า หมอนิด ตอนนี้สามารถด่าได้ฟรี</span></b> เพราะเหตุมันยังไม่เกิด และไม่รู้ว่ามันจะเกิดหรือไม่? ขอให้ทุกคนใช้ <b><span style="color: red;">“วิจารณญาณ”</span></b> ในการอ่านบทความในวันนี้สิ่งที่ขาดไม่ได้เลยคือ <b>สติ</b> ทุกคนต้องมี <b>สติ</b> อย่าเพิ่งตื่นตกใจเกินเหตุ เดี๋ยวจะเป็นกระต่ายตื่นตูมไปกันใหญ่ </span><br />
<br />
<span style="font-family: Arial;">อย่าคิดว่า นี่เป็น <b>“หมอนิด”</b>
พูดหรือเขียนอะไร แล้วต้องเชื่อไปหมดทุกเรื่อง
ถ้าทุกคนไม่ประมาทถึงจะมีเรื่องร้ายๆเกิดขึ้นมาก็ตาม
มันก็สามารถผ่อนหนักให้เป็นเบาไปได้เช่นกัน
จงเชื่อในความดีที่ท่านได้ทำมาแล้ว และจงทำแต่ความดีตลอดไป จำไว้ว่า <b><span style="color: #002060;">“สวรรค์ทางรก...</span><span style="color: red;">นรกทางเตียน”...</span></b><span style="color: black;">เพราะฉะนั้นศีล</span><b><span style="color: black;">5 </span></b><span style="color: black;">ขอให้ทุกคนรักษาเอาไว้ให้ดี</span><span style="color: black;">เพราะจะเป็นเกราะคุ้มครองป้องกันยามมีภัย ภาวนาเข้าไว้ภัยทั้งหลายจะไม่มี </span></span><br />
<br />
<span style="font-family: Arial;"><span style="color: black;">ด้วยความเคารพ</span></span><br />
<span style="font-family: Arial;"><span style="color: black;">หมอนิด (กิจจา ทวีกุลกิจ) </span></span><br />
<span style="font-family: Arial;"><span style="color: black;">5 พ.ค.2555 </span></span><br />
<br />
<span style="color: black;"><span style="font-family: Arial;">ที่มา </span><a href="http://www.mornid.com/home.php" target="_blank"><span style="font-family: Arial;"><span style="color: navy;">http://www.mornid.com/home.php</span></span></a></span><br />
<br />
<span style="color: black;"><span style="font-family: Arial;"><span style="color: navy;">ขอขอบคุณที่มาจาก <a href="http://board.palungjit.com/">http://board.palungjit.com</a></span></span></span><br />
<span style="color: black;"><span style="font-family: Arial;"><span style="color: navy;"><br /></span></span></span><div class="blogger-post-footer">ด้วยความปรารถนาดีจาก...บล็อกเตือนภัยพิบัติโลก</div>Anonymoushttp://www.blogger.com/profile/09362385019399728087noreply@blogger.com17กรุงเทพมหานคร ประเทศไทย13.7234186 100.476231913.476614600000001 100.16037490000001 13.9702226 100.7920889tag:blogger.com,1999:blog-5294450998007589243.post-4909509207013656112012-04-25T21:28:00.000+07:002012-04-25T21:28:48.122+07:00อะไรเป็นสัญญาณก่อนเกิดภัยพิบัติครั้งรุนแรง<div align="center">
<span style="font-size: large;"><span style="color: blue;"><b><img alt="" border="0" src="http://rattanaphonchai.com/images/190aresok.jpg" /></b></span></span><br /> <a href="http://rattanaphonchai.com/chon.html" target="_blank"><span style="font-size: x-small;">สัญลักษณ์อาร์เธอร์นอล Arternall Symbol</span></a><a href="http://rattanaphonchai.com/chon.html" target="_blank"><br /> <span style="font-size: x-small;">ไม่เกิน ๘ ปีถ้าท่านไม่ตายก่อนจะได้เห็นสัญลักษณ์นี้</span></a><a href="http://www.naiin.com/ProductDetail.aspx?sku=BK135472285871855&AspxAutoDetectCookieSupport=1" target="_blank"><br /> </a><span style="font-size: x-small;"><span style="color: blue;">เขียนโดย อริโศก</span></span></div>
<br /> <div align="left">
<a href="http://board.palungjit.com/members/karan20-320450" target="_blank"><b>karan20</b></a> สมาชิก</div>
<br /> <div align="left">
ใน
ปี 2553 ผู้เขียนได้พบหนังสือเล่มหนึ่งชื่อว่า สัญลักษณ์อาร์เธอร์นอล
(Arternall Symbol) เขียนโดยผู้ใช้นามว่า อริอโศก
ในหนังสือดังกล่าวได้เล่าถึงประสบการณ์เร้นลับต่างๆ
ที่เกี่ยวข้องกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์
เรื่องประสบการณ์ในการปฏิบัติธรรมและเรื่องเร้นลับต่างๆ
ซึ่งหลายเรื่องเป็นความเชื่อส่วนบุคคลในหนังสือได้กล่าวถึงพระอาจารย์ดำ
เจ้าอาวาสแห่งวัดป่ารัตนพรชัยว่าพระอาจารย์ดำเป็นครูบาอาจารย์ของท่านผู้ที่
ใช้นามว่า อริอโศก</div>
<br /> <div align="left">
<b><span style="color: purple;">เรื่อง
ที่จะนำมาเล่าต่อไปนี้ ปรากฏอยู่ในหนังสือของผู้ที่ใช้นามว่า อริอโศก
ดังกล่าว ไม่ทราบว่าจริงเท็จประการใด ขอเชิญท่านผู้อ่านใช้วิจารณญาณ</span></b></div>
<br /> <div align="left">
สัญลักษณ์
อาเธอร์นอล นั้นหมายถึงสัญลักษณ์แห่งคุณงามความดี และอำนาจทำลายล้าง
ถ้าคนดีได้ครอบครองก็จะเป็นประโยชน์แก่โลกและบุคคลทั้งหลาย
แต่หากคนชั่วได้ครอบครองก็จะเป็นอาวุธทำลายล้างโลก เป็นหายนะแก่โลกและชีวิต</div>
<a name='more'></a><br /> <div align="left">
ลักษณะ
ของสัญลักษณ์อาเธอร์นอล มีลักษณะเป็นดวงแก้วกลมใสสว่างภายในมีรูปปิรามิด
และมีรูปดวงตาอยู่ตรงกลางปิรามิด
สัญลักษณ์นี้จะปรากฏก็ต่อเมื่อประเทศทั่วโลกถึงกาลวิบัติ
และเกิดความวุ่นวาย ผู้คนล้มตาย โรคระบาดอย่างรุนแรง แผ่นดินทรุดตัว
น้ำท่วมโลก</div>
<br /> <div align="left">
สัญลักษณ์อาเธอร์นอลจะปรากฏพร้อม
กับผู้มีบุญญาธิการสูงส่ง ซึ่งเป็นผู้ที่จะครอบครองสัญลักษณ์อาเธอร์นอล
เพื่อช่วยเหลือโลกและสร้างเมืองขึ้นมา ในยุคแห่งพระเจ้าจักรพรรดินั้น
บ้านเมืองจะเจริญรุ่งเรืองวิวัฒนาการเจริญก้าวหน้ากว่าทุกยุคสมัย
ในช่วงนั้นจะบังเกิดผู้มีบุญ 2 ท่านสำคัญคือ อาญาสิทธิ์และอาญาธรรม</div>
<br /> <div align="left">
<b><span style="color: blue;">อาญาสิทธิ์</span></b> คือพระเจ้าจักรพรรดิผู้มีอำนาจเด็ดขาดเป็นผู้ปกป้องศาสนาและสร้างโลก สร้างเมืองใหม่ ขจัดความอยุติธรรมทั้งหลายและยังเป็นผู้ทำลาย</div>
<br /> <div align="left">
<b><span style="color: blue;">อาญาธรรม</span></b> นั้นคือผู้นำศาสนาที่นำความเจริญแห่งพระธรรมของพระสัมมาสัมพุทธเจ้ามาสู่โลก ก่อนจะถึงศาสนาของพระศรีอาริยเมตไตรย</div>
<br /> <div align="left">
ท่าน
ทั้งสองนี้จะบังเกิดขึ้นแก่โลกในระยะเวลาไม่นานนับจากนี้
ก่อนที่บุคคลทั้งสองจะปรากฏตัว ทุกๆประเทศในโลกจะต้องได้พบกับภัยพิบัติ
และมีการสูญเสียดินแดนและสูญเสียประชากรครึ่งหนึ่งของประเทศ
ผู้คนทั่วโลกจะล้มตายเป็นจำนวนมาก เพราะน้ำมากถึงสามส่วน ดินมีแค่ส่วนเดียว</div>
<br /> <div align="left">
มนุษย์
ทุกคนต่างหนีเอาตัวรอดจากภัยพิบัติ
แต่บุคคลที่จะรอดได้นั้นจะต้องเป็นบุคคลที่มีศีลธรรม
หรือทำความดีไว้มากกว่าทำความชั่ว จึงจะรอดพ้นจากภัยพิบัติครั้งนี้ได้ <b><span style="color: red;">เฉพาะประเทศไทยนั้นจะมีผู้เสียชีวิตถึงสามสิบล้านคน</span></b>
น้ำจะท่วมตั้งแต่เกาะสิงค์โปร์ ประเทศมาเลเซีย
ภาคใต้ทั้งหมดถึงกรุงเทพมหานคร จะจมอยู่ใต้น้ำทั้งหมด
เนื่องมาจากคลื่นยักษ์ที่มีความเร็วมากกว่าที่เคยมีมาและสูงมากกว่าหนึ่ง
ร้อยเมตร
จะเกิดขึ้นอย่างแน่นอนและจะทำลายล้างทุกพื้นที่ในทางใต้ของประเทศทั้งหมด</div>
<br /> <div align="left">
สำหรับ
ภาคเหนือนั้นจะเกิดพายุหมุน ที่มีความรวดเร็วรุนแรงและสูงมากกว่าร้อยเมตร
หรือจะเรียกว่ามหาซุปเปอร์ทอร์นาโดเช่นเดียวกัน
อีกทั้งแผ่นดินจะเกิดการทรุดตัว ทำให้เกิดความเสียหายเป็นอันมาก
พายุลมและคลื่นน้ำจะมาบรรจบรวมกันเป็นหนึ่งเดียว
และจะทำลายทุกสิ่งทุกอย่างพินาศราบเป็นหน้ากลอง</div>
<br /> <div align="left">
<b><span style="color: red;">บุคคลที่ขาดคุณธรรมความดีจะถูกทำลายล้าง </span></b><br /> <b><span style="color: blue;">ผู้มีคุณธรรมความดีจะอยู่รอดจากภัยพิบัติ</span></b></div>
<br /> <div align="left">
<span style="color: darkred;"><b><u>ก่อนที่จะเกิดเหตุการณ์ทั้งหลายเห</u></b><b><u>ล่านี้ สิ่งที่จะต้องพบภายในประเทศบ้านเมืองนี้คือ </u>ผู้
คนภายในประเทศจะขาดความสามัคคี ใส่ร้ายป้ายสียุยงให้แตกแยก
แย่งชิงอำนาจเพื่อผลประโยชน์ส่วนตน
ใครที่ขัดผลประโยชน์ก็คิดหาทางกำจัดออกไป เกิดการเปลี่ยนแปลง
แย่งชิงอำนาจในระดับผู้นำทำให้บ้านเมืองเสียหายนำมาสู่ความล่มจม </b><b>ส่วนประชาชนต่างแบ่งพรรคแบ่งพวก ไม่มีความสามัคคี </b><b>จนเกิดเหตุการณ์บานปลาย ก่อให้เกิดสงครามกลางเมือง ทำให้ผู้คนเสียชีวิตมากมาย </b><b>นอกจากนี้ยังเกิดโรคระบาดร้ายแรงตามมาอีก ก่อให้เกิดความสูญเสียเป็นอันมาก</b></span></div>
<br /> <div align="left">
<span style="color: red;"><b>ภายหลังจากเกิดสงคราม ผู้คนล้มตายจำนวนมาก จากการแย่งชิงอำนาจแล้วบ้านเมืองขาดผู้นำ </b><b>ในช่วงนั้นก็จะเกิดภัยพิบัติที่เกิดขึ้นใหญ่โต ด้วยพายุลมและคลื่นน้ำที่บังเกิดขึ้นพร้อมกัน </b><b>และพัดทำลายทุกสรรพสิ่งในสภาวะอันน่าสะพรึงกลัวนั้น</b></span></div>
<br />
ที่มา <a href="http://board.palungjit.com/f178/%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B9%80%E0%B8%94%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B8%97%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B9%81%E0%B8%A5%E0%B8%B0%E0%B8%84%E0%B8%A7%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%84%E0%B8%B4%E0%B8%94%E0%B8%82%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%82%E0%B8%B2%E0%B8%A7-%E0%B9%80%E0%B8%95%E0%B8%A3%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%A1%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%A1%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%9A%E0%B8%A0%E0%B8%B1%E0%B8%A2%E0%B8%9E%E0%B8%B4%E0%B8%9A%E0%B8%B1%E0%B8%95%E0%B8%B4-335895.html" target="_blank"><span style="color: blue;">http://board.palungjit.com/f178/การเดินทางและความคิดของกาขาว-เตรียมพร้อมรับภัยพิบัติ-335895.html</span></a><div class="blogger-post-footer">ด้วยความปรารถนาดีจาก...บล็อกเตือนภัยพิบัติโลก</div>Anonymoushttp://www.blogger.com/profile/09362385019399728087noreply@blogger.com0กรุงเทพมหานคร ประเทศไทย13.7234186 100.476231913.476614600000001 100.16037490000001 13.9702226 100.7920889tag:blogger.com,1999:blog-5294450998007589243.post-47627914457887305632012-04-25T21:20:00.003+07:002012-04-25T21:20:45.524+07:00สาส์นสำคัญจากแม่พระธรณี<br /> <br />
<div align="center">
<img alt="" border="0" height="320" src="http://board.palungjit.com/attachment.php?attachmentid=2018297&stc=1&d=1335285501" width="266" /></div>
<br /> <span style="color: purple;">ผม
เข้าใจ (เอาเอง) ว่ายังมีคนอีกหลายคนที่ยังไม่ได้อ่านสิ่งที่แม่ฯมาสื่อ
ผมเลยถือโอกาสนี้คัดบางถ้อยคำที่ผมถือว่าโดนใจผมเป็นการส่วนตัวมาให้อ่านกัน
นะครับ</span><br />
-----------------<br />
มนุษย์ท้าทายความที่ชีวิตต้องดับสูญด้วยการทำสิ่งที่ไม่เกิดสิ่งที่ดีต่อตัว
เอง เจ้าคิดสิ วันหนึ่งมนุษย์สร้างกรรมซ้ำแล้วซ้ำเล่า
แล้วความตายมันจะชะลออยู่ได้อย่างไรล่ะลูก เมื่อเจ้ายังหยุดเวลาไม่ได้
เจ้ายังหยุดสิ่งที่ทำชั่วไม่ได้ แม่ถึงได้มาชี้ให้เห็น
มนุษย์อวดตนว่าเป็นผู้ฉลาด อวดตนว่าเป็นผู้คิดค้น
แต่ก็ยังมิสามารถที่จะคิดค้นหรือจับต้องสิ่งที่เรียกว่า
ความศรัทธาของมนุษย์ ได้ด้วยเครื่องที่ทันสมัย<br />
-----------------<br />
แต่เจ้าจำไว้นะลูกนะ เมื่อเจ้าเป็นลูกแม่
เจ้าทำในสิ่งที่เป็นกรรมต่อผู้อื่นโดยที่เจ้ารู้มากกว่าผู้อื่น
เจ้าจะได้รับโทษทัณฑ์มากกว่ามนุษย์ผู้อื่นเป็นหลายสิบเท่า
อย่างที่กฎมนุษย์มีไว้ ผู้ใดแต่งเครื่องแบบ ทำผิดโดยรู้เท่า
เขาจะมีกฎรับโทษทัณฑ์มากกว่าผู้อื่น ใช่มั้ยลูก?<br />
-----------------<br />
<a name='more'></a>สิ่งเร้นลับที่เจ้าเรียก ทำทุกอย่างได้เกินกว่ามนุษย์คิด
แต่มันมิใช่กิจของสิ่งเหล่านี้ใช่มั้ยลูก?
ที่ต้องมานั่งแปรสิ่งต่างๆเพื่อมาบำเรอความต้องการของมนุษย์ผู้โลภ
มิเช่นนั้น เราคงมิต้องให้สิ่งเร้นลับมาดูแลพวกเจ้า มาให้เจ้าให้อาหาร
ให้น้ำ ให้เสื้อผ้าสวมใส่
เราจะก็สามารถแปรสิ่งต่างๆให้มาเป็นปัจจัยสำคัญของการดำรงชีพได้
และแปรสิ่งเหล่านั้นให้กับพวกเจ้าได้รับความสุขสบาย เจ้าคิดเช่นนั้นมั้ย?
ถ้าทำเช่นนั้นได้ มนุษย์ก็จะกลายเป็นมนุษย์ผู้ช่างขอใช่มั้ยลูก?
ไม่ประกอบกิจอะไร เช้ามาเจ้าก็จุดธูป ขออย่างเดียว เมื่อขอได้
เจ้าก็ไหว้บอกว่าสิ่งเร้นลับเหล่านี้ศักดิ์สิทธิ์ เมื่อเจ้าขอไม่ได้
เจ้าก็บอกว่าสิ่งเร้นลับเหล่านี้ไม่ศักดิ์สิทธิ์ <br />
-----------------<br />
ที่บางคนมักจะบอกว่า ทำไมคนชั่วจึงได้ดีในสังคมนี้ใช่มั้ย
แต่เจ้าอย่าลืมนะลูกนะว่าคนชั่วเมื่อถูกกรรมถาโถม พระแม่คงคาถาโถม
มันหนักจนหลับตาไม่ลง มันทรมาน มากกว่าดินโคลนที่อุดปากและจมูก
มีแต่เพียงลมหายใจรวยระรินและความทรมาน มิได้หลับตายอย่างที่ผู้มีบุญ
จำนะลูก จงตายอย่างสงบ ดีกว่าชีวิตสิ้นด้วยความทรมาน<br />
-----------------<br />
มนุษย์ยังพิสูจน์ไม่ได้ว่า ที่เขาเรียกว่ากรรมมีจริงหรือไม่
มนุษย์จึงก่อแต่กรรม ใช่มั้ยลูก เพราะมนุษย์พิสูจน์ไม่ได้
แต่กรรม..แม่จะบอกเจ้าไว้ เหมือนกับประโยชน์ที่อยู่ในดิน
เจ้ามองไม่เห็นประโยชน์ในดินใช่มั้ยลูก แต่ดินทำให้หญ้าน้อยใหญ่เติบโต
มิมีน้ำ หญ้าก็เติบโตได้ด้วยอาหารในดินใช่มั้ยลูก เช่นกัน
กรรมก็เหมือนสิ่งที่อยู่ในดิน ที่มนุษย์มองไม่เห็น
แต่สามารถรู้ได้ว่าดินมีประโยชน์<br />
-----------------<br />
แม่ก็ได้แต่หวัง ผู้ใดเชื่อ ผู้นั้นก็จะรอด ผู้ใดมิเชื่อ แต่มิลบหลู่
ก็จะต้องรอด แต่รอดอย่างไรนั้นก็อยู่ที่ตัวเขาเช่นกัน กลับใจได้
สิ่งศักดิ์สิทธิ์ก็ให้อภัยนะลูกนะ แต่ผู้ใดมิเชื่อแต่ลบหลู่ ผู้นั้นแหละลูก
จะถูกโทษทัณฑ์ใหญ่หลวง<br />
-----------------<br />
สิ่งศักดิ์สิทธิ์ก็เหมือนกับ ลม ฟ้า อากาศ
ที่บางครั้งมนุษย์พยายามใช้เครื่องมือในการจัดพยากรณ์
แต่มนุษย์มิเคยได้ล่วงรู้ว่า อนาคตจะเกิดอะไรขึ้นใช่หรือไม่
เจ้าใช้เครื่องมือวิทยาศาสตร์พิสูจน์ได้มั้ย ได้มั้ยลูก?
และเจ้าก็พิสูจน์สิ่งศักดิ์สิทธิ์ไม่ได้เช่นกัน ใช่มั้ยลูก?
สิ่งที่เจ้าจะพิสูจน์กันได้ คือความเชื่อมั่น และศรัทธา นะลูกนะ
ตราบใดที่เจ้าเชื่อมั่น สิ่งศักดิ์สิทธิ์ก็จะคุ้มครองเจ้า <br />
-----------------<br />
จงยึดมั่น ในสิ่งที่เจ้าเชื่อว่าศักดิ์สิทธิ์
ไม่จำเป็นต้องยึดมั่นเรานะลูกนะ ยึดมั่นสิ่งที่เจ้าเรียกว่า
สิ่งศักดิ์สิทธิ์ของเจ้า
แล้วเจ้าจะได้สิ่งศักดิ์สิทธิ์เหล่านั้นตอบแทนให้นะ <br />
-----------------<br />
ตราบใดที่มนุษย์มิตาย นั่นแหละเรียกว่ามนุษย์ศักดิ์สิทธิ์
ถ้าตราบใดที่วิญญาณออกจากร่างมนุษย์ได้ เจ้าแพ้สิ่งศักดิ์สิทธิ์
แต่จงจำนะลูกนะ แพ้หรือชนะ ไม่ใช่สิ่งที่สิ่งศักดิ์สิทธิ์ต้องการ
สิ่งศักดิ์สิทธิ์ต้องการเพียงอย่างเดียว ความศรัทธาในความดี
เชื่อมั่นในความเป็นธรรม <br />
-----------------<br />
มิมีสัจธรรมอันใดที่อยากได้สิ่งที่มนุษย์เรียกว่าเงินตรา
สิ่งศักดิ์สิทธิ์มิได้อยู่ด้วยเงิน เจ้าอย่าซื้อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ด้วยเงิน
เหมือนที่มนุษย์ชอบซื้อกันด้วยเงินนะ จำไว้นะลูกนะ
สิ่งศักดิ์สิทธิ์มิต้องการเงินตราจากมนุษย์ แต่ต้องการเพียงคำภาวนา
และสิ่งที่เจ้าทำความดีสะสมเอาไว้เพื่อตัวเจ้าเอง จำนะลูกนะ
อย่าซื้อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ด้วยเงิน สิ่งศักดิ์สิทธิ์ตีค่ามิได้
แต่จงตีค่าสิ่งศักดิ์สิทธิ์ด้วยเส้นทางแห่งธรรมะนะลูกนะ <br />
-----------------<br />
แม่อยากจะบอกเจ้านะลูกชาวดินเอ๋ย เมื่อเจ้าหิว
เจ้าจงกินเข้าไปเพื่อร่างกายที่แข็งแรง เมื่อเจ้าอยากได้ความสุข
เจ้าจงแสวงหาความสุขที่ไม่อยู่บนความทุกข์ของผู้ใด เมื่อเจ้าโหยหาธรรมะ
เจ้าจงแสวงหาสิ่งที่เป็นสัจธรรมโดยแท้จริง
สิ่งที่เป็นสัจธรรมไม่ได้อยู่ไกลเกินเอื้อมนะลูกนะ มันอยู่ข้างกายเจ้า
มันอยู่ในใจเจ้า มันอยู่ในความคิดเจ้า<br />
-----------------<br />
จำไว้นะลูกชาวดิน เหมืองทองทั้งหลายที่แม่เคยให้สัจจะเจ้าไว้
จะไม่ถูกเปิดเลยแม้แต่แห่งเดียว เพราะความโลภกำลังครอบงำลูกชาวดินของแม่
สมบัติแม่พระธรณีจะไม่ให้แก่ผู้ใดทั้งสิ้น
ตราบใดที่มนุษย์ยังไม่ยอมก้มหัวให้กันและกัน ยังไม่ยอมละทิ้งความโลภ
ยังไม่กล่าวคำว่าขอโทษซึ่งกันและกัน พ่อภูผาจะเกิดขึ้นมาเพื่อพิพากษาเจ้า
แม่คงคาจะม้วนตัวกลับ กลืนชีวิตของพวกเจ้าไป และ ณ บัดนี้
แม่พระธรณีจะแยกร่างเพื่อรับร่างเจ้าให้หายลงไป
เพื่อที่จะกลบร่างเจ้าให้หมดไปจากโลกนี้ ให้ฝังความโลภ ความเย่อหยิ่ง
ความจองหอง เหลือเพียงความร่ำไห้ ความร้องหาจากกัน <br />
-----------------<br />
แต่ถ้าเจ้าเป็นผู้เจริญธรรมในเรื่องของสิ่งที่ต้องการแสวงหาอำนาจ
แสวงหาการยอมรับนับถือ เจ้าจะได้รับแค่คำกราบไหว้
เจ้าจะมีใจหม่นหมองยึดต่อทรัพย์สินสมบัติ
นั่นคือหนทางพาไปสู่ความฉิบหายของธรรมะ <br />
-----------------<br />
แต่จงจำแม่พูดและจงประกาศนะลูกนะ “สิ่งเร้นลับ” เป็นสิ่งที่ดีงามทั้งนั้น
แต่สิ่งที่อยู่ที่โล่งแจ้งอย่างที่พวกมนุษย์กระทำ ไม่ว่าจะเป็นการเข่นฆ่า
การแสวงหาอำนาจโดยมิชอบ การหาทรัพย์ศฤงคารโดยที่ทำให้ผู้อื่นเดือดร้อนนั้น
และทำในที่โล่งแจ้ง
ถือเป็นสิ่งที่น่าอายมากกว่าสิ่งเร้นลับที่มิเคยทำอะไรให้ผู้ใดเดือดร้อน
เพียงแต่สิ่งเร้นลับมิได้ออกมาโต้ตอบอะไรกับพวกมนุษย์
มิได้ออกมาทำอะไรให้มนุษย์เห็น เพียงแต่รอวันที่มนุษย์ทำร้ายตัวเอง
เมื่อการทำร้ายตัวเองเกิดขึ้นก็เหมือนกับกระจกบานใหญ่คือสิ่งเร้นลับ
มันก็จะหักเหแสงมุม
กลับไปยังเจ้าของที่เป็นผู้กระทำสิ่งเลวร้ายขึ้นมาซึ่งก็คือมนุษย์ไงลูก
เข้าใจหลักวิทยาศาสตร์ของพวกเจ้ามั๊ย?<br />
-----------------<br />
การสื่อทุกครั้งแม่จะผ่านพวกเจ้า
หรือเจ้าจะทำเทคโนโลยีอะไรของมนุษย์ก็ตามแต่ แต่แม่ก็จะพูดอยู่ใน ณ
ที่นี้นะลูกนะ อย่าให้มนุษย์ยึดถือรูปลักษณ์เป็นเครื่องเชื่อถือ
แต่อยากให้มนุษย์ยึดสิ่งที่แม่กล่าว หรือเรียกว่าวจี
โดยนำไปคิดตรึกตรองด้วยสมองของมนุษย์ที่เรียกว่าเป็น“นักคิด”
มนุษย์คิดได้ทุกอย่าง
แต่ทำไมมนุษย์ไม่คิดถึงคำที่สิ่งเร้นลับเปล่งออกไปหละลูก
มนุษย์เชื่อมนุษย์ด้วยกันใช่มั๊ยลูก
แต่ทำไมมนุษย์จึงไม่เชื่อสิ่งที่ตนเองไม่สามารถจับต้องได้<br />
ทุกอย่างมันจะเกิดให้มนุษย์จับต้องได้ด้วยความตายและหายนะนะลูกนะ<br />
-----------------<br />
มนุษย์อาจจะถามเจ้าว่า “ที่นี่มีการทรงเจ้ารึ?” เจ้าจงตอบเถอะ
“ที่นี่มิมีเจ้า “เจ้า”หมายถึง “ผู้นำ” ที่นี่มีแต่ความอ่อนน้อมถ่อมตน
ที่นี่มีแต่สิ่งที่มนุษย์เรียกว่า “ดินที่ต่ำต้อย” แต่ดินอันนี้นะลูกนะ
พร้อมที่จะให้มนุษย์เดินตาม ผู้ใดเดินตามดิน ผู้นั้นจะรอดและมีความสุข”<br />
-----------------<br />
“การภาวนา”หมายถึงการแลกกับชีวิตเพื่อนมนุษย์หลายๆ ล้านคน
แม่มิได้มาบอกเพื่อให้เจ้าสวดเพื่อตัวเจ้าเอง
แต่จงภาวนาให้กับเพื่อนมนุษย์ที่มิอาจยอมรับสิ่งเร้นลับ
มิอาจที่จะยอมรับในสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ภาวนานะลูกนะ แม่จะให้ประโยคไว้
จงพิมพ์และเผยแพร่ออกไปเพื่อหยุดยั้งการสูญเสียชีวิตมนุษย์ ใครไม่เชื่อ
มิต้องเป็นกังวล แม่จะทำงานเพื่อพวกเจ้า
มิให้พวกเจ้าถูกประณามว่าเป็นผู้ที่ไร้สาระ<br />
-----------------<br />
คำภาวนาเท่านั้น ที่จะดับทุกสิ่งทุกอย่างให้เกิดการสูญเสียน้อยที่สุด
เปรียบแล้วคำภาวนาก็เหมือนการยื่นอุทธรณ์ต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์
เมื่อมนุษย์ถูกพิพากษา ยังต้องมีการยื่นขอความยุติธรรมซึ่งก็ยังถูกรับไว้
ก็เช่นกัน เมื่อมนุษย์ร้องขอสิ่งศักดิ์สิทธิ์
สิ่งศักดิ์สิทธิ์ก็เปิดโอกาสและยอมรับในสิ่งที่มนุษย์ขอเหมือนการยื่น
อุทธรณ์<br />
-----------------<br />
เหมือนการที่เจ้าเติมน้ำทุกวันในแก้วใหญ่
เจ้าเติมทุกวันมันก็เต็มจนกระทั่งล้นอย่างไร้ประโยชน์
เจ้าก็ยังพยายามเติมเข้าไป ทั้งๆ ที่รู้ว่ามันล้น
เหมือนการกระทำที่มนุษย์พยายามสร้างกรรมขึ้นมาให้กับสิ่งที่มนุษย์เรียกว่า
“สังคม” สร้างแต่กรรมชั่ว เข่นฆ่ากัน ผิดประเวณี
ฉกฉวยเอาของผู้อื่นมาเป็นของตนเอง มักใหญ่ใฝ่สูง เย่อหยิ่งจองหอง ฯลฯ
มนุษย์กระทำขึ้นมาด้วยตัวเองทั้งนั้น แต่มักจะโทษสิ่งเร้นลับว่าขอแล้วมิได้
จึงต้องกระทำชั่ว ปล้นจี้ด้วยความจน<br />
มิมีมนุษย์ผู้ใดจนนะลูกนะ
แต่มนุษย์เอาทรัพย์ศฤงคารเป็นเครื่องตัดสินว่าจนหรือรวย
ทำไมมนุษย์ไม่เอาคำว่า“ความเป็นมนุษย์”เป็นเครื่องตัดสินหละลูก<br />
-----------------<br />
มนุษย์มิจำเป็นต้องบวชเหมือนบรรพชิตทั่วไปก็สามารถเป็นผู้สำเร็จศีลได้นะลูก
นะ มนุษย์เป็นผู้แสดงธรรมะก็ได้
ไม่ใช่เพศบรรพชิตเท่านั้นที่จะเป็นผู้บรรลุธรรม
มนุษย์ไม่ทำกรรมก็คือผู้บรรลุธรรม <br />
-----------------<br />
แม่มิได้ให้เจ้าหลงเฉพาะการที่นำเอาวิญญาณหรือจิตของบุรพกษัตริย์มายึด
เหนี่ยว แต่นั่นคือการให้เจ้าไปน้อมนบถึงผู้มีพระคุณที่ได้ยอมสละความสุข
มิแสวงหาอำนาจ มิทำให้ลูกหลานเดือดร้อน
แต่ยอมสละสิ่งที่สุขสบายที่สุดในชีวิต เพื่อให้พวกเจ้าได้มีดินแดนที่สงบสุข
ได้มีความร่มเย็น
ได้มีทุกสิ่งทุกอย่างด้วยเลือดเนื้อของพวกเขาที่ได้สูญเสียไป<br />
-----------------<br />
ในยุคหนึ่ง มนุษย์มิต้องใช้สิ่งที่เรียกว่า “พระเจ้าคือเงินตรา”
มาดำรงชีวิตเลยนะลูกนะ ยุคของการเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่
ยุคของการเห็นใจซึ่งกันและกัน ยุคนั้นเป็นยุคที่มนุษย์มีความสุขที่สุด
เป็นยุคที่ไม่รู้จักคำว่า “เข่นฆ่า” และอยู่ร่วมกันโดยสันติ
ข้าวไม่ต้องซื้อ น้ำไม่ต้องปันผล
ทุกอย่างอยู่อย่างมีความสุขเพราะไม่มีผู้แสวงหาความโลภ
ไม่มีผู้อยากมีทรัพย์ศฤงคารเป็นกอง
ไม่มีผู้ที่ต้องการเป็นใหญ่กว่าใครทั้งสิ้น
ทุกคนใช้ธรรมะในการมีชีวิตอยู่และมันก็เป็นยุคแห่งความสุขโดยแท้จริง<br />
-----------------<br />
แม้กระทั่งผู้ถือเพศบรรพชิต ก็ต้องกราบไหว้ด้วยสิ่งที่เรียกว่า
“ยศถาบรรดาศักดิ์” เจ้าจงถามเพื่อนมนุษย์ซิ
ในบรรพกาลที่พระพุทธเจ้าทรงสอนเจ้าไว้ มีพัดอันไหนที่เรียกว่าพัดยศรึ ?
พระองค์ใดท่านมียศศฤงคารรึ? บรรพชิตทุกรูปมีศักดิ์เสมอกัน<br />
-----------------<br /> <b><span style="color: darkred;">บางคนก็อาจจะถามแม่ ตนไม่ได้ทำผิด ทำไมถึงต้องถูกการลงโทษด้วยการเสียชีวิตปนไปกับผู้อื่นใช่ไหมลูก ?</span></b><br /> <br />
แม่จะยกตัวอย่างให้ฟัง เมื่อไฟไหม้อยู่ในตึกหลังใหญ่
มีพระภิกษุสงฆ์อยู่ในที่นั้น ผู้นั้นถือธรรมะโดยเคร่งครัด
แต่เมื่อไฟไหม้ถึง พระภิกษุองค์นั้นตั้งสติภาวนาคิดถึงสิ่งที่ตนเองได้ทำ
เพื่อขอให้สิ่งที่ตนเองจะทำต่อจากนี้ไปเป็นการชดใช้ต่อกรรมที่ตนทำขึ้น
เจ้ารู้ไหม
นั่นก็คืออีกสิ่งหนึ่งที่ทำไมบางสิ่งบางอย่างได้รอดแบบสิ่งที่เป็น
ปาฏิหาริย์ เช่นกันลูก ความเชื่อมั่นศรัทธาในสิ่งที่เจ้ายึดถือ
เจ้าก็จะรอดพ้นนะลูกนะ<br />
-----------------<br />
คนรุ่นเจ้ายังพอที่จะนบนอบสิ่งศักดิ์สิทธิ์
แต่คนรุ่นใหม่ที่มักจะเรียกตนเองว่า “นักคิดค้น” “นักวิชาการ”
แต่นักอะไรก็แล้วแต่
มิสามารถที่จะหยุดยั้งความพิโรธของธรรมชาติและสิ่งเร้นลับได้ใช่มั้ยลูก? <br />
แม่มิเคยเห็นนักคิดผู้ใด ที่จะหยุดฟ้ามิให้หลั่งฝนลงมา <br />
ไม่มีนักคิดผู้ใดที่จะหยุดคลื่นในมหาสมุทรและหยุดน้ำมิให้ท่วมท้นขึ้นมาได้<br /> <br />
*************************************************************************<br /> <br />
รวบรวมไป ๆ มา ๆ ชักเยอะแฮะ อ่านจนเหนื่อยรึยังครับ?
รู้สึกเหมือนผมไหมครับว่าคำพูดเหล่านี้ คนธรรมดาคิดเองไม่ได้แน่ ๆ
และในฉบับนี้ผมขอแนบสาส์นฉบับสุดท้ายของแม่พระธรณี
(อย่างน้อยก็ที่ผมมีในตอนนี้) มาให้อ่านนะครับ
นี่คือสิ่งที่แม่ฯได้สื่อกับผู้รับใช้หลังจากกลับจากพิธีบวงสรวงพระนเรศวร
แล้ว<br /> <br />
ก็เป็นอันว่า ผมได้ทำหน้าที่สื่อสิ่งที่แม่พระธรณีต้องการจะมาสื่อแล้ว
ดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องส่งอานนทวงศ์ซีรี่ส์นี้ให้มิตรรักแฟนเพลงอีกต่อไป
หลังจากนี้ถ้าจะมีตอนต่อ ๆ ไป
ก็คงจะเขียนเพื่อที่จะให้มีข้อมูลครบถ้วนขึ้นเท่านั้น แต่ผมสัญญาครับว่า
ถ้ามีข้อความอะไรที่แม่พระธรณีมาสื่ออีกแล้วผมเห็นว่าสำคัญ จะส่งให้เพื่อน ๆ
น้อง ๆ และอาจารย์ทราบอีกเช่นกัน<br /> <br />
ก่อนจะจบอานนทวงศ์ซีรี่ส์แบบบังคับอ่านนี้
ผมขอย้ำว่าเรื่องทั้งหมดไม่มีการแต่งเติมใด ๆ ทั้งสิ้น และผมเชื่อมั่น
99.99% ว่าสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ผมได้พูดถึงนี้มีอยู่จริง
และท่านหวังดีกับเราจริงๆ การที่เราเติบโตมาในสังคมแบบนี้
ทำให้เราตั้งแง่และลำบากใจที่จะเชื่อเรื่องเหล่านี้ เพราะพวก "หากิน"
มันมีทั่วทุกหนแห่ง แต่ลองถามตัวคุณเองนะครับว่า ถ้าเทพมีจริงๆ
และมาสื่อกับเราจริงๆ แต่เราดันใช้อคติส่วนตัว ปฏิเสธสิ่งเหล่านี้ไป
เรายังจะเรียกตัวเองว่ามนุษย์ผู้ฉลาดได้อีกหรือ
ผมเชื่อว่าผู้อ่านที่ผมเขียนหาทุกคนมีสติปัญญาเพียงพอที่จะแยกแยะระหว่าง
"ของจริง" กับ "ของปลอม" เพราะฉะนั้น ขอเถอะครับ
ช่วยอ่านสิ่งที่แม่ฯได้มาสื่ออีกครั้ง
ใช้วิจารณญาณไตร่ตรองและเลือกเชื่อแต่สิ่งที่คุณผู้อ่านคิดว่ามีเหตุผลและ
น่าทำตาม เท่านี้ หากเกิดเหตุการณ์อะไรไม่ดีขึ้นจริงๆ
จะได้ไม่มานั่งรู้สึกผิดหรือเสียดายทีหลังครับ<br /> <br />
หากเห็นว่าเรื่องราวทั้งหมดนี้ จะมีประโยชน์ต่อคนที่ผู้อ่านรู้จัก ช่วยประชาสัมพันธ์ด้วยนะครับ <a href="http://armtired.multiply.com/" target="_blank">Anontawong Series</a>
เพียงแค่ได้อ่านคำสอนธรรมะของแม่พระธรณี ผมว่าก็คุ้มแล้วนะครับ
ใครที่เชื่อแล้ว อย่าลืมช่วยภาวนานะครับ ใครที่ยังเชื่อครึ่ง ไม่เชื่อครึ่ง
แต่อยากรู้ อยากเห็นมากขึ้น ผมอาสาพาไปหาเตี่ยเซียนดำที่กาญจนบุรีได้
ติดต่อผมมาได้เลยนะครับ เอาตังค์ไปสามร้อยบาทพอ
ไว้แชร์ค่าน้ำมันกับค่าข้าวครับ<br /> <br />
ส่วนใครที่อ่านมาถึงตรงนี้แล้วยังไงก็ยังไม่เชื่อ - ไม่เป็นไรครับ
ยังไงถ้าคุณเป็นคนดี สิ่งศักดิ์สิทธิ์และกรรมดีที่คุณได้สร้างไว้
จะคุ้มครองคุณแน่นอน<br /> <br />
สวัสดีครับ<br />
รุตม์<br /> <br />
************************************************************************<br /> <br /> <div align="center">
<b><span style="font-size: medium;"><span style="color: blue;">สาส์นจากแม่พระธรณี ถึงผู้รับใช้ (5)</span></span></b></div>
<br />
เอาล่ะ เราจะเล่าถึงการบวงสรวง ณ วันนี้ให้เจ้าฟัง เรามิได้พาเจ้ามาด้วยความสนุก เราจะเล่าให้เจ้าฟังว่าทำไมถึงต้องมาบวงสรวงที่นี้<br /> <br />
เจ้ารู้ไหม? กว่าเจ้าจะมาอยู่สุขสบาย ณ ธรณีแผ่นนี้
ผู้ที่อยู่ตรงหน้าเจ้าต้องนำผู้คนหลายๆ ร้อยชีวิตมาเสียชีวิต ณ
แผ่นดินตรงนี้และศตวรรษของเจ้านี้ แผ่นดินที่เจ้าอยู่ ถูกผู้โลภ
ถูกผู้ที่แสวงหาอำนาจต้องการจะทำทุกอย่างเพื่อทำให้ทรัพย์ศฤงคารนั้นมาเป็น
ของตนเองโดยมิต้องผ่านการที่จะได้มาซึ่งการที่จะต้องเสียแม้แต่สิ่งใดสิ่ง
หนึ่ง ฉกฉวยช่วงโอกาสจากมนุษย์ผู้ที่ด้อยกว่า ทำให้เกิดทรัพย์ส่วนตัว <br /> <br />
ฉะนั้น วันนี้เราพาเจ้ามาเพื่อให้พวกเจ้าตั้งจิตปณิธาน
พวกเจ้าต้องใช้กำลังของพลังจิตที่จะช่วยกู้ชาติบ้านเมืองของพวกเจ้าด้วยการ
ใจไม่โลภ พอใจในสิ่งที่เจ้ามีในทรัพย์สินที่เป็นของเจ้าเท่านั้น
เจ้าต้องตั้งจิตจะช่วยกันเผยแพร่สิ่งที่จะหยุดยั้งความวิบัติ
ความฉิบหายได้ด้วยการไม่โลภในอำนาจ ไม่โลภในทรัพย์ศฤงคารผู้อื่น
เพียงแต่เจ้าตั้งมั่น ปฏิบัติตามสิ่งที่เจ้าได้ยึดถือไว้<br /> <br />
แม่บอกเจ้านะ ดวงจิตแห่งบุรพกษัตริย์ที่เจ้าอยู่ ณ ที่นี้
ยังอยู่เป็นดวงจิตที่ผู้นี้เคยตั้งสัตย์ไว้ มนุษย์ชอบศึกษาค้นคว้า
เจ้าลองไปค้นคว้าสิ คำสุดท้ายก่อนจะสิ้นนี้ เจ้าองค์นี้ตรัสไว้ว่า :-<br /> <br /> <b><span style="color: darkred;">“กู
จะไม่ขอไปเกิดทุกชาติ ทุกชาติไป ถ้าแผ่นดินที่ลูกหลานกูอยู่ยังร้อนเป็นไฟ
กูจะอยู่เพื่อที่จะให้ลูกหลานได้อยู่แผ่นดินที่มิร้อน มิยอมเป็นทาสใคร
และจะมิขายชาติ ลูกหลานตนใดขายชาติ ขายแผ่นดิน ขอให้มันฉิบหายในบัดดล”</span></b><br /> <br />
นี่คือคำที่บุรพกษัตริย์ผู้นี้ได้พูดไว้โดยที่ตั้งจิตว่าจะไม่ขอไปเกิดถ้า
แผ่นดินที่ตนเองหลั่งเลือดไว้มิเป็นสุข แม่ถึงได้พาพวกเจ้ามาตั้งจิต
ปลุกวิญญาณอันนี้ให้คุ้มครองผู้ที่กำลังจะยอมเสียสละชีวิตที่จะไม่ยอมให้ใคร
เข้ามาครอบครองและใช้อำนาจในการที่จะเอาทุกสิ่งทุกอย่างของผู้อื่นไปเป็นของ
ตนเอง<br /> <br />
จำนะลูกนะ พวกเจ้าเช่นกันอย่าโลภ
ความโลภคือความหายนะแห่งความฉิบหายแห่งชีวิตที่เป็นสุข
ความสุขนั้นมิได้อยู่ที่ทรัพย์ศฤงคารที่เยอะแยะ ความสุขที่แท้จริง
คือการแสวงหาธรรมะที่ถูกทาง ข้าวหนึ่งจาน
เจ้าก็สามารถประทังชีวิตได้หนึ่งวันใช่ไหมลูก?
แล้วทำไมเจ้าจึงต้องแสวงหาข้าวหลายร้อยจาน
หนึ่งวันเจ้าก็อิ่มได้ด้วยหนึ่งคำ ถ้าเจ้าพอเพียงในข้าวจานนั้น
เจ้าก็มีความสุขนะลูกนะ ดีกว่าเจ้าต้องไปแสวงหาข้าวร้อยพันจาน
แล้วทำให้ผู้อื่นต้องเลือดหลั่งริน น้ำตาอาบแก้ม ข้าวหลายร้อยจานนั้น
มิส่งความสุขให้พวกเจ้าหรอกนะลูกนะ มันคือความทุกข์ที่เจ้าต้องไปชดใช้ ณ
บัดดล<br /> <br />
จำเราพูดนะ เมื่อความฉิบหายมาถึงตนจากที่เจ้าโลภ
มันทรมานยิ่งกว่าหมาที่ถูกน้ำร้อนเดือดๆ ราด จนขนพองอย่างที่เจ้าเห็น
ความร้อนจากความโลภ ความร้อนจากความกระหาย
มันจะทำให้การตายครั้งสุดท้ายของมนุษย์ทรมานที่มนุษย์มักเรียกว่าการเข้า
ตรีทูต เพราะอะไรรู้ไหมลูก? ความตายเมื่อมันมาถึง เราจะให้เจ้าเห็นภาพ
เจ้าค่อยๆ หลับตาและมองตาม<br /> <br />
การตายก็เหมือนการที่เจ้าค่อยๆ ดึงสิ่งหนึ่งที่ออกจากปากอย่างช้าๆ
สิ่งนั้นมันเต็มปากเต็มคอใช่ไหม มันทรมานกว่าจะดึงออกมาจากปาก
เจ้าว่าเจ็บไหม? เมื่อมันเต็มปากแล้วเจ้าต้องค่อยๆ ดึง ดึงอย่างช้าๆ
เพื่อให้มันหลุดออกมาจากปากตนเหมือนความตายนะที่มันค่อยๆ ยื่นเข้ามาให้เจ้า
แต่เจ้าพยายามที่จะดึงกรรมเหล่านั้นออกให้พ้นการทรมาน แต่มันยากนะลูกนะ
เพราะเจ้ากินกรรมเข้าไปจนเกินกว่าที่เจ้าจะดึงมันออกแบบง่ายดาย
นี่ล่ะลูก... “กรรม” มิมีใครเคี่ยวเข็ญให้พวกเจ้าสร้าง
เจ้าสร้างด้วยมือเจ้าเอง กรรมเกิดจากความโลภ
เจ้าโลภอยากจะได้อำนาจก็คือกรรมอย่างหนึ่งที่มนุษย์ทุกคนอยากได้<br /> <br />
วันนี้แม่พูดกับ“แม่แผ่นเหล็ก” (คุณกาญจน์ลดา มฤคพิทักษ์)
เงินที่มนุษย์บอกว่าคือพระเจ้า เจ้าเข้าใจผิด พระเจ้าคือผู้ที่ให้ความสุข
แต่เงินที่มนุษย์เรียกว่าพระเจ้านั้น
มันให้ความทุกข์มากกว่าความสุขใช่หรือไม่
เจ้าต้องเข่นฆ่ากันด้วยคำว่าพระเจ้า <br /> <br />
สิ่งที่มนุษย์เรียกว่าพระเจ้านั้นเป็นเพียงการสมมุติขึ้นมาด้วยกระดาษหนึ่ง
แผ่นบางๆ พร้อมรูปลักษณ์ที่เจ้าบอกว่า “ชำระหนี้ได้ตามกฎหมาย”มนุษย์
แต่พระเจ้าแผ่นนี้ทำให้เจ้าต้องเข่นฆ่ากัน ทำให้เจ้าต้องทำทุกอย่าง
เพื่อได้พระเจ้าแผ่นเดียวมาเป็นของเจ้าใช่ไหมเจ้าลูกฮั้ว (คุณสมชาติ
ยงพิศาลภพ)<br /> <br />
แล้วถ้าเป็นพระเจ้าอย่างที่เจ้าบอกกัน มีรึเจ้าจะได้แต่ความทุกข์
พระเจ้าคือผู้ที่ให้ความสุข
นี่ก็คือสิ่งหนึ่งที่มนุษย์สมมุติรูปลักษณ์ขึ้นเองใช่ไหมลูก
มนุษย์สมมุติขึ้นมาว่านั่นคือพระเจ้า <br /> <br />
แต่ถ้าเจ้าสมมุติบ้างล่ะลูกว่าธรรมะก็คือพระเจ้า
ถ้าเจ้ารู้จักใช้ธรรมะอย่างถ่องแท้ ก็สามารถใช้หนี้ตามกฎหมายได้
กฎหมายแห่งกรรมที่มนุษย์มีอยู่ทุกผู้คน ใช้ธรรมะในการซื้อสิ่งต่างๆ
ด้วยใจที่บริสุทธิ์ จำเราพูดนะลูกนะ ธรรมะทุกศาสนาสอนให้มนุษย์หลุดพ้นได้
ถ้าเจ้าแสวงหาธรรมะอย่างจริงจัง มิมีศาสนาใดให้เจ้าเข่นฆ่ากันเอง
เพียงแต่ผู้สืบศาสนานั่นแหละที่พยายามจะสื่อให้เกิดการเข่นฆ่ากันด้วยวาจา
ในพุทธกาล มีศาสดาองค์ใดบ้างล่ะ ที่มาสอนผู้ที่เดินตามว่า
“จงเข่นฆ่ากันนะแล้วพวกเจ้าจะได้ขึ้นสวรรค์” เจ้าเคยได้ยินไหมลูก?<br /> <br />
แต่ ณ บัดนี้ ทุกศาสนาถือสิ่งที่เรียกว่าเงินตราคือพระเจ้าใช่ไหมลูก
สร้างวัตถุต่างๆ เพศบรรพชิตก็มียศถาบรรดาศักดิ์ แม่มิเคยเห็นในบรรพกาล
พระพุทธเจ้าไม่เคยมียศถาบรรดาศักดิ์ มีอยู่อย่างเดียวคือการอ่อนน้อมถ่อมตน
จากนั้นคือการยกย่องบุรพอาจารย์ให้เป็นผู้นำเท่านั้นเองนะลูกนะ <br /> <br />
แม่มาทำพิธีมี <b>“พริก”</b> มาหนึ่งถุง ความหมายของพริกคือความร้อนแรงของการรักชาตินะลูกนะ <br /> <br /> <b>“เกลือ”</b>
คือความเค็ม เจ้าจงรักษาความดี รักษาธรรมที่มีอยู่ในใจเจ้า
อย่างเกลือที่รักษาความเค็มของมันไว้ ตั้งแต่ต้นขึ้นคำว่า “เกลือ”
จนถึงทุกวันนี้ เกลือก็ยังรักษาความเค็มไว้เช่นนั้น<br /> <br /> <b>“ดิน”</b>
ที่เราให้นำมาด้วย ดินก็คือดิน ดินมีแต่ความต่ำต้อย
ดินคือสิ่งที่ให้ประโยชน์แบบเร้นลับ
มิได้ให้ประโยชน์ที่ทำให้มนุษย์จับต้องและมองเห็นในฉับพลันนะลูกนะ
แต่ดินให้ความอบอุ่นกับเท้ามนุษย์ที่เหยียบย่างลงไป เมื่อเจ้าหนาว
เจ้าเหยียบดินเจ้าจะได้ไออุ่นที่ร้อน เมื่อเจ้าร้อน
เจ้าเหยียบดินเจ้าจะได้ความเย็นจากดิน ดินมีให้เจ้าทุกอย่าง
แต่เจ้าจะใช้ดินอย่างไรล่ะลูกที่จะเกิดเป็นธรรมะในใจ จำนะลูกนะ
ความอ่อนน้อมถ่อมตนนั้นคือดินที่เจ้าควรจะอ่อนน้อมถ่อมตนในทุกอย่าง<br /> <br /> <b>“ข้าวเปลือก”</b>
ที่แม่เอามานี่คือ “แม่โพสพ” ที่มีแต่ให้กับพวกเจ้า
ก่อนจะเป็นข้าวให้เจ้าก็คือข้าวเปลือกที่มนุษย์มิเห็นความสำคัญ
แต่เห็นจากประโยชน์เพียงข้าวที่อยู่ในข้าวเปลือกใช่ไหมลูก
เหมือนบุคคลที่ต่ำต้อยที่เจ้ามองว่าเขาเหล่านั้นไม่มีประโยชน์
มิควรช่วยเหลือ แต่จำไว้นะลูกนะ รูปลักษณ์มนุษย์เป็นเพียงภายนอก
แต่ภายในข้าวเปลือกนั้นมีข้าวขาวที่มีประโยชน์สำหรับเจ้า<br /> <br />
เช่นเดียวกันนะลูกนะ อย่ามองมนุษย์เพียงเครื่องแต่งกาย
จงมองเข้าไปข้างในอาภรณ์ที่เจ้าประดับ
เสื้อผ้าที่เจ้าใส่เป็นเพียงการปิดสรีระที่มนุษย์ถูกเรียกว่า ชาย หรือ หญิง
เท่านั้น แต่ธรรมะสิลูก เจ้าควรจะต้องไขว่คว้า หาชุดงามๆ ไว้ใส่
ธรรมะอยู่ในใจเจ้าจะเป็นสุขมากกว่าใส่อาภรณ์สวยงาม
แต่จงใส่อาภรณ์ไว้เพื่อปิดสรีระเท่านั้นนะลูกนะ จำเราไว้เถิด
ธรรมะจะทำให้เจ้าเป็นสุขทั้งกายและใจตลอดไป เทพจะแซ่ซ้องสรรเสริญ
มนุษย์จะคบหาสมาคม แม้กระทั่งก็จะเข้าใกล้เจ้า เจ้าลองดูสิลูก
มนุษย์ผู้มีใจอ่อนโยน
แม้กระทั่งสัตว์เดรัจฉานที่เหล่ามนุษย์เรียกว่าไม่มีสมอง
แต่มันสามารถที่จะบอกเจ้าได้ว่าผู้ใดใจดีหรือผู้ใดใจร้ายใช่ไหมลูก? <br /> <br />
ก็เปรียบเช่นเดียวกันนะลูกนะ ธรรมะจะให้แต่ความสุขเจ้าตลอดไปถ้าเจ้าเดินทางในสายธรรมที่เป็นพอประมาณสำหรับตนเองนะลูกนะ<br /> <br />
วันนี้เราขอสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ณ ที่นี้จงให้พรกับพวกเจ้าที่มา
ผู้ใดคิดสิ่งใดในความพอประมาณที่เจ้าจะยังชีพ ขอให้เจ้าจงได้มีสิ่งนั้น
ความพอประมาณจงเกิดกับพวกเจ้าทุกคนด้วย<br /> <br />
สาธุ สาธุ สาธุ<br /> <br /> <b><span style="color: red;">หมายเหตุ :</span></b> <span style="color: blue;">ถอด
ความจากการสนทนาระหว่างแม่พระธรณีกับผู้รับใช้ และผู้มาร่วมพิธีบวงสรวง ณ
พระบรมราชานุสาวรีย์ สมเด็จพระนเรศวรมหาราช ณ ต.ดอนเจดีย์ อ.พนมทวน
จ.กาญจนบุรี เมื่อเวลา 20.14 น. วันพฤหัสบดีที่ 27 กรกฎาคม 2549</span><br /> <br />
ที่มา <a href="http://armtired.multiply.com/journal/item/19" target="_blank"><span style="color: purple;">http://armtired.multiply.com/journal/item/19</span></a><br />
<br />
<span style="color: purple;"><span style="color: black;">ขอขอบคุณที่มาจาก</span> <a href="http://board.palungjit.com/">http://board.palungjit.com</a> </span><div class="blogger-post-footer">ด้วยความปรารถนาดีจาก...บล็อกเตือนภัยพิบัติโลก</div>Anonymoushttp://www.blogger.com/profile/09362385019399728087noreply@blogger.com0กรุงเทพมหานคร ประเทศไทย13.7234186 100.476231913.476614600000001 100.16037490000001 13.9702226 100.7920889tag:blogger.com,1999:blog-5294450998007589243.post-68621330773154837902012-04-23T20:30:00.000+07:002012-04-23T20:30:01.889+07:00ภูเขาไฟใต้ทะเลใกล้จะระเบิด<div align="center">
<b><span style="font-size: large;"><span style="color: darkred;">ภูเขาไฟใต้ทะเลใกล้จะระเบิด</span></span></b><br /> <b><span style="color: blue;"><span style="color: blue;">โดยคุณน้ำใส</span></span></b></div>
<br /> <div align="center">
<b><span style="color: blue;"><span style="color: blue;"><img alt="" border="0" src="http://board.palungjit.com/attachment.php?attachmentid=399464&stc=1&d=1221300784" /></span></span></b><br /> <span style="color: blue;"><b><span style="color: blue;"><span style="color: blue;">พระราชพิพัฒนาทร หลวงพ่อถาวร จิตฺตถาวโร </span></span></b></span><span style="color: blue;"><br /> <span style="color: blue;"><b><span style="color: blue;">ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดปทุมวนาราม ราชวรวิหาร </span></b></span><br /> </span></div>
<span style="color: blue;"><span style="color: blue;"><br /> </span></span><div align="left">
ตอน
เที่ยงวันนี้(24/09/2005) ผมไปทำบุญที่วัดปทุมฯ
วันนี้โชคดีได้เจอหลวงพ่อถาวร ท่านอยู่พอดี
ได้เรียนถามเรื่องเหตุเภทภัยที่ระยะนี้มีภัยธรรมชาติเกิดขึ้นถี่เหลือเกิน
ท่านเมตตาฝากคำเตือนมา ผมจะเล่าให้ฟังดังนี้ </div>
<br /> <div align="left">
ตอน
ที่เรียนถามหลวงพ่อถาวร เกี่ยวกับเรื่องภัยพิบัติต่างๆในช่วงนี้
หลวงพ่อท่านบอกว่า "น้ำ" ยังไม่น่ากลัว "ไฟ" ต่างหากที่น่ากลัวกว่า
ที่ว่าไฟนั้นคือ <b><span style="color: red;">ภูเขาไฟใต้น้ำระเบิด</span></b>
ท่านบอกว่าตอนนี้ภูเขาไฟทั่วโลกกำลังอยู่ในระยะอุ้มท้อง
ท่านให้สังเกตว่าเมื่อตอนภูเขาไฟระเบิดใกล้จะคลอด ให้สังเกตดูตามสถานที่ๆ
มีบ่อน้ำพุร้อนนั่นแหละ มันจะปะทุขึ้นมาอย่างผิดปกติ <a name='more'></a></div>
<br /> <div align="left">
บอก
ให้รู้ล่วงหน้าก่อน และตามพื้นที่ๆมีการขุดเจอพลอยและอัญมณีมากๆนั้น
แสดงว่า เดิมเป็นแหล่งภูเขาไฟระเบิด เช่นที่เมืองกาญจนบุรี จันทบุรี
และอีกที่หนึ่งใกล้ๆกรุงเทพมหานครนี่เอง เป็นที่ๆเราคิดไม่ถึงกัน นั่นคือ
นครนายก สถานที่ๆรัฐบาลมีความคิดที่จะย้ายเมืองหลวงไปอยู่นั่นแหละครับ
หลวงพ่อท่านบอกว่า ลองขุดลงไปดูเป็นบ่อพลอยบ่ออัญมณีอีกแห่งหนึ่ง
ซึ่งยังไม่มีใครรู้นะครับผมเรียนถามท่านว่า อยู่ประเทศใดจึงปลอดภัยที่สุด
แน่นอนครับ </div>
<br /> <div align="left">
ท่านบอกว่าประเทศไทยนี่แหละครับ
ดีที่สุดแล้วเมื่อเทียบกับที่อื่นๆ ถึงเวลานั้น ผู้คนจะล้มตายกันมาก
ที่ไม่ตายนั้นกึ่งหนึ่งก็จะเสียสติเป็นบ้าเป็นบอ
ส่วนผู้ที่เจริญวิปัสสนาเจริญสติอยู่เป็นประจำ
ก็สามารถคุ้มครองตนเองได้ไม่เป็นบ้าเสียสติ
และจะกลายเป็นประชากรรุ่นบุกเบิกของคนยุคใหม่ </div>
<br /> <div align="left">
โดยคุณ น้ำใส 24/09/2005 , 22:17:05 </div>
<br /> <div align="left">
ที่มา <a href="http://www.bbznet.com/scripts2/view.php?" target="_blank">http://www.bbznet.com/scripts2/view.php?</a></div>
<br /> <div align="center">
<img alt="" border="0" src="http://board.palungjit.com/attachment.php?attachmentid=2011843&stc=1&d=1334980056" /></div>
<br /> <br /> <div align="left">
<span style="color: blue;"><b><span style="color: blue;"><span style="font-size: large;"><span style="color: navy;">"<u>สมิทธ"เตือนพื้นที่จังหวัดชายทะเลริมฝั่งอ่าวไทยมีโอกาสเกิดสึนามิ</u></span></span></span></b></span></div>
<span style="color: blue;"><br /> <br /> </span><div align="left">
อิน
โฟเควสท์ (17 พ.ค. 49)--ประธานคณะกรรมการศึกษาระบบการเตือนภัยล่วงหน้า
เผยนักวิชาการญี่ปุ่นคาดการณ์จังหวัดชายทะเลริมฝั่งอ่าวไทยอาจมีโอกาสได้รับ
ผลกระทบจากคลื่นสูงไม่ต่ำกว่า 3 เมตร
เนื่องจากครบรอบวัฏจักรตามธรรมชาติของเหตุแผ่นดินไหว
ในบริเวณหมู่เกาะของประเทศฟิลิปปินส์</div>
<br /> <div align="left">
<b><span style="color: darkred;">"เคยเกิดภูเขาไฟระเบิดที่บริเวณหมู่เกาะทางตอนใต้ของฟิลิปปินส์เมื่อประมาณ 80-90 ปี ซึ่งขณะนี้ครบรอบวัฏจักร </span></b></div>
<br /> <div align="left">
ซึ่ง
อาจจะทำให้เกิดคลื่นสึนามิในอ่าวไทยได้ และเมื่อ 30
ปีก่อนก็เคยเกิดคลื่นสูงขึ้นในอ่าวไทยมาแล้ว" นายสมิทธ ธรรมสโรช
ประธานคณะกรรมการศึกษาระบบการเตือนภัยล่วงหน้า กล่าว</div>
<br /> <div align="left">
ทั้ง
นี้ หากเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นจริง
ประเทศฟิลิปปินส์จะได้รับผลกระทบจากคลื่นสูงประมาณ 15 เมตร
ประเทศเวียดนามจะได้รับผลกระทบจากคลื่นสูง 8 เมตร
ส่วนประเทศไทยได้รับผลกระทบจากคลื่นสูงประมาณ 3 เมตร
ซึ่งจะสร้างความเสียหายให้กับถนนหนทางบริเวณชายฝั่ง
และน้ำทะเลหนุนเข้าสู่แม่น้ำลำคลองต่างๆ
จนเกิดภาวะน้ำท่วมเป็นระยะทางประมาณ 5 กิโลเมตร</div>
<br /> <div align="left">
"ไม่
ต้องการให้ประชาชนตื่นตระหนก
เพียงแต่ให้รับฟังการเตือนภัยอย่างใกล้ชิดและเตรียมพร้อมเพื่อความไม่ประมาท
เพราะแผ่นดินไหวเป็นสิ่งที่ไม่สามารถคาดการณ์ได้" นายสมิทธ กล่าว</div>
<br /> <div align="left">
ที่มา <a href="http://www.parliament.go.th/news/news_detail.php?prid=6196" target="_blank">http://www.parliament.go.th/news/new....php?prid=6196</a></div>
<br /> <div align="left">
<span style="color: blue;"><b><span><span style="color: blue;"><b><span style="font-size: large;"><span style="color: navy;">'ดร.กัญจีรา กาญจนเกตุ' กับ 'คำทำนายคลื่นยักษ์ในอ่าวไทย'</span></span></b></span></span></b></span></div>
<span style="color: blue;"><br /> <br /> </span><div align="left">
“การ
ทำนาย ทุกครั้งก็ไม่ได้พูดส่งเดช แต่มีหลักความเป็นไปได้
ส่วนใหญ่จะมองจะวิเคราะห์เป็นรายปี ถามว่าเคยพลาดไหม ตรงนี้แหละที่แปลก
อย่างเหตุการณ์พายุนาร์กีสที่พม่า แผ่นดินไหวที่จีน ก็เคยเตือนไว้ตอนปี
2548-2549 ว่ามันจะเกิด มันก็เกิดขึ้นในปี 2551 จริง ๆ” </div>
<br /> <div align="left">
ปลาย
ปี 2550 เตือนย้ำเรื่องพม่า จีน และต่อที่อินโดนีเซีย เกิดแผ่นดินไหว
ภูเขาไฟระเบิด และกระทบถึง ศรีลังกากับอินเดีย ต่อเนื่องมาที่ลาว
ซึ่งถ้าลาวแผ่นดินไหวไทยก็ต้องเจอ แต่ไม่รู้ว่าวงจรนี้จะเกิดเมื่อใด ? </div>
<br /> <div align="left">
<b><span style="color: blue;">สำหรับคำทำนายที่เกี่ยวกับไทย ดร.กัญจีรา บอกว่า</span></b></div>
<br /> <div align="left">
“สัญญาณอันตรายจะเกิดขึ้นด้วยคลื่นความถี่ ภาพภัยพิบัติล่าสุดที่เห็นคือ <b><span style="color: red;">ภูเขาไฟในอินโดนีเซียปะทุและระเบิด</span></b>
เกิดคลื่นยักษ์ในอ่าวไทย ไม่ใช่สึนามิ
แต่จะเป็นคลื่นที่ระลอกแล้วระลอกเล่า
ถาโถมเข้ามาพร้อมกับพายุที่มีความรุนแรงกว่าปกติ
คนที่อยู่แถวริมทะเลจะได้รับผลกระทบ อาทิ เพชรบุรี สมุทรปราการ”</div>
<br /> <div align="left">
ดร.กัญ
จีรา อธิบายด้วยเหตุผลทางวิทยาศาสตร์ว่า
จากภาพที่เห็นตั้งสมมุติฐานว่าบริเวณอ่าวไทย
เลียบชายฝั่งเป็นดินใหม่ที่มีโคลน
เมื่อมีการขยับตัวของแผ่นดินเกาะสุมาตราก็จะมี ลักษณะเหมือนโดมิโน
เมื่อตรงนี้ขยับตรงโน้นก็ขยับต่อทีละนิดไปเรื่อย ๆ
ในอ่าวไทยมีหลุมใหญ่จากการขุดเจาะก๊าซธรรมชาติ สูบน้ำมันมานาน 20-30 ปี
ของเหลวถูกสูบขึ้นมา ความสมดุลของโลกก็สูญเสียไป
ฉะนั้นแผ่นดินต้องเลื่อนลงไปทดแทน พื้นทรายทรุดตัวลงช้า ๆ
สิ่งที่เข้าไปแทนที่คือ ทราย ฟองอากาศ พื้นดินจะขยับไปเรื่อย ๆ
ซึ่งต้องมีผลกระทบ </div>
<br /> <div align="left">
ที่มา <a href="http://www.watthummuangna.com/board/showthread.php?p=96245" target="_blank">http://www.watthummuangna.com/board/...ad.php?p=96245</a></div>
<span style="color: blue;"><br /> <br /> <div align="left">
<span style="color: blue;"><b><span><span style="color: blue;"><b><span style="font-size: large;">คำทำนายของ </span></b></span></span><span><span style="font-size: large;"><span style="color: navy;"><b>นาย เดชพูลศักดิ์ จารุพันธ์พานิช (อ.คนเมืองบัว)</b></span></span></span></b></span></div>
</span><span style="color: blue;"><br /> <br /> </span><div align="left">
ภัยที่น่าสะพรึงกลัวใหม่ๆ ได้แก่ </div>
<br /> <div align="left">
๑.<b><span style="color: red;"> ภูเขาไฟระเบิดใต้น้ำ</span></b>
ในรอยแตกเดิม ที่มีความเหลื่อมล้ำของพื้นดินถึง ๔๐ เมตร ปากหลุมกว้าง ๑
กิโลเมตร ยาวเป็นพันเมตร
ภูเขาไฟใหม่นี้อาจจะระเบิดต่อเนื่องเจ็ดวันเจ็ดคืนจึงดับ
ทรัพยากรทางน้ำจะเสียหายมาก อิสลามกับคริสต์อาจจะตายเพิ่มขึ้นอีกเป็นล้านคน</div>
<br /> <div align="left">
๒. จะเกิดภัยสงครามมากขึ้นทั่วโลกแน่นอน ทุกอย่างจะเป็นไปตามที่หลวงพ่อราชพรหมยานได้บอกไว้แล้ว ขอบเขตเท่านั้น <b><span style="color: blue;">คริสต์และอิสลามจะตายอย่างละครึ่ง</span></b>
ที่เหลือกลัวความตาย
รอดได้ด้วยพุทธานุภาพหรือบุคคลที่เคยประกอบบุญกุศลเนื่องด้วยพุทธศาสนา
ส่วนใหญ่จะเป็นบริวารของพระพุทธเจ้าองค์ก่อนๆ ที่หลงเหลืออยู่ จะได้แนวทาง
แห่งมโนมยิทธิ สายวัดท่าซุงเป็นแนวทางหลักในการปฏิบัติ </div>
<br /> <div align="left">
ลูก
หลานของหลวงพ่อที่ได้มโนฯ
จะช่วยกันเผยแพร่งานพระศาสนาอย่างยิ่งยวดไม่มีวันหยุดไม่เหน็ดไม่เหนื่อย
พระพุทธศาสนา จึงจะรุ่งเรืองถึงขีดสุด ส่วนสายปฏิบัติธรรมอื่นๆ
นั้นก็ได้ช่วยกันบ้างพอสมควร แต่เนื่องด้วยว่าหลักคำสอนแต่ละสำนักนั้น
ได้ให้ข้อธรรมที่วกวนขาดประเด็นสำคัญในการปฏิบัติ
สิ่งใดอธิบายได้ให้เข้าใจง่าย ๆ ก็อธิบายให้วกวนยากเสียเป็นส่วนใหญ่
ไม่ทันการต่อการตัดสินใจเฉพาะหน้า จึงเป็นเหตุให้ท่านเหล่านั้น
ปรับสภาพไม่ค่อยทันแก่เหตุการณ์นั่นเอง </div>
<br /> <div align="left">
จากคุณ คนเมืองบัว เมื่อวันที่ 11/5/2548 0:51:37 </div>
<br /> <a href="http://www.konmeungbua.com/webboard/aspboard_Question.asp?GID=4540" target="_blank">http://www.konmeungbua.com/webboard/...n.asp?GID=4540</a><br />
<br />
ขอขอบคุณที่มาจาก <a href="http://board.palungjit.com/">http://board.palungjit.com</a><div class="blogger-post-footer">ด้วยความปรารถนาดีจาก...บล็อกเตือนภัยพิบัติโลก</div>Anonymoushttp://www.blogger.com/profile/09362385019399728087noreply@blogger.com1กรุงเทพมหานคร ประเทศไทย13.7234186 100.476231913.476614600000001 100.16037490000001 13.9702226 100.7920889tag:blogger.com,1999:blog-5294450998007589243.post-14377578952336814772012-04-22T22:08:00.003+07:002012-04-22T22:10:37.679+07:00คำทำนายดวงเมืองประเทศไทย จากเว็บนวกาพรหม<br />
<div align="center" class="MsoNormal" style="line-height: normal; margin-bottom: .0001pt; margin-bottom: 0cm; text-align: center;">
<b><span lang="TH" style="font-family: "Angsana New","serif"; font-size: 18pt;">คำทำนายดวงเมืองประเทศไทย
</span></b><span style="font-family: "Angsana New","serif"; font-size: 14pt;"><br />
</span><b><span lang="TH" style="font-family: "Angsana New","serif"; font-size: 18pt;">จากเว็บนวกาพรหม</span></b><span style="font-family: "Angsana New","serif"; font-size: 14pt;"></span></div>
<div class="MsoNormal" style="line-height: normal; margin-bottom: .0001pt; margin-bottom: 0cm;">
<span style="font-family: "Angsana New","serif"; font-size: 14pt;"><br />
<span lang="TH">กาดำดื่มน้ำตะโก พึ่งพักฟังบนป่ายี่โถ กาดำรู้นาดี จะเปลี่ยนสีเป็นกาขาวชาวอริยะ
ภายหลังประเทศสยามเปลี่ยนชื่อมาเป็นประเทศไทย เมื่อวันที่ </span>24 <span lang="TH">มิถุนายน </span>2482 <span lang="TH">เวลา </span>09.00 <span lang="TH">น.
ลัคนาราศีกรกฎ จะแบ่งยุคบ้านเมือง ออกเป็น </span>10 <span lang="TH">ยุค ยุคละ </span>10
<span lang="TH">ปี ดังนี้</span></span></div>
<div class="MsoNormal" style="line-height: normal; margin-bottom: 0.0001pt;">
<span style="font-family: "Angsana New","serif"; font-size: 14pt;"><span lang="TH"> </span> <br />
</span></div>
<div class="MsoNormal" style="line-height: normal; margin-bottom: 0.0001pt;">
<span style="font-family: "Angsana New","serif"; font-size: 14pt;"></span></div>
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<a href="http://www.navagaprom.com/oldsite/Images/Books/Navagaprom/NEWH2.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" height="320" src="http://www.navagaprom.com/oldsite/Images/Books/Navagaprom/NEWH2.jpg" width="264" /></a></div>
<div class="MsoNormal" style="line-height: normal; margin-bottom: 0.0001pt;">
<span style="font-family: "Angsana New","serif"; font-size: 14pt;"><br />
1.<span lang="TH">พ.ศ.</span>2482 - 2492 <span lang="TH">ยุคกาลี </span>2.<span lang="TH">พ.ศ.</span>2492 - 2502 <span lang="TH">ยุคมิตรมาเยือน </span>3.<span lang="TH">พ.ศ.</span>2502 - 2512 <span lang="TH">ยุคเฉือนดินแดน </span>4.<span lang="TH">พ.ศ.</span>2512 - 2522 <span lang="TH">ยุคแสนแค้นกลางเขาควาย </span>5.<span lang="TH">พ.ศ.</span>2522 - 2532 <span lang="TH">ยุคลายเสือครองเมือง </span>6.<span lang="TH">พ.ศ.</span>2532 - 2542 <span lang="TH">ยุคฟูเฟื่องชาวสังคม</span> 7.<span lang="TH">พ.ศ.</span>2542 - 2552 <span lang="TH">ยุคชมบุญทรราชย์ </span>8.<span lang="TH">พ.ศ.</span>2552 - 2562 <span lang="TH">ยุคชาติวิปโยค</span> 9.<span lang="TH">พ.ศ.</span>2562 - 2572 <span lang="TH">ยุคโรคคลาย </span>10.<span lang="TH">พ.ศ.</span>2572 - 2582 <span lang="TH">ยุคหายกังวล </span></span></div>
<div class="MsoNormal" style="line-height: normal; margin-bottom: 0.0001pt;">
<span style="font-family: "Angsana New","serif"; font-size: 14pt;"><span lang="TH"></span></span></div>
<a name='more'></a><br />
<div class="MsoNormal" style="line-height: normal; margin-bottom: 0.0001pt;">
<br /></div>
<div align="center" class="MsoNormal" style="line-height: normal; margin-bottom: .0001pt; margin-bottom: 0cm; text-align: center;">
<span style="font-family: "Angsana New","serif"; font-size: 14pt;"></span><span style="font-family: "Angsana New","serif"; font-size: 14pt;"></span></div>
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<a href="http://www.navagaprom.com/oldsite/Up/NewE-01.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" src="http://www.navagaprom.com/oldsite/Up/NewE-01.jpg" /></a></div>
<div class="MsoNormal" style="line-height: normal; margin-bottom: 14.0pt;">
<span style="font-family: "Angsana New","serif"; font-size: 14pt;"><br />
<span lang="TH" style="color: black;">ปลาย ปีจอ พ.ศ. </span><span style="color: black;">2549 <span lang="TH">ยามเดือนแรมไปแล้ว ฝูงชนทั้งหลายจะเกิดเดือดร้อนหลาย
เช่น ทุกข์ยากฮ้อน ย้อนไฟและน้ำ ทุกข์ยากฮ้อน ย้อนบ่มีไผเบิ่งไผ ทุกข์ยากฮ้อน ย้อนอึดข้าวปลาอาหาร
ทุกข์ยากฮ้อน ย้อนผัว - เมียบ่เห็นหน้ากัน ทุกข์ยากฮ้อน
ย้อนมีคนตายตามทุ้งไร่ทุ่งนา ทุกข์ยากฮ้อน ย้อนไปต่างประเทศบ่สะดวก ทุกข์ยากฮ้อน
ย้อนนอนบ่หลับ เมืองกรุง ทุกข์ยากฮ้อน ย้อนศึกขัดแย้งบ่แล้ว </span></span></span></div>
<div align="center" class="MsoNormal" style="line-height: normal; margin-bottom: .0001pt; margin-bottom: 0cm; text-align: center;">
<span style="color: black; font-family: "Angsana New","serif"; font-size: 14pt;"></span><span style="font-family: "Angsana New","serif"; font-size: 14pt;"></span></div>
<div class="MsoNormal" style="line-height: normal; margin-bottom: 14.0pt;">
<span style="font-family: "Angsana New","serif"; font-size: 14pt;"></span></div>
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<a href="http://www.navagaprom.com/oldsite/Up/NewE-03.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" src="http://www.navagaprom.com/oldsite/Up/NewE-03.jpg" /></a></div>
<div class="MsoNormal" style="line-height: normal; margin-bottom: 14pt;">
<span style="font-family: "Angsana New","serif"; font-size: 14pt;"><br />
</span><b><span lang="TH" style="color: blue; font-family: "Angsana New","serif"; font-size: 13.5pt;">คำทำนายปลายรัชกาลที่ </span></b><b><span style="color: blue; font-family: "Courier New"; font-size: 13.5pt;">9</span></b><span style="font-family: "Angsana New","serif"; font-size: 14pt;"><br />
<br />
</span><span lang="TH" style="color: black; font-family: "Angsana New","serif"; font-size: 13.5pt;">คำทำนายที่เคยมีช้านานนัก
เริ่มประจักษ์ให้เห็นเร้นไม่ได้ ครูบาอาจารย์ท่านเคยทำนาย
เมื่อถึงปลายรัชกาลผ่านเข้ามา</span><span lang="TH" style="color: black; font-family: "Courier New"; font-size: 13.5pt;">
</span><span lang="TH" style="color: black; font-family: "Angsana New","serif"; font-size: 14pt;">ประเทศ ชาติจะรุ่งเรืองและเฟื่องฟุ้ง
น้ำมันผุดขึ้นมาจนเห็นค่า พวกกาขาวจะบินรี้หนีเข้ามา เป็นประชาจนเต็มพระนคร
ชนทั่วโลกจะยกพระองค์ท่าน ชื่อกระฉ่อนร่อนทั่วทุกสิงขร ออกพระนามลือชื่อดั่งทินกร องค์อมรเอกบุรุษแห่งแผ่นดิน
</span><span style="font-family: "Angsana New","serif"; font-size: 14pt;"><br />
<br />
<span lang="TH" style="color: black;">ชาวประชา จะปิติยิ้มสดใส
แต่อกไหม้หนอนกินข้างในสิ้น จะมีพวกกาฝากคอยกัดกิน เพื่อให้ได้สิ่งถวิลสมจินตนา
จะมีการต่อตีกันกลางเมือง ขุนนางเขื่องกังฉินกินทั่วหล้า
คอรัปชั่นจะกัดกร่อนทั้งพารา ประดุจปลวกกินฝานั้นปะไร ข้าราชการตงฉินถูกประนาม
สามคนหามสี่คนแห่มาลากไส้ เกิดวิกฤติผิดเพี้ยนโดยทั่วไป โกลาหลหม่นไหม้ไร้ความดี</span><br />
<br />
<span lang="TH" style="color: black;">ประชา ชีจะสับสนเรื่องดีชั่ว
ถ้วนทุกทั่วจะหมุดขุดรูหนี ไม่แน่ใจสิ่งที่ทำนำความดี เกรงเป็นผีตายตกไปตามกัน พุทธศาสน์จะถูกรุกและล้ำ
มิตรเคยค้ำเป็นศัตรูมุ่งอาสัญ เกิดวิกฤติธรรมชาติอุบาทว์ครัน
พายุลั่นน้ำถล่มดินทลาย แผ่นดินแยกแตกเป็นสองปกครองยาก เกิดวิบากทุกข์เข็ญระส่ำระสาย
เกิดการปราบจลาจลชนล้มตาย เลือดเป็นสายน้ำตานองสองแผ่นดิน </span><br />
<br />
<span lang="TH" style="color: black;">ข้า เป็นนายนายเป็นข้าน่าสมเพช
ผู้มีบุญมีเดชจะสูญสิ้น ทั้งพฤฒาอาจารย์ลือระบิล จะร่วงรินดุจใบไม้ต้องสายลม
ความระทมจะถมทับนับเทวศ ดั่งดวงเนตรมืดบอดสุดขื่นขม คนที่ดีจะก้มหน้าสุดระทม ส่วนคนชั่วหัวร่อร่าทำท่าดัง
จะมีหนึ่งนารีขี่ม้าขาว ควงคฑามุ่งสู่ดาวสร้างความหวัง
ผู้ปกครองจะเป็นหญิงพึงระวัง สายน้ำหลั่งกรากเชี่ยวหวาดเสียวใจ</span><br />
<br />
<span lang="TH" style="color: black;">ศิวิไลซ์ จะบังเกิดในสยาม
หลังฝนคร้ามลั่นครืนจะยืนได้ จะเข้าสู่ยุคมหาชนพาไป เปลี่ยนเมืองใหม่ศักราชแห่งประชา
คนชั่วจะถูกปราบราบคาบสิ้น แผ่นดินเดือดสูญหายไร้ปัญหา
ประเทศชาติผ่านวิกฤติด้วยศรัทธา ยามเมื่อฟ้าสีทองผ่องอำไพ</span><span style="color: blue;"><br />
<br />
</span><b><span lang="TH" style="color: purple;">สำหรับประเทศไทย</span></b><span lang="TH" style="color: black;"> ในส่วนของบาปศักดิ์สิทธิ์ลงโทษเป็นกรรมที่กำลังให้ผลอยู่
ไม่อาจลบล้างได้ มันจะต้องให้ผลสืบไปจนสุดกำลังของมัน สามารถทอนจากหนักเป็นเบา คือ
อ่อนกำลังลง ด้วยบุญขั้นสูงคือ ฌานสมาบัติ ดวงเมืองรัตนจักรียุค </span><span style="color: black;">9 <span lang="TH">ปลายยุค จะมีการพยายามทำลายล้มมิให้เข้าสู่ยุคศรีวิไล
ความเจริญแห่งแผ่นดินก่อเกิดความอุดมสมบูรณ์พูนสุข ความสันติสุขร่มเย็น ภายใต้ร่มโพธิ์เงิน
</span>– <span lang="TH">ไทรทอง การวางแผนซ้อนหลักเมืองสับเปลี่ยนเสาสันติ ทำให้แผ่นดินเดือดร้อน
และดับดาวเจ้าของยุคชาวศรีวิไลโดยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ดาวโพธิสัตว์สาย</span> “<span lang="TH">สันติ</span>” <span lang="TH">ที่จะเป็นผู้เชื่อมรัตนจักรยุคที่ </span>9 <span lang="TH">ต่อเนื่องยุคที่ </span>10 <span lang="TH">ชาวศรีวิไล </span></span><span style="color: blue;"><br />
<br />
</span><span lang="TH" style="color: black;">ยัง ผลให้ศาสนจักร อาณาจักร
และสถาบันกฎหมาย แตกความสามัคคี ความเดือดร้อนบังเกิดขึ้นทุกหมู่เหล่า ประวัติศาสตร์จักซ้ำรอยถอยสู่ยุค
</span><span style="color: black;">8 <span lang="TH">ยุคทมิฬ เป็นกาดำ กาลีสูบเลือด
ดวงเมืองเกิดกาสีดำถอยจักร บ้านเมืองเข้าสู่ความมืดมิดด้วยเภทภัยต่าง ๆ ดาวศาสดาแห่งสันติผูกระหัสทางโลก
</span>8 <span lang="TH">จุด และทางธรรม </span>8 <span lang="TH">จุด กับแผ่นดินรัตนโกสินทร์
คำว่า </span>“<span lang="TH">รัตนะ</span>” <span lang="TH">คือนพรัตน์ทั้ง </span>9
<span lang="TH">ตรงในยุคจักรีที่ </span>9 <span lang="TH">บุรพชนต้นตระกูลวางดวงเมือง
หลักศาสนา และฐานกษัตริย์ ไว้ทางโลก </span>8 <span lang="TH">จุด และทางธรรม </span>8
<span lang="TH">จุด </span></span><span style="color: blue;"><br />
<br />
</span><span lang="TH" style="color: black;">เพื่อให้แผ่นดิน เมื่อมาถึงยุครัตนจักรที่
</span><span style="color: black;">9 <span lang="TH">จักสามารถข้ามเข้าสู่ </span>“<span lang="TH">ยุคชาวศรีวิไล</span>” <span lang="TH">ได้ไว้ที่องค์พระแก้วมรกต
วัดพระศรีรัตนศาสดาราม ทางโลก ระหัสอาทิตย์ หลักเมือง ทางธรรม ระหัสจันทรา หลักศาสนาทั้งทางโลกและทางธรรมเพื่อหนุนส่งเสริมฐานกษัตริย์
ยุครัตนจักร์ที่ </span>9 <span lang="TH">ปลายยุคจึงแปรผันเป็นยุคทมิฬ </span>– <span lang="TH">ถิ่นกาขาว ประชาชาติแตกเป็น </span>2 <span lang="TH">ฝ่าย
อกตัญญูต่อแผ่นดิน เนรคุณต่อสัตยบันสัญญา จะโค่นล้างเผ่าพันธ์ชนชาติตนเอง
นำพาชาติสู่ความวิบัติ ผู้คนไม่อยู่ในศีลธรรม เป็นกาเมา กาเม หักหลัง ทรยศ เนรคุณ </span></span><span style="color: blue;"><br />
<br />
</span><span lang="TH" style="color: black;">ส่ง ผลกระทบเส้นเสาและเส้นฐานของโลก เพราะกำเนิดประเทศไทยและกำเนิดโลกซ้อนอยู่ในดวงเดียวกัน
ก่อเกิดภัยธรรมชาติดังนี้แนวนอน </span><span style="color: black;">1.<span lang="TH">สภาวะน้ำแข็งขั้วโลกเหนือละลาย สื่อดวงจันทร์แนวตั้ง </span>2.<span lang="TH">สภาวะโลกร้อนเรือนกระจก สื่อดวงอาทิตย์ซึ่งจักนำมหันตภัยธรรมชาติมาทำลายล้างแผ่นดินและมนุษยชาติ</span></span><span style="color: blue;"><br />
<br />
<b><span lang="TH">โอ...น่าอนาถแท้ สยามเฮย ใครเล่าจะจัดพิภพ เพริศแพร้ว
ยามสีเจ็ดเดชไกรกลบ กลาดเกลื่อน ฤา..ใครจะยิ่ง </span>“<span lang="TH">แก้วมรกต</span>”
<span lang="TH">ล้ำค่าควรเมือง</span></b><br />
<br />
</span><span lang="TH" style="color: black;">เพื่อ ให้เป็นไปตามโองการนวกาพรหม
นามแม่กาเผือก สู่แผ่นดินรัตนโกสินทร์ ว่าแผ่นดินนี้เป็นแผ่นดินแห่งการสืบศาสนจักร
อาณาจักร พุทธจักร มรรคผล นิพพาน ในฝ่ายสัมมาทิฐิแต่ส่วนเดียว ภายใต้ร่มโพธิ์เงิน </span><span style="color: black;">– <span lang="TH">ไทรทอง เงาร่มโพธิ์ </span>– <span lang="TH">ร่มไทร
ปกแผ่ให้ความร่มเย็น ความอุดมสมบูรณ์พูนสุข เพื่อให้เป็นไปตามผังจริงแห่งโองการนวกาพรหม
ให้เหตุและผลตรงตามความเป็นจริงเข้าสู่ยุคเที่ยงตรงและเที่ยงธรรม จึงให้เปิดปรมัตถ์แห่งผู้นำชาวศรีวิไล
ดังนี้</span></span><span style="color: blue;"><br style="mso-special-character: line-break;" />
</span></span></div>
<div align="center" class="MsoNormal" style="line-height: normal; margin-bottom: .0001pt; margin-bottom: 0cm; text-align: center;">
<b><span lang="TH" style="color: purple; font-family: "Angsana New","serif"; font-size: 13.5pt;">ผู้นำชาวศรีวิไล</span></b><span lang="TH" style="color: purple; font-family: "Angsana New","serif"; font-size: 14pt;"> </span><span style="color: blue; font-family: "Angsana New","serif"; font-size: 14pt;"></span></div>
<div class="MsoNormal" style="line-height: normal; margin-bottom: 14.0pt;">
<span style="font-family: "Angsana New","serif"; font-size: 14pt;"><br />
<span lang="TH" style="color: black;">รับ กาศิต"พระรัตนา"
ลงสู่โลกยุคเบียฬบีฑ์ รักษ์ธรรมะรังษี ตามพระพุทธทรงประสงค์ มั่นหมายจะเสริมศาสน์
สถาปน์โลกให้อยู่ยง บำราศภัยพินาศ</span><span style="color: black;">,<span lang="TH">คง ศรีวิไลสถาพร หากแล้งพระธรรมญาณ อันธพาลกลีบร จะ ครองโลกเป็นอากร
เป็นทมิฬเดรัจฉาน โลกทุกข์ทนทั้งคืนวัน พิฆาตกันบ่มีประมาณ ด้วยเหตุอหังการ
เข้าครองโลกวิโยคธรรม พระจึงจุติแทนพุทธองค์ เพื่อประสงค์ดำรงธรรม
ตามแนวพระศาสดานำ </span></span><br />
<br />
<span lang="TH" style="color: black;">ทั่ว โลกผองผ่องพ้นภัย เผยแผ่เที่ยงธรรมแท้
ให้ไพศาลพิชิตชัย ยุคทมิฬแปรผันไป ชาวศรีวิไลทั้งปฐพีดอกบัวหลวงสีม่วง พระนางรัตนา
คู่บารมีองค์ที่ </span><span style="color: black;">5 <span lang="TH">ทิศเบื้องหลังของพระศรีอาริยเมตไตรย์
เพื่อช่วยสืบสานสายงาน ศาสนจักร อาณาจักร พุทธจักร มรรคผล
นิพพานในฝ่ายสัมมาทิฐิแต่ฝ่ายเดียว โดยเฉพาะในธรรมกาลยุคขาว ซึ่งมีพระศรีอาริยเมตไตรย์เป็นประธานรื้อขนสรรพสัตว์ข้ามสู่ฝั่งพระนิพพาน
จึงขอจุติเพื่อสร้างบารมี โดยขอพร ดังนี้คือ</span></span><br />
<br />
<span style="color: black;">1.<span lang="TH">ขอถือเพศพรหมจรรย์ ไม่ออกบวช ขอนามว่า
"พระ"</span></span><br />
<br />
<span style="color: black;">2.<span lang="TH">ขอยศถาบรรดาศักดิ์แห่งพ่อกา"มเหศักดิ์"
คือเป็นใหญ่ในแผ่นดิน มีความเป็นอยู่ดุจดั่ง "เทพ" บนสวรรค์</span></span><br />
<br />
<span style="color: black;">3.<span lang="TH">ขอสืบสานสายงานศาสนจักร อาณาจักร
พุทธจักร มรรคผล นิพพาน เข้าสู่ยุคชาวศรีวิไล สืบสายสัมพันธ์ศรีอาริยะ</span></span><br />
<br />
<span style="color: black;">4.<span lang="TH">ขอทรัพย์สิ่งสินสมบัติแห่งชาวศรีวิไลบังเกิดขึ้นในแผ่นดิน
</span></span><br />
<br />
<span style="color: black;">5.<span lang="TH">ขอ เคลื่อนวิวัฒนาการวัฏจักรแห่งความเป็นมนุษย์ยุคใหม่
และเป็นยุคสุดท้ายแห่งวัฏจักรโลก คือ </span>“<span lang="TH">ยุคพลังน้ำ</span>” <span lang="TH">สู่ชาวโลก พระศรีอาริยเมตไตรย์ทรงประทานพรให้ตามที่ทูลขอโดยให้ปรมัตถ์แห่งนามว่า</span>
"<span lang="TH">พระเทพ" คือเป็นหญิงผู้เดียวที่เป็นทั้ง "พระ"
และ "เทพ" ในเวลาเดียวกัน ลงจุติ ณ.แผ่นดินรัตนโกสินทร์
ตามปรมัตถ์แห่งนาม "รัตนา" เพื่อสืบสานสายงานชาวศรีวิไล สายมณี
ต่อจากสายมุนี ในยุคกึ่งพุทธกาลหลัง ตามโองการนวกาพรหม นามแม่กาเผือก</span></span><br style="mso-special-character: line-break;" />
<span style="color: blue;"></span></span></div>
<div align="center" class="MsoNormal" style="line-height: normal; margin-bottom: .0001pt; margin-bottom: 0cm; text-align: center;">
<b><span lang="TH" style="color: darkgreen; font-family: "Angsana New","serif"; font-size: 13.5pt;">องค์พระรัตนา</span></b><span style="color: blue; font-family: "Angsana New","serif"; font-size: 14pt;"></span></div>
<div class="MsoNormal" style="line-height: normal; margin-bottom: 13.5pt;">
<span style="color: blue; font-family: "Angsana New","serif"; font-size: 14pt;">
</span><span style="color: green; font-family: "Verdana","sans-serif"; font-size: 13.5pt;"><br />
</span><span lang="TH" style="color: green; font-family: "Angsana New","serif"; font-size: 13.5pt;">องค์พระรัตนา ปกแผ่นฟ้าและผองไทย
สีเขียวงามสดใส เกียรติเกริกไกรทั่วพารา</span><span lang="TH" style="color: green; font-family: "Verdana","sans-serif"; font-size: 13.5pt;"> </span><span lang="TH" style="color: green; font-family: "Angsana New","serif"; font-size: 13.5pt;">ด้วยพระนาคเสน อุดมเดชปฏิสัมภิทา อธิษฐานรัตนา เป็นองค์พระแก้วมณี</span><span lang="TH" style="color: green; font-family: "Verdana","sans-serif"; font-size: 13.5pt;"> </span><span lang="TH" style="color: green; font-family: "Angsana New","serif"; font-size: 13.5pt;">แทนองค์พระทรงศรี คู่ธานี แดนศรีวิไล เมืองทองแดนดินไทย
ถวายไว้พระศาสดา</span><span lang="TH" style="color: green; font-family: "Verdana","sans-serif"; font-size: 13.5pt;"> </span><span lang="TH" style="color: green; font-family: "Angsana New","serif"; font-size: 13.5pt;">ขอองค์แก้วมณี แผ่รังสีอภิบาล ชาติ
ศาสน์ ตราบจวบกาล จรดพรรษาหมื่นหมื่นปี</span><span lang="TH" style="color: green; font-family: "Verdana","sans-serif"; font-size: 13.5pt;"> </span><span lang="TH" style="color: green; font-family: "Angsana New","serif"; font-size: 13.5pt;">อีกช่วยปกคุ้มภัย คนไทยทั่วทั้งธานี ให้รักสามัคคี
สร้างความดีทั่วพารา</span><span lang="TH" style="color: green; font-family: "Verdana","sans-serif"; font-size: 13.5pt;"> </span><span lang="TH" style="color: green; font-family: "Angsana New","serif"; font-size: 13.5pt;">อีกขอองค์แก้วใส
ปกคุ้มภัยกษัตรา พระจักรีวงศ์คู่ฟ้า อยู่คู่ไทยนิจนิรันดร์</span><span lang="TH" style="color: darkgreen; font-family: "Angsana New","serif"; font-size: 13.5pt;">และเมื่อผู้นำศรีวิไลเข้าบำราศภัย
ส่วนบาปที่จะผลิต่อไปในยุคต่อไป จะพลิกผันเป็น</span><span lang="TH" style="color: blue; font-family: "Verdana","sans-serif"; font-size: 13.5pt;"> </span><span style="color: blue; font-family: "Angsana New","serif"; font-size: 14pt;"><br />
<br />
</span><span style="color: darkgreen; font-family: "Verdana","sans-serif"; font-size: 13.5pt;">8.</span><span lang="TH" style="color: darkgreen; font-family: "Angsana New","serif"; font-size: 13.5pt;">พ.ศ.</span><span style="color: darkgreen; font-family: "Verdana","sans-serif"; font-size: 13.5pt;">2557 –
2562 </span><span lang="TH" style="color: darkgreen; font-family: "Angsana New","serif"; font-size: 13.5pt;">ยุคชาติก้องฟ้า</span><span lang="TH" style="color: darkgreen; font-family: "Verdana","sans-serif"; font-size: 13.5pt;"> </span><span style="color: blue; font-family: "Angsana New","serif"; font-size: 14pt;"><br />
</span><span style="color: darkgreen; font-family: "Verdana","sans-serif"; font-size: 13.5pt;">9.</span><span lang="TH" style="color: darkgreen; font-family: "Angsana New","serif"; font-size: 13.5pt;">พ.ศ.</span><span style="color: darkgreen; font-family: "Verdana","sans-serif"; font-size: 13.5pt;">2562 -
2572 </span><span lang="TH" style="color: darkgreen; font-family: "Angsana New","serif"; font-size: 13.5pt;">รัฐเพริดแพร้ว</span><span lang="TH" style="color: darkgreen; font-family: "Verdana","sans-serif"; font-size: 13.5pt;"> </span><span style="color: blue; font-family: "Angsana New","serif"; font-size: 14pt;"><br />
</span><span style="color: darkgreen; font-family: "Verdana","sans-serif"; font-size: 13.5pt;">10. </span><span lang="TH" style="color: darkgreen; font-family: "Angsana New","serif"; font-size: 13.5pt;">พ.ศ.</span><span style="color: darkgreen; font-family: "Verdana","sans-serif"; font-size: 13.5pt;">2572 -
2582 </span><span lang="TH" style="color: darkgreen; font-family: "Angsana New","serif"; font-size: 13.5pt;">ศรีวิไลทั่วแดนดิน</span><span lang="TH" style="color: blue; font-family: "Verdana","sans-serif"; font-size: 13.5pt;"> </span><span style="color: blue; font-family: "Angsana New","serif"; font-size: 14pt;"><br style="mso-special-character: line-break;" />
</span><span style="color: blue; font-family: "Verdana","sans-serif"; font-size: 13.5pt;"></span></div>
<div align="center" class="MsoNormal" style="line-height: normal; margin-bottom: .0001pt; margin-bottom: 0cm; text-align: center;">
<b><span lang="TH" style="color: blue; font-family: "Angsana New","serif"; font-size: 13.5pt;">ปรมัตถ์งานทศพล</span></b><span style="color: blue; font-family: "Verdana","sans-serif"; font-size: 13.5pt;"></span></div>
<div class="MsoNormal" style="line-height: normal; margin-bottom: .0001pt; margin-bottom: 0cm;">
<span style="color: blue; font-family: "Verdana","sans-serif"; font-size: 13.5pt;"><br />
</span><span lang="TH" style="color: blue; font-family: "Angsana New","serif"; font-size: 13.5pt;">ปฐโม พยัคฆ์ใหญ่ย่ำเมฆา ทุติโย
มังกรทองพ่นไฟ ตติโย พญาอินทรีผงาดไกล จตุโถ</span><span lang="TH" style="color: blue; font-family: "Verdana","sans-serif"; font-size: 13.5pt;"> </span><span lang="TH" style="color: blue; font-family: "Angsana New","serif"; font-size: 13.5pt;">ทะเลทรายยิ่งใหญ่.... ปัญจโม มหาสมุทรเจ้าผืนน้ำ ฉักโถ
อากาศธาตุเยือกเย็น</span><span lang="TH" style="color: blue; font-family: "Verdana","sans-serif"; font-size: 13.5pt;"> </span><span lang="TH" style="color: blue; font-family: "Angsana New","serif"; font-size: 13.5pt;">สัตโม
พระอาทิตย์เคียงคู่เพ็ญ อัฒโม ดอกไม้ทิพย์แย้มบาน นวโม</span><span lang="TH" style="color: blue; font-family: "Verdana","sans-serif"; font-size: 13.5pt;"> </span><span lang="TH" style="color: blue; font-family: "Angsana New","serif"; font-size: 13.5pt;">เก้ามงคลอวยพรชัย ทศโม ศรีวิไลทั่วแดนดิน</span><span lang="TH" style="color: blue; font-family: "Verdana","sans-serif"; font-size: 13.5pt;"> </span><span style="color: blue; font-family: "Angsana New","serif"; font-size: 14pt;"><br />
<br />
</span><b><span lang="TH" style="color: blue; font-family: "Angsana New","serif"; font-size: 14pt;">ทศพลรวมพลังเป็นหนึ่งเดียว โลกกลมเกลียวด้วยจิตตานุภาพ
พุธโธ ธัมโม สังโฆ</span></b></div>
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<a href="http://www.navagaprom.com/oldsite/Up/lotus_flower.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" src="http://www.navagaprom.com/oldsite/Up/lotus_flower.jpg" /></a></div>
<div class="MsoNormal" style="line-height: normal; margin-bottom: 0.0001pt;">
<b><span lang="TH" style="color: blue; font-family: "Angsana New","serif"; font-size: 14pt;"> </span></b><b><span lang="TH" style="color: blue; font-family: "Verdana","sans-serif"; font-size: 14pt;"> </span></b><span style="color: blue; font-family: "Angsana New","serif"; font-size: 14pt;"></span></div>
<div align="center" class="MsoNormal" style="line-height: normal; margin-bottom: .0001pt; margin-bottom: 0cm; text-align: center;">
<span style="color: black; font-family: "Courier New"; font-size: 13.5pt;"></span><span style="color: black; font-family: "Courier New"; font-size: 13.5pt;"></span></div>
<div class="MsoNormal">
<span lang="TH" style="color: blue; font-family: "Angsana New","serif"; font-size: 14pt; line-height: 115%;">ที่มา </span><span style="color: blue; font-family: "Angsana New","serif"; font-size: 14pt; line-height: 115%;"><a href="http://www.navagaprom.com/oldsite/con1.php?con_id=247" target="_blank"><span style="color: blue;">http://www.navagaprom.com/oldsite/con1.php?con_id=247</span></a><br />
<br />
</span><b><span lang="TH" style="color: purple; font-family: "Angsana New","serif"; font-size: 13.5pt; line-height: 115%;">คำทำนายนารีขี่ม้าขาว
จากหมอนิด</span></b><span style="font-family: "Angsana New","serif"; font-size: 14pt; line-height: 115%;"><br />
<br />
<span lang="TH">นารีขี่ม้าขาว...ที่ผ่านมาประเทศไทยมีนายกหญิงแล้วแต่ยังไม่ใช่</span>
“<span lang="TH">นารีขี่ม้าขาว</span>” <span lang="TH">ที่แท้จริง
เป็นเพียงนารีขี่ม้าแดง หรือขี่ควายแดงเท่านั้น</span> ... <span lang="TH">อีกไม่นานประเทศไทยจะมี
</span>“<span lang="TH">นารีขี่ม้าขาว</span>” <span lang="TH">มาปกครองบ้านเมืองอย่างแท้จริง
ถึงตอนนั้นประชาชนจะอยู่เย็นเป็นสุข บ้านเมืองจะศิวิไลซ์ รุ่งโรจน์โชติช่วงชัชวาล ประชาชนจะไม่แตกแยกเหมือนทุกวันนี้</span>
<br />
<br />
<span lang="TH">ชาวต่างชาติจะให้การต้อนรับและให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่เศรษฐกิจจะดีขึ้น
มาก ประเทศไทยจะติดอันดับโลก ถึงแม้จะเป็นประเทศเล็กๆก็ตาม ชาวต่างชาติก็ให้ความสำคัญกับประเทศไทยมากขึ้น
ประชาชนจะอยู่ดีกินดี มีความสุขกลับมาอีกครั้ง ... ผู้มีบารมีจะมากู้ชาติ
และแผ่นดินไทย แต่ยังไม่ใช่เวลานี้ ...ถึงตอนนั้นทุกคนจะโห่ร้องดีใจ ที่ฟ้ามีตา เทวดามีจริง
...</span> <br />
<br />
<span lang="TH">คนที่คิดร้ายต่อแผ่นดินไทย จะล้มตายไปทีละคนหรือมีอันเป็นไปตามกรรมที่ได้กระทำไว้กับแผ่นดินเกิด...บาง
คนต้องระหกระเหินเร่ร่อนไปตามที่ต่างๆเหมือนเปรตที่ไร้ที่อยู่อาศัย ขอให้ทุกคนอดใจรอ
</span>“<span lang="TH">นารีขี่ม้าขาวผู้มีบุญบารมี</span>” <span lang="TH">อันยิ่งใหญ่จะมาแน่นอนไม่นานเกินรอ</span><br />
<br />
<span lang="TH">ที่มา </span><a href="http://www.mornid.com/popitems.php?id=1037" target="_blank"><span style="color: blue;">http://www.mornid.com/popitems.php?id=1037</span></a></span></div>
<div class="MsoNormal">
<span style="font-family: "Angsana New","serif"; font-size: 14pt; line-height: 115%;"><span lang="TH">ที่มา </span><a href="http://board.palungjit.com/f178/%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B8%A8%E0%B9%84%E0%B8%97%E0%B8%A2%E0%B8%88%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%81%E0%B8%B4%E0%B8%94%E0%B8%AD%E0%B8%B8%E0%B8%9A%E0%B8%B1%E0%B8%95%E0%B8%B4%E0%B8%A0%E0%B8%B1%E0%B8%A2%E0%B8%AD%E0%B8%A2%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%97%E0%B8%B3%E0%B8%99%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%81%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%88%E0%B8%A3%E0%B8%B4%E0%B8%87%E0%B9%86%E0%B8%AB%E0%B8%A3%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B9%84%E0%B8%A1%E0%B9%88-3906-1399.html" target="_blank"><span style="color: blue;">http://board.palungjit.com/f178/%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B8%A8%E0%B9%84%E0%B8%97%E0%B8%A2%E0%B8%88%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%81%E0%B8%B4%E0%B8%94%E0%B8%AD%E0%B8%B8%E0%B8%9A%E0%B8%B1%E0%B8%95%E0%B8%B4%E0%B8%A0%E0%B8%B1%E0%B8%A2%E0%B8%AD%E0%B8%A2%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%97%E0%B8%B3%E0%B8%99%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%81%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%88%E0%B8%A3%E0%B8%B4%E0%B8%87%E0%B9%86%E0%B8%AB%E0%B8%A3%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B9%84%E0%B8%A1%E0%B9%88-3906-1399.html</span></a></span><span style="font-family: "Angsana New","serif"; font-size: 14pt; line-height: 115%;"><span style="color: blue;"> </span></span></div><div class="blogger-post-footer">ด้วยความปรารถนาดีจาก...บล็อกเตือนภัยพิบัติโลก</div>Anonymoushttp://www.blogger.com/profile/09362385019399728087noreply@blogger.com5กรุงเทพมหานคร ประเทศไทย13.7234186 100.476231913.476614600000001 100.16037490000001 13.9702226 100.7920889tag:blogger.com,1999:blog-5294450998007589243.post-10192072449492142652012-02-19T22:00:00.000+07:002012-02-19T22:02:10.941+07:00สัมภาษณ์พิเศษ: อาจารย์ปริญญา ตันสกุล บุรุษผู้นำสาส์นจาก "จิตจักรวาล" สู่ชาวโลก<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgKDdxkt-17xFTu3B9KjBcJxwEDqzIKBMyQCbHHTMIT-1OEZ2ZyJ-QHbOuKpjhP3g6c_bJUIa1hKGlBB2yQ1EOix1ygbAjHgz42oX6ieJD3hu3YZZTLjqiKQWz9Nb9dEIBrjjbG9FPuvlr_/s320/082.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgKDdxkt-17xFTu3B9KjBcJxwEDqzIKBMyQCbHHTMIT-1OEZ2ZyJ-QHbOuKpjhP3g6c_bJUIa1hKGlBB2yQ1EOix1ygbAjHgz42oX6ieJD3hu3YZZTLjqiKQWz9Nb9dEIBrjjbG9FPuvlr_/s320/082.jpg" /></a></div>
<br />
หากจะเอ่ยชื่อของบุรุษท่านนี้ <b>อาจารย์ปริญญา ตันสกุล</b> หลายคนอาจจะนึกถึงหนึ่งในอดีตผู้นำนักศึกษายุค 14 ตุลา แต่วันนี้ อาจารย์เป็นที่รู้จักในนาม นักวิทยาศาสตร์พฤติกรรม มีความเชี่ยวชาญในการพูดบรรยาย และเขียนหนังสือเกี่ยวกับการแก้ไขพฤติกรรมที่บกพร่องของบุคลากร อาจารย์ปริญญาเป็นวิทยากรอำนวยการ ของสถาบันพัฒนาพฤติกรรมมนุษย์ HMDC รับเชิญจากองค์กร ทั้งภาครัฐบาลและเอกชนทั่วประเทศ ไปบรรยาย ฝึกอบรม สัมมนา ฝึกอบรมปฏิบัติการเพื่อการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมมนุษย์ ผ่านจิตสำนึก ด้วยวิธีที่ท่านคิดค้นขึ้นมาเรียกว่า "ไซโคโชว์"<br />
<br />
<br />
แต่แรงจูงใจที่พาเราไปพบ และสัมภาษณ์อาจารย์ปริญญาในครั้งนี้ มิใช่เรื่องที่กล่าวมาข้างต้น หากเป็นเรื่องของการเตือนภัยไว้ล่วงหน้าเกี่ยวกับคลื่นยักษ์สึนามิ โดยการเขียนหนังสือชื่อ "<b>11:11 วันเวลาที่สิบเอ็ด รหัสแห่งหายนะโลก</b>" พิมพ์ครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ. 2544 และในปีเดียวกันนั้น อาจารย์ปริญญาก็ได้จัดคณะทัวร์ลงไปภาคใต้ ทั้งเกาะภูเก็ต พังงา ท้ายเหมือง ตะกั่วป่า สุราษฎร์ธานี เพื่อบอกข่าวร้ายนี้ให้ชาวใต้ได้ทราบและเตรียมพร้อมที่จะรับมือกับมัน แต่กลับไม่มีใครเชื่อหรือให้ความสนใจ จนสองปีผ่านไป เหตุการณ์นั้นก็ได้เกิดขึ้นจริงตามที่เป็นข่าวไปทั่วโลก<br />
<br />
<span class="fullpost"><br />
มีคำถามว่า อาจารย์ปริญญาทราบได้อย่างไรว่าจะเกิดสึนามิในอนาคตข้างหน้า?... คำตอบที่อาจารย์ปริญญาสละเวลามานั่งอธิบายอย่างเป็นขั้นเป็นตอนให้เราทราบ อยู่ในบรรทัดต่อไปนี้... อยากทราบว่าตอนนี้อาจารย์ทำอะไรบ้างคะ "สิ่งที่ผมทำอยู่ตอนนี้ก็คือ คิดสร้างทฤษฎีขึ้นมา ซึ่งเป็นทฤษฎีทางด้านวิทยาศาสตร์พฤติกรรมขึ้นมา ที่ผมเรียกว่า ทฤษฎีการถ่ายทอดพฤติกรรมผ่านจิตสำนึกของมนุษย์ แล้วก็สร้างกลยุทธ์ขึ้นมารองรับทฤษฎี ซึ่งเป็นความเชื่อของตัวเอง ผมเรียกมันว่า "ไซโคโชว์" ย่อมาจากคำว่า psychology และ show ที่แปลว่า แสดง... ผมสร้างตัวนี้ขึ้นมา เพื่อแก้ไขพฤติกรรมขยะของมนุษย์ และสร้างทักษะในการสั่นสะเทือนจากจิตสำนึกให้กับมนุษย์ ผมเชื่อว่า พฤติกรรมมนุษย์นั้น ไม่ได้เกิดมาจากอารมณ์ ความรู้สึก อย่างเดียว แต่มีบ่อเกิดของพฤติกรรมที่เราแสดงออกกันทั้งวัน เราเคยร่ำเรียนจากเมืองนอกกันมา เราเน้นแต่ในเรื่องจูงใจ อยากให้ใครเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมก็นำสิ่งล่อใจมาจูงใจ จูงด้านบวกบ้าง จูงด้านลบบ้าง ประเทศที่ด้อยพัฒนาทั้งหลายก็นำตัวนี้ไปใช้กัน ซึ่งผมมองเห็นว่าประเทศไทยเราเป็นเมืองพุทธ พระพุทธเจ้าท่านทรงสอนว่า อย่า-อยู่-อย่าง-อยาก<br />
<br />
ท่านไม่ได้พูดสั้น ๆ อย่างนี้ อันนี้เป็นคำที่ผมนำมาสรุปเอง ท่านทรงสอนให้ละวางกิเลส ปฏิเสธปัญหา แต่ทฤษฎีของฝรั่งที่ว่าด้วยการจูงใจนั้น เป็นการกระตุ้น "ต่อมอยาก" ของมนุษย์ มนุษย์จะไม่ทำความดี ถ้ามองไม่เห็นว่าทำดีแล้วจะได้อะไรตอบแทน มนุษย์จะไม่ยอมเลิกทำชั่ว ถ้าไม่กลัวว่าทำชั่วแล้วจะติดคุก หรือถูกประหารชีวิต ทุกวันนี้ก็ยังมีคนทำชั่ว ยังไม่หยุดทำ เพราะจิตสำนึกบกพร่อง และอีกอย่างหนึ่งก็คือ เพราะเราไปกระตุ้นต่อมอยากของมนุษย์ซะจนเคยตัว มนุษย์จะทำสิ่งใดเพียงเพราะว่าอยากทำ จะไม่ทำสิ่งใดเพียงเพราะแค่ไม่อยากทำ ทั้งที่จริงๆแล้วสิ่งนั้นไม่ควรทำ ก็ดันไปทำ แต่สิ่งที่ควรจะทำกลับไม่ทำ ไม่ว่าจะเป็นทางธรรมะ ที่เราสอนกัน ทำบุญเบื้องล่างเอาไปสร้างเบื้องบน ทำบุญหลายหนได้กุศลหลายครั้ง นี่คือคำเชิญชวนของชาวพุทธ ซึ่งนี่คือ ตะแบง พระพุทธเจ้าไม่ได้สอนอย่างนั้นเลย ทุกวันนี้คนทำบุญเพราะอยากไปสวรรค์ ไม่ได้ทำบุญหรือทำความดีงาม เพราะเห็นว่ามันดี อย่างนี้เรียกทำความดีงามแต่ก็งมงาย ซึ่งในทางวิทยาศาสตร์ที่ผมศึกษาถือว่าเป็นโมฆะกรรม เพราะทำดีแต่งมงาย คุณต้องทำดีให้ได้ด้วยจิตสำนึกของตัวคุณเอง นั่นคือสิ่งที่ผมศึกษา...<br />
<br />
อาจารย์ช่วยให้คำจำกัดความของคำว่า "งมงาย" หน่อยค่ะ "งมงาย แปลว่า ทำหรือเชื่อในสิ่งใดสิ่งหนึ่งไม่ว่าสิ่งนั้นจะถูกหรือผิดก็ตาม เชื่อหรือทำในสิ่งใดสิ่งหนึ่งโดยไม่อาจอธิบายได้ว่า มันดีหรือมีประโยชน์อย่างไร มันคืออะไร... คำว่างมงายก็คือ เชื่อทันทีที่ได้ฟัง ปฏิเสธทันทีที่ได้ยิน มันต้องใช้สติปัญญาในการไตร่ตรองพิจารณาก่อน เพราะเราเกิดมาเป็นมนุษย์ มีจิตสำนึกที่สัตว์เดรัจฉานไม่มี ศูนย์กลางของการสั่นสะเทือนทางจิตของมนุษย์ก็คือ สติปัญญาที่ได้จากการใช้สมองให้เป็น และจุดศูนย์กลางของการขับเคลื่อนพฤติกรรมทางความคิด และพฤติกรรมทางกายหยาบก็คือ ความรัก สัตว์มีความรักแน่ เพราะเขามีความไร้เดียงสา ถ้ามนุษย์เรารักกันไม่เป็น รักกันไม่ได้ ก็ต้องอายหมา อายสัตว์เดรัจฉาน ถ้าเราไม่รู้จักรักกัน เหมือนอย่างที่เขาด่ากันว่า ขนาดหมาแมวก็ยังรักลูก แต่มนุษย์บางคนเลวกว่าสัตว์เพราะรักไม่เป็น...<br />
<br />
กลับมาที่ทฤษฎีที่อาจารย์บอกว่าสร้างขึ้นมานั้น เป็นประโยชน์อะไรบ้างกับมนุษย์ "ทฤษฎีวิทยาศาสตร์ทางด้านจิตวิทยาที่ผมค้นพบ คือต้องการให้มนุษย์แสดงอำนาจในตัวเองออกมา โดยการค้นหาอำนาจในตัวเองให้พบ อำนาจที่แท้จริงก็คือ อำนาจที่ต้องได้มาจากการสั่นสะเทือนทางจิตสำนึก ไม่ใช่อำนาจที่ได้จากการถูกจูงใจ เมืองนอกเมืองนาผมก็ไปเรียนมา และค้นพบว่าการจูงใจนั้นทำให้มนุษย์เราสันดานเสีย ถ้าเราสอนลูกหลานว่า กลับถึงบ้านต้องขยันอ่านหนังสือ ถ้าไม่มีอะไรจูงใจ ไม่ขู่ว่าจะตี ไม่คอยจ้ำจี้จ้ำไช ลูกก็อาจจะไม่ทำ มัวแต่ดูการ์ตูน แต่ถ้าบอกลูกว่า ถ้าทำการบ้านเสร็จ แม่จะให้เล่นเกม ลูกจะเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมทันที แต่ในขณะที่ทำการบ้าน ใจก็มุ่งไปที่เกมแล้ว เด็กก็รีบทำให้เสร็จเร็ว ๆ จะได้ไปเล่นต่อ ซึ่งตรงนั้นเป็นพฤติกรรมที่เบี่ยงเบน เพราะจริง ๆ เด็กยังไม่ได้รักการอ่าน การทำการบ้าน แต่รักการเล่นต่างหาก เด็กทำเพราะเป็นสิ่งที่แม่ต้องการให้ทำ หรือทำเพื่อตัวเองจะได้ไปเล่น แต่ไม่ได้มีจิตสำนึกที่จะทำ" แล้วจะสอนอย่างไรให้เด็กมีจิตสำนึกล่ะคะ "สิ่งแรกที่ต้องทำคือ แม่ต้องเลิกใช้วิธีนี้ ทุกวันนี้สถาบันครอบครัวในสังคมไทยเราล้มเหลว โดยเฉพาะคนที่อยู่ในเมือง เพียงแต่ว่าเราเองเห็นภาพไม่ชัดเจน เช่น เด็กที่ยกพวกไปตีกัน ไปสืบประวัติดูก็พบว่า พ่อแม่ก็มีนะ แต่ไม่มีเวลาดูแลลูก หรือเลี้ยงลูกแบบทิ้ง ๆ ขว้าง ๆ มาตั้งแต่เด็ก หรือเด็กที่มีปัญหาท้อง แท้ง ทิ้ง ก็มาจากโครงสร้างของสังคมล้มเหลว หรือแม้กระทั่ง 5 จังหวัดภาคใต้ อาจารย์ได้รับเชิญจากกระทรวงมหาดไทยให้ไปทำไซโคโชว์ให้ ทำได้แค่ 2-3 รุ่น เพราะมีปัญหาบางอย่างเลยทำให้ทำต่อไม่ได้ ผมทำให้ฟรี เสียสละทุกอย่าง เพราะอยากช่วยประเทศชาติ ผมมาทำตรงนี้เพราะผมสำนึกได้ว่ามันเป็นหน้าที่ของผม มนุษย์เรามีหน้าที่สองด้าน คือหน้าที่ทางโลก และหน้าที่ทางจิตวิญญาณ ผมศึกษาวิทยาศาสตร์ทางจิต แล้วก็ค้นพบทฤษฎีอะไรมากมายเกี่ยวกับมนุษย์ และค้นพบแม้กระทั่งสึนามิจะเกิด ผมยังเป็นคนเตือนคนในประเทศไทยเอาไว้ ผมลงทุนพาชาวคณะจากกรุงเทพฯ 2 คันรถบัสไปเตือนคนที่เกาะภูเก็ต ประมาณปี 44 ผมไปถึง 2 ครั้ง แต่เชื่อมั้ย ไม่มีใครสนใจ แม้แต่นายกเทศมนตรีของภูเก็ต ฟังผมพูดไม่ทันถึง 5 นาที ก็ลุกเดินออกจากห้องไปเลย...<br />
<br />
เราชาวพุทธเคยได้รับการสั่งสอนมาว่ามนุษย์เกิดมาเพื่อใช้กรรม สำหรับทฤษฎีของอาจารย์นี่มนุษย์เราเกิดมาเพื่ออะไรคะ "...มนุษย์เราทุกคนที่มาเกิดในโลกย่อมมีหน้าที่ติดตัวมาด้วยทุกคน คือหน้าที่ทางจิตวิญญาณ ไม่ว่าจะเกิดมาเพื่อเป็นผู้นำประเทศ หรือเกิดมาเพื่อเป็นผู้นำทางศาสนา เพื่อเป็นแม่ทัพนายกอง หรือเพื่อจะมาเป็นแบบนายกรัฐมนตรี หรือจะเป็นใครก็ตามทุกคนมีหน้าที่ทางจิตวิญญาณ แต่ว่าคนบางคนเกิดมาทั้งภพชาติ ก็ยังไม่รู้ว่าตัวเองต้องทำหน้าที่อะไร เลยต้องเวียนตายเวียนเกิดกันพอสมควร... บังเอิญผมโชคดีที่ผมศึกษา เรียนรู้ และค้นพบว่าตัวผมเองมีหน้าที่ต้องทำสิ่งใด ซึ่งหน้าที่ของผมก็คือ ต้องเป็นบุรุษไปรษณีย์ ให้กับพี่น้องประชาชนที่อยู่ในยุคนี้ด้วยกัน เป็นบุรุษไปรษณีย์รับสารจากผู้ที่มีข่าวสารจากคนละมิติกัน ซึ่งผมเรียกว่า จิตจักรวาล ใช้ระบบจิตสื่อจิต เป็นวิธีพิเศษที่เราใช้จิตเราร่วมกับสมองซีกขวาและซีกซ้ายเพื่อให้เกิดปัญญา การสื่อกับจิตจักรวาลที่ผมพูดถึงนี้ก็คือ ผู้ให้กำเนิดจิตวิญญาณของมนุษย์ทุก ๆ คน และเป็นผู้สร้างทุกสรรพสิ่ง ถ้าเป็นศาสนาคริสต์ เขาเรียกว่า God แต่ผมกลัวคนจะสับสน เพราะผมเป็นพุทธ ผมก็เลยขอพระนามพระองค์ว่า จิตจักรวาล คำว่าจิตแปลว่า แก่นแท้ จักรวาล ก็คือ สนามพลังงานสากลที่กว้างใหญ่ไพศาล เพราะฉะนั้น จิตของจักรวาลก็คือ จุดกึ่งกลาง หรือจุดศูนย์กลาง ของจักรวาลอันไพศาล และจุดศูนย์กลางนั้นก็คือ สิ่งที่เป็นจุดเริ่มต้นและจุดสิ้นสุดของทุกสรรพสิ่งในสนามพลังงานสากล God หรือจิตจักรวาลนี้มีพระองค์เดียวนะ คำว่า God ก็คือที่เราเรียกว่า พระผู้เป็นเจ้า หรือพระผู้สร้าง ไม่มีอะไรเลยในสนามจักรวาลนี้ที่จะเกิดขึ้นมาเองได้ ไม่มีสิ่งใดบังเอิญ ล้วนมีผู้ให้กำเนิด หรือมีจุดกำเนิดทั้งนั้น เช่น พระพุทธเจ้าตรัสไว้ว่า ทุกสิ่งทุกอย่างเกิดจากเหตุ เมื่อเหตุดับ ทุกอย่างย่อมดับตามไปด้วย หมายความว่า เมื่อมีผลเกิดขึ้น แสดงว่ามีเหตุแห่งการทำให้เกิดผลนั้น เมื่อมนุษย์และโลกคือผลของการเกิดนั้น ถ้าเราเชื่อตามพระพุทธเจ้า ก็แสดงว่า มีเหตุแห่งการทำให้มนุษย์เกิด มีเหตุแห่งการทำให้โลกเกิด ซึ่งการเป็นผู้ทำให้โลกเกิดก็คือ การเป็นผู้สร้างนั่นเอง เช่น พ่อแม่ของเราเป็นผู้สร้างให้ลูกอย่างเรามาเกิดเป็นมนุษย์ เพราะพ่อกับแม่เราเป็นเหตุแห่งการเกิดของเรา ดังนั้น พ่อแม่ของเราล้วนเป็นผู้สร้าง ทางศาสนาจึงเรียก บิดา-มารดาว่า พ่อพระ แม่พระของลูก เพราะเป็นพระผู้สร้างในโลก แต่พ่อแม่เราก็มีผู้สร้างมาเหมือนกัน และสิ่งที่พ่อแม่เราไม่ได้ให้เรามาก็คือ จิตวิญญาณที่อยู่ในกายเรา จิตวิญญาณที่เป็นแก่นแท้ของความเป็นเรา ซึ่งเวลาตายไปแล้ว จิตวิญญาณของเราจะละออกจากสังขารไป แล้วเราเคยคิดไหมว่า จิตวิญญาณเรามาจากไหน และเมื่อตายแล้ว จิตวิญญาณเราจะไปไหน ...<br />
<br />
จิตวิญญาณเป็นรูปธรรมทางพลังงาน นักวิทยาศาสตร์โลกก็ทราบว่า พลังงานสูญหายไปไหนไม่ได้ พลังงานทั่วๆไปจะเป็นคลื่นความถี่ที่เคลื่อนที่ไปเรื่อยๆ แต่จิตวิญญาณของคนเราไม่ใช่คลื่นความถี่ที่ไปเรื่อยๆเป็นกล่องพลังงาน พลังงานมี 2 รูปแบบ 1. คือพลังงานที่เป็นคลื่นความถี่ที่เคลื่อนที่ไปเรื่อยๆอย่างไม่หยุดนิ่ง คือสั่นสะเทือนไปด้วย เป็นคลื่นไปด้วย อย่างคลื่นทะเลที่เป็นระลอก ถึงฝั่งก็ซัดเลย แต่จิตวิญญาณของเราเป็นกล่องพลังงาน เป็นกล่องหรือขวดใบหนึ่ง หรือลูกบอลลูกหนึ่ง ที่มีคลื่นความถี่อยู่ข้างในหลายคลื่นความถี่ ที่ลดเลี้ยวเกี่ยวพันกันอยู่ในกล่องนั้น ไม่แตกกระสานซ่านเซ็นออกมาภายนอก มีภาชนะห่อหุ้มเก็บไว้อย่างดี ภาชนะที่ห่อหุ้มจิตวิญญาณนั้น จิตจักรวาลหรือพระบิดาของเราเรียกว่า เมอร์คขะบาห์ คือพลังงานเวลาสั่นสะเทือน จะมีเสียงด้วยซึ่งหูมนุษย์เราไม่ได้ยิน แต่ชาวโลกวิญญาณเขาได้ยิน ความถี่ของเมอร์คขะบาห์จะเป็นความถี่ชนิดหนึ่งที่มีความเข้มข้น มีความถี่สูงมาก เวลาสั่นสะเทือนแล้วจะเกิดเสียงว่า เมอร์คขะบาห์ สิ่งที่ผมพูดนี้ ลูกศิษย์ผมที่เป็นระดับด็อกเต้อร์ เป็นนายพล เขาพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์ไปหมดแล้ว..." แล้วเราจะทราบได้อย่างไรคะว่า เราแต่ละคนเกิดมาเพื่อทำหน้าที่อะไร "การที่เราจะรู้ได้ว่า เราเกิดมาเพื่อทำอะไรมีอยู่ 2 วิธี คือ 1. ต้องศึกษา ต้องเรียนรู้ เพื่อจะเปิดมิติทางวิญญาณให้กับตนเอง ซึ่งภาษาผมเรียกว่า ต้องหาหนทางรู้แจ้งด้วยตนเอง อย่างเช่น เป็นกษัตริย์หรือพระเจ้าแผ่นดินนี่ มีใครอยากเป็นแล้วเป็นได้บ้างมั้ย นั่นคือเป็นหน้าที่พิเศษเฉพาะบุคคล ไม่ใช่ทุกคน คือจะต้องขันอาสาว่า ต้องมาทำหน้าที่เช่นนั้น และได้รับอนุญาตจากจิตจักรวาลให้ทำหน้าที่อย่างนั้น หรือตัวผม หน้าที่ของผมนี้ก็เป็นหน้าที่พิเศษเป็นบุรุษไปรษณีย์ รับสาส์นจากจิตจักรวาลมาบอกกับเพื่อนมนุษย์...<br />
<br />
จิตจักรวาล ที่อาจารย์เอ่ยนั้นมีรูปร่างหน้าตาอย่างไรคะ "ผมจะยกตัวอย่างเพื่อให้เข้าใจว่าจิตจักรวาล หรือ God คือใคร คืออะไร นึกถึงภาพแมงมุมตัวหนึ่ง เป็นแมงมุมยักษ์ เวลาเขาชักใย ใยของเขาก็จะยักษ์ใหญ่ตามไปด้วย และตัวแมงมุมอยู่ตรงกลางของใยแมงมุม แมงมุมตัวนี้ ผมสมมุติว่าเป็น จิตจักรวาล ใยแมงมุมที่แผ่กระจายออกไปกว้างใหญ่ เปรียบเสมือนสนามพลังงานสากล ที่กว้างใหญ่ไพศาลเสมือนหนึ่งไร้ขอบเขต แต่ไม่ไร้ขอบเขตนะ เหมือนแมงมุมกว้างใหญ่ขนาดไหนก็จะมีสุดขอบของมันอยู่ สนามพลังงานก็เช่นกัน และแม่แมงมุมตัวนี้ เขาก็ไข่ออกมาทีเป็นร้อย ๆ พัน ๆ ล้าน ๆ ฟอง ๆ พอไข่ออกมาแล้ว จะไปวางบนใยก็ไม่ได้ เพราะไม่ปลอดภัย ก็เลยชักใยทำเป็นเปลือกไข่ขนาดใหญ่ห่อหุ้มไข่เล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ตัวเองไข่ไว้อีกทีหนึ่ง โดยเปลือกไข่นี้ก็วางไว้บนใยแมงมุมของตัวเองอีกทีหนึ่ง หมายความว่า ใยแมงมุมนั้น จะมีไข่แมงมุมใบใหญ่อยู่ใบหนึ่ง ซึ่งมีไข่เล็ก ๆ น้อย ๆ อยู่ข้างในเยอะแยะ เปลือกไข่ที่แม่แมงมุมชักใยห่อหุ้มไว้นี้คือสิ่งที่สร้างใหม่ วางอยู่บนสนามพลังงานสากลอย่างที่อาจารย์บอก คือวางอยู่บนใย สิ่งที่สร้างใหม่นี้ นักวิทยาศาสตร์โลกเรียกกันว่า เอกภพ และภายในเอกภพประกอบด้วยไข่แมงมุม ขี้แมงมุม อะไรต่ออะไรเยอะแยะเลย เวียนตายเวียนเกิดกันอยู่อย่างนี้ ก็เหมือนเป็นเปลือกที่สร้างไว้ให้ พอลูกเติบโตเป็นหนุ่มเป็นสาว ก็ผสมพันธุ์กันก็ออกลูกออกหลาน วนเวียนกันอยู่อย่างนี้ หาทางหลุดออกมาข้างนอกไม่ได้ จิตจักรวาล หรือ God ก็เลยต้องส่งพระพุทธเจ้าบ้าง พระเยซูคริสต์บ้าง พระนะบี มะฮะหมัด บ้าง มาคนละยุคคนละสมัย มาเกิดในเปลือกไข่นี้ เพื่อไปบอกคนที่อยู่ในเปลือกไข่ หรือในเอกภพนี้ว่า มรรคผลสูงสุด ต้องนิพพานนะ ที่นี่ไม่ใช้บ้านนะ ต้องออกไปอยู่ข้างนอก ให้เจาะเกราะที่หุ้มห่อป้องกันภัยเอาไว้ให้ ออกมาข้างนอก มาสู่ใยแมงมุมที่พ่อหรือแม่เกาะอยู่ตรงกลาง รอว่าเมื่อไหร่ลูกโตแล้ว จะเจาะเปลือกไข่ออกมาสักที แต่ลูกก็ไม่ยอมเจาะ ก็สนุกสนานว่ายวนกันอยู่ในนั้น นั่นก็คือคำว่า ไม่หลุดพ้น การหลุดพ้นนี้คือ หลุดพ้นออกไปจากเปลือกที่ห่อหุ้มไว้สู่สนามพลังงานภายนอกที่เรียกว่า แดนสุญตา มาสู่ใยแมงมุมก็คือ สู่อ้อมอกของพระบิดาก็คือแม่แมงมุม เพราะฉะนั้นเราก็ต้องหาว่า แดนนิพพานอยู่ไหน แค่เราเจาะเปลือกไข่ออก แค่นี้ก็พอ แต่ทุกวันนี้ ลูกๆของพ่อคือ เทหวัตถุ ทุกสิ่งที่สร้างก็อยู่ในเปลือกไข่นั้น ทั้งโลก ทั้งสิ่งมีชีวิตและสิ่งไม่มีชีวิตในเอกภพ พระบิดาเป็นผู้สร้างไว้ทั้งหมด ไม่มีสิ่งใดบังเอิญเกิดเลย ทุกอย่างพ่อสร้างให้มันเป็นทั้งนั้น อย่างเช่น น้ำ พระบิดาหรือจิตจักรวาล ก็เป็นผู้กำหนดก็ไม่ต้องมายืนควบคุมกำกับว่า ถ้าเจอความร้อนต้องระเหยเป็นไอนะ ถ้าเจอความเย็นต้องควบแน่นก่อนนะ เป็นหยดน้ำนะ พระบิดาไม่ต้องคอยยืนกำกับ เช่น สมมุติว่า เราเป็นพ่อเป็นแม่ของลูก ถ้าลูกยังเตาะแตะ ไปเองไม่ได้ เราต้องอุ้มกะเตงๆไป พอลูกโตขึ้นมา ไปไหนเองได้ ใครเห็นลูกเราก็ต้องรู้ว่า เป็นเด็กมีพ่อมีแม่ แต่มนุษย์เราโง่ พอเห็นต้นไม้ใบหญ้า เห็นทุกสิ่งก็นึกว่ามันเกิดของมันเอง ไม่ได้นึกว่า สิ่งเหล่านี้มีพ่อแม่สร้างขึ้นมานะ มีผู้สร้างนะ ลืมแม้กระทั่งตัวเอง ลืมว่าตัวเองเป็นใคร มาจากไหน มาเกิดเป็นมนุษย์กันทำไม...<br />
<br />
หมายความว่า จิตจักรวาล ท่านสร้างมนุษย์ให้เกิดมาเพื่อทำหน้าที่บางอย่างใช่ไหมคะ "หลักใหญ่ของจิตจักรวาล ก็คือสอนคนให้รู้สำนึกในหน้าที่ของตัวเอง เรามาเกิดเป็นมนุษย์กันทำไม คำว่าเราคือ จิตวิญญาณ และเราต้องสำนึกไว้ว่า ตัวเรานั้นเป็นคนสองมิติ มิติที่หนึ่งคือ มิติของกาย สังขาร ซึ่งผมเรียกว่า เครื่องยนต์แห่งกรรม อีกมิติหนึ่งคือ มิติของจิตวิญญาณ จิตจักรวาลต้องการให้คนรู้ว่า ผู้มาเกิดเป็นมนุษย์ที่อาสาพระบิดาขอมาเกิดเป็นมนุษย์ มาเพื่อมาขับเคลื่อนเครื่องยนต์แห่งกรรม ที่พระบิดากำหนดสร้างให้เลือดในครรภ์ของแม่ สร้างเป็นกายหยาบขึ้นมาที่เราเรียกว่า เครื่องยนต์แห่งกรรม ที่เรียกว่าเครื่องยนต์แห่งกรรม ก็เพราะว่าจิตวิญญาณต้องมาขับเคลื่อนร่างกายเรา ในการทำหน้าที่บางสิ่งที่อาสาพระบิดามาเกิดเป็นมนุษย์บนโลกใบนี้ ในการแสดงออกหรือกระทำใด ๆ ก็ตามบนดาวเคราะห์โลกดวงนี้ ว่าที่สูงสุดคือ เพื่อมาค้ำจุนความสมดุลของโลกทั้งระบบ แต่ที่ผ่านมา มนุษย์บอกว่าโลกคือโลก กูคือกู โลกเป็นแค่วัตถุ หิน ดิน ทราย ไม่เกี่ยวอะไรกับกู กูมีหน้าที่เหยียบดินอยู่บนโลกใบนี้ โลกก็มีหน้าที่อยู่ของโลกไป กูอยากจะเก็บเกี่ยวอะไรบนโลกนี้ก็ได้ กูนึกอยากจะทำอะไรกูก็ทำ เรียกว่า ไร้สำนึก เพราะเกิดมาหลายภพชาติแล้ว มัวแต่หลงโลกมายา หลงอัตตาที่เป็นมายา ลืมหน้าที่ของแก่นแท้ของตัวเอง ภาษาผมเรียกว่า ขาดสติทางวิญญาณ และสิ่งนี้คือสิ่งที่ไปเชื่อมโยงกับภัยพิบัติที่เกิดขึ้น ผมถึงต้องแฉให้มนุษย์รู้ว่า มนุษย์มีจิตวิญญาณมาเกิด จิตวิญญาณของเรานั้นต้องมาขับเคลื่อนร่างกายที่พ่อกับแม่ช่วยผสมพันธุ์กัน และสร้างกายหยาบให้ไว้รองรับจิตวิญญาณที่มาขับเคลื่อนกายหยาบเพื่อ 1. ทำให้มันเจริญเติบโต 2. ทำให้ยิ้มได้ พูดได้ คิดได้ แสดงออกได้ ทำอะไรก็ได้ เพราะโลกนี้เป็นโลกเสรี แต่หน้าที่จริง ๆ ก็คือ จิตวิญญาณต้องมาขับเคลื่อนร่างกายนี้ในการสร้างโลก โดยใช้หนึ่งสมองกับสองมือและจิตวิญญาณนี้สร้างโลก สร้างความสมดุลของระบบโลก โลกในที่นี้ไม่ได้หมายถึงที่เป็นดินอย่างเดียว<br />
<br />
สรรพสิ่งที่อยู่ในระบบโลกล้วนเรียกว่าเป็นโลกทั้งหมด รวมทั้งตัวเองด้วย นั่นก็แสดงว่า มนุษย์มีหน้าที่สร้างตนเอง และสร้างทุกสิ่งให้สมดุล ทุกสรรพสิ่งล้วนต้องเป็นไปตามที่พระบิดาทรงกำหนดไว้ทั้งสิ้น สิ่งใดก็ตามที่พระบิดาทรงกำหนดไว้ พระบิดาเรียกมันว่า ธรรมชาติ แต่ธรรมชาติมันไม่ได้เป็นของมันขึ้นได้เอง ต้องมีผู้กำหนดขึ้นอยู่ดี และผู้ที่ทรงกำหนดธรรมชาติก็คือ พระบิดา หรือจิตจักรวาล นั่นเอง" แล้วมนุษย์ต้องทำอย่างไรให้โลกเกิดความสมดุล "การทำให้สมดุลก็คือ ค้ำจุน พระผู้เป็นเจ้า สอนมนุษย์ไว้เป็นปริศนาธรรม แต่มนุษย์เราไปมองได้แค่ด้านเดียว พระพุทธเจ้าสอนว่า เราคือโลก โลกคือเรา และอีกประโยคหนึ่งคือ เมตตาธรรมค้ำจุนโลก แต่มนุษย์เข้าใจผิดว่า คำว่า 'เรา' คือพระผู้เป็นเจ้าคนเดียว มนุษย์เลยวางประโยคนั้นไว้ ไม่ใส่ใจอีก แต่มนุษย์มาใส่ใจเพียงประโยคที่ว่า เมตตาธรรม ค้ำจุนโลก แสดงว่า ถ้ามนุษย์รักกัน จะทำให้เราอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข นั่นคือ ถูกต้องแค่ครึ่งเดียว ถ้าจะถูกที่แท้จริงคือ เราไม่ได้ค้ำจุนโลกในทางสังคมอย่างเดียว การสร้างเมตตาธรรมก็คือ ถ้าเราเป็นคนมีจิตใจที่งดงาม เราจะไม่ทำลายโลก เราจะไม่ไประเบิดภูเขา ไม่ตัดโค่นต้นไม้ ทำลายป่า ไม่ฆ่าสัตว์ตัดชีวิต สัตว์ก็คือโลก พระพุทธเจ้าจึงเอา ปาณาติปาตา เอาไว้เป็นศีลข้อแรกเลย เพราะสัตว์พวกนั้นเขาต่อสู้ ต่อต้านเราไม่ได้ อย่างคนเราฆ่ากัน เราแลกชีวิตกันได้ แต่สัตว์เขาแลกไม่ได้ เป็นลูกไล่เราอย่างเดียว ท่านเลยห้ามฆ่าสัตว์ตัดชีวิต นั่นก็คือการรักโลก ถ้าเราไม่ฆ่าเขา แสดงว่าเรารักเขา พระพุทธองค์หมายถึงอย่างนั้น...<br />
<br />
แต่จริง ๆ แล้ว โลกเรามันจะสมดุลทางกายภาพอย่างเดียวไม่ได้ มันต้องมีสมดุลทางพลังงานด้วย ตรงนี้คือสิ่งที่เป็นความลับมาตลอด ที่มนุษย์ทั้งหลายไม่รู้ และอาจารย์ก็มีหน้าที่มาเปิดเผย ที่จิตจักรวาลมอบหมายให้มาทำหน้าที่เผยแพร่ ร่างกายของเราเปรียบเสมือนรถยนต์ ซึ่งจะวิ่งได้ก็ต้องมีแบตเตอรี่ และตัวที่เป็นแบตเตอรี่ก็คือ จิตวิญญาณนี่ละ เวลาที่แม่ตั้งครรภ์ ถ้าหากว่าไม่มีจิตวิญญาณมาปฏิสนธิอยู่ในครรภ์เป็นทารก ทารกซึ่งอยู่ในกายหยาบ ก็จะเป็นได้แค่ลูกกรอก จะเติบโตมีหน้ามีตา แสดงพฤติกรรมเป็นมนุษย์ไม่ได้ ต้องมีจิตวิญญาณมาปฏิสนธิ เพราะฉะนั้น ทารกในครรภ์ถ้าเป็นผู้หญิงก็เหมือนรถเก๋ง ถ้าเป็นผู้ชายก็เป็นรถถัง หรือรถสิบล้อ หน้าที่ต่างกัน ผู้หญิงก็มีหน้าที่อย่าง ผู้ชายก็มีหน้าที่อย่าง แต่ทุกคนก็มีหน้าที่มาค้ำจุนโลก และผู้หญิงกับผู้ชายก็ต้องทำหน้าที่ร่วมกันด้วย พระบิดาสร้างขึ้นมาให้รู้ว่า ทุกคนเป็นสัตว์สังคม ผู้หญิงจะอวดเก่งกว่าผู้ชายไม่ได้ จะท้องเองโดยไม่ต้องพึ่งผู้ชายไม่ได้ หรือผู้ชายจะท้องโดยไม่ต้องพึ่งผู้หญิงก็ไม่ได้ ทั้งสองฝ่ายต้องหันหน้าเข้าหากัน พระบิดาสอนอย่างนี้ ทุกคนมีความสำคัญทัดเทียมกัน เวลารถวิ่ง จิตวิญญาณจะเป็นเหมือนกับคนที่นั่งอยู่หลังรถ เหมือนกับเจ้าของรถ พอมาเกิดเป็นมนุษย์แล้ว จิตวิญญาณก็แบ่งภาคตัวเองออกมาส่วนหนึ่งเพื่อให้มาทำหน้าที่ขับรถแทนตนเอง เหมือนกับจ้างคนขับรถมาขับให้ มนุษย์เราเรียกว่า จิตหยาบ ซึ่งผมไม่ชอบใช้คำนี้ ผมใช้คำว่า จิตปัจจุบันแทน จิตวิญญาณได้รับอนุญาตให้แบ่งภาคตัวเองออกไปอีกส่วนหนึ่งมาเป็นพลังงาน เป็นรูปธรรมทางจิตเหมือนกัน เป็นกล่องพลังงานเหมือนกัน แต่ให้มาทำหน้าที่ขับเคลื่อนกายหยาบ ขับเคลื่อนกลไกทั้งหมด จิตวิญญาณก็ประทับเป็นเหมือนแบตเตอรี่รถเฉย ๆ แต่ดูเหมือนไม่สำคัญได้มั้ย รถยนต์ไม่มีแบตเตอรี่ รถยนต์ก็เดี้ยง ไปไม่ได้ แต่จิตวิญญาณไม่ได้เป็นผู้ขับเคลื่อนโดยตรง แต่มอบหมายให้คนขับขับให้ คนที่ขับให้นี่ก็คือ จิตปัจจุบัน แต่ไอ้คนขับทุกวันนี้ ขับไปขับมา มันนึกว่าไอ้รถคันนี้เป็นของมัน มันลืมไปว่ามีจิตวิญญาณที่เป็นเจ้าของรถ เป็นนายมันน่ะ นั่งอยู่เบาะหลัง มันนึกจะขับซิ่งมันก็ซิ่ง ไม่ได้แคร์เลยว่าผู้โดยสารจะประสาทเสียหรือเปล่า ทุกวันนี้ที่พาไปตกนรกหมกไหม้ก็คือไอ้คนขับนี่แหละพาไป จิตวิญญาณน่าสงสารที่สุด" แล้วมนุษย์ที่เกิดมาพิการ ร่างกายไม่สมประกอบ หรือมีสมองไม่ปกติ ทำอะไรไม่ได้ จะอธิบายได้ไหมคะว่าเขาพวกนั้นเกิดมาทำหน้าที่อะไร "อย่าลืมว่า มนุษย์ทุกคนที่เราเห็นไม่ได้มาเกิดภพชาตินี้เป็นภพชาติเดียว ทุกคนเวลามาเกิดภพชาติแรก ทุกคนจะถือพันธะมาสองอย่าง อย่างหนึ่งเราเรียกว่า พันธะสัญญา เป็นพันธะที่รับปากกับพระบิดาว่า ถ้ามาเกิดเป็นมนุษย์แล้ว จะปฏิบัติอย่างไร พันธะสัญญาข้อหนึ่งก็คือ มาเป็นเพื่อนร่วมงานกับโลก คือมาช่วยโลกทางกายภาพให้สมดุล เช่น หมุนรอบตัวเอง 22 ชั่วโมงต่อรอบ มีความเข้มของสนามแม่เหล็กเท่ากับ 14 เกาส์ มีแกนหมุนที่เอียงทำมุมกับแนวดิ่ง 23 องศา เพราะทุกวันนี้มันเพี้ยนไป โลกหมุนช้าลงเป็น 24 ชั่วโมง ยิ่งโลกหมุนช้าขึ้นเท่าไหร่ มนุษย์จะยิ่งอายุสั้นลงมากเท่านั้น พระบิดาไม่ได้สร้างร่างกายของมนุษย์ให้เกิดมาแล้วต้องตาย มันจะตายได้ยังไง มันเจริญเติบโตได้ใช่มั้ย มันซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ ซ่อมแซมตัวเองได้ มีอำนาจอยู่ในตัวเอง ทำไมต้องตายด้วยล่ะ ?..." แล้วที่พระพุทธเจ้าสอนว่ามนุษย์ทุกคนต้องมีเกิด แก่ เจ็บ ตาย เป็นสัจธรรมล่ะคะ "...<br />
<br />
พระพุทธเจ้าสอนว่า มีเกิด แก่ เจ็บ ตาย เป็นของธรรมดานั่นคือ สอนในสิ่งที่เป็นจริง สิ่งที่มันเกิดขึ้น แล้วสอนให้คนรู้จักปลง รู้จักยอมอะไรซะบ้าง จะโลภโมโทสันไปทำไมนัก สุดท้ายก็ต้องตาย ที่พูดเช่นนั้นก็เป็นเพราะว่า จิตวิญญาณรอคิว สับเปลี่ยน หมุนเวียนกันมาเกิดเป็นมนุษย์ เพื่อทำหน้าที่ของตนเอง ถ้าหากว่าไม่มีการสับเปลี่ยนหมุนเวียนกันให้มาเกิด มาเกิดแล้วไม่ยอมตาย พวกที่รอมาเกิดเพื่อจะแก้ไขตัวเอง หรือเพื่อทำหน้าที่ก็มาไม่ได้" ...ที่ถามว่ามนุษย์เกิดมาแล้วสมองพิการอะไรต่าง ๆ เพราะเมื่อมาเกิดเป็นมนุษย์ นอกจากเขาจะไม่ทำหน้าที่ที่เป็นพันธะสัญญา ที่อาจารย์บอก เขาก็ยังสอบตกด้วยการทำผิดเกิดขึ้นอีกด้วย เมื่อกี้พูดถึงพันธะสัญญาอย่างที่ 1 ไปแล้ว พันธะสัญญาอย่างที่ 2 ก็คือ ก่อนจะมาเกิด จิตวิญญาณของคุณกับจิตวิญญาณอีกหลาย ๆ ดวงจะมานั่งประชุมเพื่อวางแผนกันว่า เราจะจูงมือกันไปเกิดเป็นมนุษย์บนโลก เราจะไปเล่นบทบาทไหนกันบ้าง เช่น คนหนึ่งจะแสดงบทภรรยา อีกคนหนึ่งแสดงเป็นสามี อีกคนแสดงบทลูกสาว อีกคนแสดงบทลูกชาย จากนั้น ยังจะมีคาแร็คเตอร์กำกับไว้อีกว่า จะเป็นคนดีหรือไม่ดี และจะเป็นคนบกพร่องอย่างไร แต่เวลาที่มาเกิดเป็นมนุษย์แล้ว มิติของการที่ไปนั่งประชุมกันมามันจะถูกปิด คุณจึงไม่รู้ว่า ก่อนที่คุณจะมาเกิด คุณได้วางแผนกันเรียบร้อยแล้วว่าจะมาแสดงบทบาทเหล่านั้น เพราะบทบาทที่คุณจะต้องมาแสดงนี้ เป็นบทบาทที่เมื่อคุณแสดงอย่างสมบทบาทแล้ว มันจะนำคุณและทุกๆคนในครอบครัวของคุณไปสู่การค้ำจุนโลกให้สมดุลได้ ซึ่งเป็นการค้ำจุนโลกทางพลังงาน ไม่ใช่โลกทางกายภาพ ปกติแล้วโลกทางกายภาพของมนุษย์ เราไม่มีบ้าน เรานอนถ้ำ นอนโคนต้นไม้ตามป่าตามเขา เราอยู่กันธรรมชาติ ไม่ใครคิดทำร้ายธรรมชาติ เพราะธรรมชาติคือบ้านของตัวเอง แต่ทีนี้เมื่อเราแยกตัวออกจากป่ามาสร้างบ้านอยู่ในเมือง เราเลยทำลายธรรมชาติในป่าอย่างไร้สำนึก เพราะเราไม่คิดว่ามันคือบ้านของเรา...<br />
<br />
หน้าที่ของมนุษย์ก็คือ จะต้องมาสั่นสะเทือนร่างกายและจิตวิญญาณของตัวเองในการที่จะค้ำจุนดาวเคราะห์โลกของเราดวงนี้ให้สมดุล คำว่าสมดุลก็คือต้อง 22 ชั่วโมงต่อรอบ ต้อง 14 เกาส์ อย่างที่พูดมาแล้ว จริง ๆ มันต้องละเอียดกว่านั้น แต่พูดแบบคร่าว ๆ ให้ฟัง อย่างประเทศไทยเราปีหนึ่งต้องมี 3 ฤดู อะไรอย่างนี้เป็นต้น แต่ก่อนเรามีร้อน ฝน หนาว แล้วน้ำก็ไม่ท่วมใหญ่ ร้อนก็ไม่แห้งระแหงจนกระทั่งอดอยากอดตาย หนาวก็ไม่หนาวจนตาย จะพอดี ๆ แต่ต่อไปนี้ อาจารย์ปริญญาบอกไว้ว่า ประเทศไทยเราและโลกเราส่วนใหญ่ หนึ่งปีจะมีฤดูร้อนถึง 2 ฤดู พูดง่าย ๆ คือมีฤดูร้อน 2 หน ก็เพราะโลกวิปริตเนื่องจากจิตสำนึกของมนุษย์วิกฤต อย่างที่ผมเล่ามาถึงชะตาชีวิต หน้าที่ของมนุษย์ก็คือ จะต้องใช้จิตปัจจุบันของตัวเองสั่นสะเทือนร่างกาย และจิตใจของตัวเองให้เกิดเป็นความรักขึ้นมาให้ได้ นั่นคือหน้าที่ที่จิตวิญญาณอาสามาเกิดเป็นมนุษย์ ก็คือเพื่อจะมาใช้จิตปัจจุบันซึ่งเป็นผู้ช่วยเหลือของตัวเอง สั่นสะเทือนจิตใจและร่างกายที่เป็นเครื่องยนต์แห่งกรรมที่ผมเรียก หรือทางพระเรียก กายหยาบ ให้สั่นสะเทือนเป็นความรักเกิดขึ้นมาให้ได้ ...พระพุทธเจ้าบอกความรักคือเมตตาธรรมค้ำจุนโลกใช่มั้ย เมื่อมีความรักความเมตตามีเยื่อใยต่อกัน ก็จะสามารถอยู่ร่วมโลกเดียวกันได้ เป็นครอบครัว อยู่สังคมเดียวกัน อยู่ทีมงานเดียวกัน อยู่บริษัทเดียวกันได้ มนุษย์มองแค่นี้ ว่านี่คือการค้ำจุนโลก โลกของพวกเราจะมั่นคงเพราะเรามีความรักความเมตตา แต่จริง ๆ แล้วมนุษย์มองแค่ตรงนั้นไม่ได้ จริง ๆ แล้วเราค้ำจุนโลกทั้งใบด้วย แต่เราค้ำจุนทางพลังงาน..." (โปรดอ่านต่อฉบับหน้า) หรืออ่านจากเว็บโดยตรงที่ http://www.yingthai-mag.com/detail.asp?ytcolumnid=2771&ytissueid=708&ytcolcatid=1&ytauthorid=78<br />
<br />
<br />
ที่มา <a href="http://jitjakkravan.blogspot.com/2007/06/blog-post_1466.html%20">http://jitjakkravan.blogspot.com/2007/06/blog-post_1466.html </a></span><br />
<br /><div class="blogger-post-footer">ด้วยความปรารถนาดีจาก...บล็อกเตือนภัยพิบัติโลก</div>Anonymoushttp://www.blogger.com/profile/09362385019399728087noreply@blogger.com1กรุงเทพมหานคร ประเทศไทย13.7234186 100.476231913.476614600000001 100.16037490000001 13.9702226 100.7920889